5
แปลก... ประหลาด...
ตะวันเอาอกเอาใจผิดปกติ!
ในสีหน้าสงสัยระคนค้างคาใจว่าอีกคนเป็นอะไร เขาไม่เหมือนหนุ่มห้าวหาญที่เคยรู้จัก ยังสบตาเธออย่างจริงจังจริงใจ ผิดจากตะวันคนเดิม
“เมื่อยใช่ไหม? รองเท้าน่ะ” พูดพลางก้มตัวลงนั่งถอดรองเท้าให้ สองเท้าเปลือยเปล่าสัมผัสพรมเย็นเฉียบ เย็น... ยิ่งขึ้นไปอีกพอชายหนุ่มไปคว้าเก้าอี้มาให้เธอนั่ง
ดวงตาคู่สวยคอยมองตามทุกกิริยา มือหนาจับข้อเท้าขาวสวยอย่างอ่อนโยน หมุนไปมาเบา ๆ ไม่ให้เธอรู้สึกเจ็บแม้สักน้อย ค่อนข้างสบาย...
“ทำอะไรน่ะ?”
“นวดให้ไง...”
“เอ้อ... ทำตัวแปลก จังเลยนะ”
“หม่อน... เป็นเมียตะวัน เป็นแม่ของลูกตะวัน ก็ต้องดูแลดี ๆ”
‘แล้วจะให้ทำหน้ายังไงดีล่ะ ทำตัวยังไงดี’
ใบหม่อนไม่ได้พูดออกไป เมื่อรอยยิ้มจริงใจบนใบหน้าหล่อเหลาทำใบหม่อนรู้สึกขนลุกขึ้นมา พอเขายิ้ม นวดข้อเท้าให้เธอ เลยเลือกที่จะเบือนหน้าหนีพ่อของลูกไปอีกทาง
----------------------------------
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อก่อนเธอเป็นเด็กสาวที่โดนบูลลี่เป็นประจำน่ะสิ พอได้มาเป็นเพื่อนกับตะวัน อย่าว่าแต่รอยขีดเขียนบนโต๊ะว่า ‘อีแรด’ สารพัดเรื่องราวที่พวกขี้อิจฉาสามารถจะสรรหามาแกล้งเธอได้ ไม่มีให้เห็นอีก บรรดากลุ่มสาวแสบกลับมายกมือไหว้สวัสดีด้วยท่าทางนอบน้อมถ่อมตนเสียแทน เดินผ่านยังก้มหัวให้ เกรงอกเกรงใจยังกับเจอหน้าครูใหญ่
ใบหม่อนไม่ถูกใครรังแกจนเข้ามหา’ลัย เธอยังคงคบหากับตะวันในฐานะเพื่อน ที่ชอบทำตัวเป็นไม้กันหมา ไม่ยอมให้เธอมีแฟนเลยสักคน จนเข้ามหา’ลัยปีสุดท้ายเธอดันมามีอีตาพี่แม็ก ซึ่งรู้จักผ่านกลุ่มเพื่อนอีกที
หนุ่มหล่อตี๋ สูงยาวเข่าดี เข้าหน้าตะวันไม่ติด ทว่ายังอุตส่าห์มาร่วมแสดงความยินดี ถึงไม่ได้เข้าใกล้แฟนสาว ได้แค่ยืนคุยกันห่าง ๆ
ห่างหนึ่งเมตร! ยังกับว่าเธอเป็นตัวแพร่เชื้อโรค ไม่อยากจะเฉียดเข้าไปใกล้
“ล่ำลากันเสร็จหรือยังล่ะ” ในน้ำเสียงและท่าทางเอาเรื่องเอาราว สองหนุ่มสาวจำต้องโบกมือลากัน ความรู้สึกดี ๆ ที่หลงเหลืออยู่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ
ใบหม่อนจับชายกระโปรงยาวประพื้นยกขึ้น เจ้าบ่าวในสูทหล่อเหลายังเข้ามาช่วยคว้าเดรสแต่งงานตัวสวย เพื่อที่จะให้เธอก้าวขาสะดวกขึ้น มองไปทางคนข้างกาย แสนเอาใจใส่เธอเป็นพิเศษ ขนาดรองเท้าสีขาวยังเป็นรองเท้าส้นเตี้ยตามใจคุณพ่อที่ห่วงลูกในท้องเหลือเกิน
“ทำไมอีกอะ หน้าตาไม่รับแขกนี่ยังไงอีก”
“เลิกงานละ ถึงเวลาไปเรือนหอ ไปเร็ว...”
ตะวันยิ้มกรุ้มกริ่ม เมื่อหมดก้างขวางคอ มารหัวใจนัมเบอร์วัน! แววตาริษยาอาฆาตแค้นยามจ้องมองชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็นอดีตอย่างประกาศความไม่พอใจ ชัดแจ้ง ชัดเจน ใบหม่อนเพิ่งสังเกตเห็นจริงจังก็วันนี้
เธอไม่เคยเอะใจมาก่อนเลยมากกว่า ตั้งแต่เป็นเพื่อนสนิทกับตะวัน เธอไม่คิดว่าตะวันจะคิดไม่ซื่อกับเธอมาตั้งนานแล้ว ไม่เคยคิดเลยสักครั้ง
แขกเหรื่อมาร่วมงานแต่งช่วงหัวค่ำทยอยกลับกันหมดแล้ว ไม่ได้มีอาฟเตอร์ปาร์ตี้ตามใจคุณพ่อ ตะวันบอกกับเพื่อน ๆ ว่าเมียท้องดื่มเหล้าไม่ได้ แล้วต้องมาเห็นคนอื่นดื่มเหล้าอร่อย สนุกสนานเฮฮา เขาไม่อยากให้เมียต้องมามองตาละห้อย เอาไว้เป็นโอกาสหน้าค่อยนัดรวมกลุ่มดีกว่า
เมื่อไรก็ได้...
เมื่อไรก็เมื่อนั้น...
นิสัยเอาแต่ใจตัวเองของตะวัน ใบหม่อนรู้สึกคุ้นชิน เพราะนั่นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ กระทั่งเขาเดินนำทางเธอพร้อมยกชายกระโปรงเกะกะให้พาขึ้นรถยนต์ห้าประตู มาถึงเรือนหอเป็นบ้านสองชั้นปลูกใหม่ในหมู่บ้านจัดสรรริมชานเมือง
ดวงตาคู่คมวูบไหวปรากฏอารมณ์มากมายหลายอย่าง เมื่อแสงสีนวลอ่อนสะท้อน ชายหนุ่มก้มหน้าลงหาเธอ เลื่อนมือผ่านแผ่นหลังไปไว ๆ ปลดตะขอด้านหลังให้ ด้วยกลัวว่าคุณแม่จะอึดอัดกับเดรสเกาะอกรุ่มร่าม
ตุบ...
เดรสเจ้าสาวหล่นลงไปกองบนพื้นกระเบื้องสีน้ำตาลแล้ว เรือนร่างสมส่วนเหลือแค่ชั้นในเป็นเกาะอกเอวลอยเต่อ เผยให้เห็นผิวขาวนวลเนียน หน้าท้องแบนราบใต้สะดือสวย เธอยังสวมกางเกงขาสั้นเข้ารูป ใบหม่อนถึงรู้สึกตัวตกใจ
“เอ๊ย... ถอดเองได้”
“พูดมากน่ะ หิวหรือเปล่า?” ถามแทรกคนที่กำลังจะอ้าปากปราม และเขาคงไม่ต้องรอคำตอบ เมื่อได้ยินเสียงท้องร้องดังโครกคราก คุณแม่ยกมือขึ้นกุมหน้าท้อง
“เดี๋ยวไปทำอะไรให้กิน รอนี่อะ”
ใบหม่อนพยักหน้าหงึกหงัก ได้แต่มองตามสามีเดินหายเข้าห้องครัวไป ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟากำมะหยี่สีดำตัวใหม่ในสีหน้าเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย สับสนวุ่นวายใจ
เธอไม่คิดว่าตัวเองควรแต่งงานกับตะวัน ไม่คิดว่าผู้ชายห่าม ๆ โหด ๆ พูดจาไม่เข้าหู จะสามารถอ่อนโยนเป็น ดูแลเมียท้องได้ ไม่คิดว่าเขาจะซื้อบ้านเดี่ยวราคาหลักสามล้าน ตกแต่งได้อย่างสวยงามลงตัว สวนหย่อมเล็ก ๆ มีม้านั่งหินและน้ำพุซึ่งเธอเดินผ่านเข้าบ้านมา ให้ความรู้สึกร่มรื่น น่าพักอาศัย
เธอได้ยินมาจากคุณพ่อคุณแม่ว่าพวกเขาออกแค่ค่าดาวน์บ้านส่วนหนึ่ง ลูกชายขอผ่อนกับธนาคารเอง คุณพ่อเป็นผู้รับไม่ไหวเรื่องดอกเบี้ย สุดท้ายก็ออกไปก่อน แล้วให้ลูกชายมาผ่อนกับคุณพ่อทีหลัง
นั่งมองบ้านสวย ๆ ทอดความคิดเรื่องสามีได้ไม่นาน ดวงตาคู่สวยเหลือบไปเห็นกรอบรูปใกล้กันกับโคมไฟ ร่างบางในชุดน้อยชิ้นลุกขึ้นไปชะโงกคอดู
“อุ๊ย... ตั๋วหนังตั้งนานแล้วนี่”
มือเรียวยกขึ้นป้องปากตกใจ นึกถึงเรื่องที่ได้ยินจากเจ้าตัวก่อนหน้านี้ว่าแอบชอบเธอมานาน
ใครจะไปคิดว่าพ่อคุณเอาตั๋วหนังเก่า ๆ มาใส่กรอบเต็มไปหมด ดูหนังด้วยกันมากี่สิบ ๆ เรื่อง บางเรื่องก็ไม่ได้ไปดูกันสองคน ไปกันทั้งแก๊งตั้งเจ็ดคน
“ไอ้ตะวัน ที่แท้มึงมันเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ” ปากพึมพำว่า แต่ให้โกรธ คงโกรธไม่ลง...
ใบหม่อนผ่อนลมหายใจมองภาพความทรงจำเหล่านั้นด้วยสีหน้านิ่งเฉย จนได้กลิ่นหอมฉุยของอาหารลอยมา พ่อบ้านจำเป็นวางถ้วยชามใบเล็กลงบนโต๊ะกระจกหน้าโซฟา หยิบรีโมตขึ้นมาเปิดโทรทัศน์จอแบนให้ภรรยา
“ข้าวสวยกับปลาทูนึ่งมะนาวครับ คุณแม่หม่อน กินเยอะ ๆ นะ อย่าปล่อยให้ลูกหิว”
