มหาสงครามคนเหนือมนุษย์ season 1

22.0K · จบแล้ว
ลักกี้ หยาง
11
บท
22.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึงเมื่อเหล่านักรบฟินิกซ์ต้องลงสนามรบจริงครั้งแรก ซึ่งเป็นการรบระหว่างสามประเทศคือ แพนธีออน อัลเบอร์ต้า ฮิโนกิ และจักรวรรดิ์เปรเซียร์ โดยฟรอนร์เทียร์ได้รับการว่าจ้างจากฝ่ายอัลเบอร์ต้าให้ส่งกองทัพมาช่วย พวกเขาต้องใช้ทักษะที่ได้ฝึกมาทั้งหมดเอาชีวิตรอดให้ได้ในสงคราม และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดพวกเขาต้องไร้เมตตาปราณีต่อข้าศึก มิฉะนั้นพวกเขาอาจกลายเป็นศพชะเอง หมายเหตุ : เนื้อหาในนิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่ง และไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์จริงใด ๆ ในประวัติศาสตร์ทั้งสิ้น หากชื่อสถานที่หรือชื่อบุคคลในนิยายไปพ้องกับบุคคลใดหรือสถานที่ใด ผู้แต่งก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

นิยายแอคชั่นแฟนตาซี ต่างโลกกำลังภายใน

Chapter 0

"อาคัส ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอย่างกะทันหันโดย "มาคัส" แฝดพี่ของเขาเอง แม้ว่าจะยังงัวเงียอยู่แต่เขาก็รู้ได้ว่าหากไม่มีความจำเป็นจริงๆมาคัสจะไม่มีทางปลุกให้ตื่นยามวิกาลแบบนี้แน่ เพราะเมื่ออาคัสมองที่นาฬิกาข้างเตียงซึ่งมันเป็นเวลา 3 ทุ่มแล้ว เด็กหนุ่มตัดสินใจลุกจากเตียงและตามมาคัสออกมาจากห้อง และเห็น "ริชาร์ด" แฝดพี่คนโตยืนรออยู่พอดีซึ่งเมื่อเห็นว่าแฝดน้องทั้งสองตื่นแล้ว ริชาร์ดทำสัญญาณมือให้ทั้งสองเดินตามหลังตนมา

"มีเรื่องอะไรกัน ทำไมต้องทำลับๆล่อๆด้วย" อาคัสถามด้วยความสงสัย

"ฉันก็อยากรู้ไม่ต่างจากแก อาคัส" มาคัสตอบแค่สั้นๆ

"แกสองคนตามมาแบบเงียบๆได้ไหม" ริชาร์ดพูดเสียงดุใส่ทั้งสอง

ทั้งสองเดินตามริชาร์ดลงมายังชั้นล่างและเดินตรงมายังห้องอเนกประสงค์ ซึ่งมันเป็นห้องกว้างเอาไว้ทำกิจกรรมแล้วแต่พวกเขา โดยส่วนใหญ่คือการประชุมหน่วยรบพิเศษ SAS มากกว่าอันประกอบด้วย "ทีมดาร์คเนสส์วอริเออร์" "ทีมอีวิลลอร์ดแฟนธ่อม" และ "ทีมเดวิลแบ๊ทส์" ซึ่งมาคัสมองแผ่นหลังแฝดพี่ด้วยความสงสัย เพราะเขาจำได้ว่าหากไม่มีความจำเป็นจริงๆ ริชาร์ดจะไม่มีวันเข้ามาในห้องนี้เด็ดขาด แต่ความสงสัยก็ได้รับคำตอบเมื่อริชาร์ดเปิดประตูเข้ามาก็พบ "พลเอกหยางเจี้ยนหลง" ผบ.หน่วยรบ SAS และยังควบตำแหน่ง "วอร์ลอร์ด" ด้วย

แน่นอนว่าทั้งสามคนต่างทำความเคารพต่อผู้บัญชาการใหญ่ ทว่านายพลหยางเจี้ยนหลงยกมือเชิงอนุญาตให้สามแฝดทำตัวตามสบายได้ อาคัสมองมาที่มาคัสสลับกับริชาร์ดเผื่อว่าจะมีคำตอบให้ว่า ทำไมนายพลหยางเจี้ยนหลงถึงมาอยู่ที่นี่ แถมยังเป็นในยามวิกาลเสียด้วย หรือ "ท่านทูตอากิระ" จะรู้เรื่องนี้แล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีวี่แววของเอกอัครราชทูตอาวุโสแห่งฟรอนร์เทียร์ หรือในอีกฐานะคือ "บิดาบุญธรรม" ของพวกเขา

"พวกนายไม่ต้องกังวลหรอกสิบโท เรื่องที่ฉันมาวันนี้ท่านทูตรับทราบแล้ว" นายพลหยางเจี้ยนหลังกล่าวด้วยเสียงเรียบ ทำให้อาคัสต้องรีบทำการขออภัยในทันที

นายพลหยางเจี้ยนหลงไม่อยากถือสาอาคัส เพราะเขาเข้าใจความสงสัยของทหารใต้บัญชาดี โดนเรียกให้มาพบยามวิกาลแบบนี้ เขาเดินมาเผชิญหน้ากับแฝดสามคน ถึงแม้นายพลหยางเจี้ยนหลงจะมีอายุมากกว่า ทว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อเทียบความสูงแล้ว ริชาร์ด มาคัส และอาคัสมีส่วนสูงเทียบเท่ากับนายพลหยางเจี้ยนหลง ทั้งที่พวกเขาพึ่งจะแตกเนื้อหนุ่มมาได้แค่ปีเดียวเท่านั้น จากประวัติที่นายพลหยางเจี้ยนหลงอ่านมา ดูเหมือนว่าผลงานล่าสุดจะทำให้ทั้งสามได้รับยศสิบโทเร็วกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน เนื่องจากตามหลักต้องอายุครบ 18 ปี ก่อน

"ท่านครับ ผมขออนุญาตถามได้ไหมครับ" ริชาร์ดกล่าว

"อนุญาต" นายพลหยางเจี้ยนหลงว่า

"ท่านเรียกพวกผมมาในยามวิกาลแบบนี้ เป็นภารกิจแบบไหนครับ" ริชาร์ดถาม

คำถามตรงๆของริชาร์ดสร้างความประหลาดใจ แก่นายพลหยางเจี้ยนหลงอย่างมากมันทำให้เขา อดนึกถึงเพื่อนร่วมรบอย่าง "พันเอกบารอน" หรือก็คือบิดาของแฝดสามนั้นเอง ให้ตายเถอะลูกไม้มันหล่นไม่ไกลต้นจริงๆ แต่ก่อนที่นายพลจะกล่าวบางอย่าง ก็มีเสียงพริ้วปากดังขึ้นอยู่เบื้องหลังนายพลหยางเจี้ยนหลง เมื่อทั้งสี่คนหันมาทางต้นเสียงก็เห็นเด็กหนุ่มวัย 18 ปี กำลังนั่งพริ้วปากเล่นลูกบิดอย่างอารมณ์ดี โดยไม่สนใจสายตาที่มองมาแม้แต่น้อย

"สบายใจจังนะจ่า" นายพลหยางเจี้ยนหลงเอ่ยเสียงเรียบ แต่คนฟังกลับรู้สึกเย็นวาบที่แผ่นหลังอย่างบอกไม่ถูก

"ต้องขออภัยด้วยครับท่าน" เด็กหนุ่มคนนั้นหันมากล่าวและเก็บลูกบิดตามเดิม

จากนั้นนายพลหยางเจี้ยนหลงก็หันมาแนะนำ ให้ทั้งสามหนุ่มรู้จักกับ "ฟรานซิส กอร์ดอน" หัวหน้าทีมอีวิลลอร์ดแฟนธ่อม พึ่งจะได้รับยศนายจ่าเมื่อไม่นานมานี้จัดว่าฟรานซิส คือทหารจ่าที่อายุน้อยที่สุดของหน่วยรบก็ว่าได้ หัวหน้าสองทีมมารายงานตัวแต่ขาดไปอีกหนึ่ง ซึ่งนายพลหยางเจี้ยนหลงให้เหตุผลว่าหัวหน้าทีมเดวิลแบ๊ทส์ ติดกิจธุระจึงจะมารายงานตัวอีกทีในวันพรุ่งนี้

"ในเมื่อมากันครบแล้ว ฉันจะเข้าเรื่องเลยละกัน... พวกนายรู้ข่าวสถานการณ์ของเปรเซียร์ใช่ไหม" นายพลหยางเจี้ยนหลงถาม

"ทราบครับ" ทั้งสี่ตอบ

"ดี ! พรุ่งนี้พวกนายเรียกสมาชิกทีมของพวกนายให้พร้อม ได้เวลาเข้าสู่สนามรบแล้ว"