บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 10

10

“นะคะคุณป๋าขา อยู่เที่ยวกับน้ำผึ้งสักวัน ไม่เห็นจะเสียหายอะไรนี่นา ป๋าแก่แล้วนะ...สี่สิบกว่าแล้วนะคะ อย่าหักโหมใช้ร่างกายหนักมากสิ เงินทองเรามีตั้งมากมาย ถึงไม่ทำงาน เราก็มีเงินให้ใช้เป็นสิบปีก็ไม่หมด” กะพริบตาปริบๆ ส่งไปให้อย่างน่ารัก เพื่อหลอมละลายหัวใจภาวัติให้ทำตามความต้องการ

ภาวัติถอนหายใจเฮือกใหญ่ อายุเยอะขึ้นเป็นอุปสรรคสำหรับการเดินทางและการทำงานจริงๆ นั่นแหละ ไหนจะเสียงออดอ้อนหวานแผ่วพลิ้วราวกับแมวเหมียวตัวน้อยคลอเคลียเจ้าของ แต่เหงาเศร้าเหมือนกับนกบินกลับรังไม่ถูกอีก ทำให้เขาเป็นห่วงจนร้อนใจแล้วต้องทอดถอนใจ

“เรานี่นะ...อยากได้อะไรต้องเอาให้ได้จริงๆ” บีบจมูกเล็กเบาๆ ใบหน้าเปื้อนยิ้ม “เดี๋ยวรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ คุณป๋าจะไปจัดการเรื่องห้องให้เรียบร้อย”

“เย้...คุณป๋าน่ารักที่สุดเลยในโลกเลย” อยากไชโยโห่ร้องด้วยการกระโดดกอดภาวัติเหมือนตอนอยู่ที่บ้าน แต่ยังกริ่งเกรงและอายเล็กๆ กับสายตาหลายคู่ที่มองมา เลยได้แต่ส่งยิ้มหวานๆ ให้กับคนใจดีที่น่ารักที่สุด

เชื่อว่าถ้ามีภาวัติอยู่ด้วย ผู้ชายคนนั้นต้องไม่กล้าทำอะไร แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นมธุรสก็ยังไม่ไว้วางใจ ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบบริเวณด้วยหัวใจสั่นไหว ก่อนผ่อนลมหายใจออกจากปอด เมื่อไม่เห็นคนที่ทำให้เธอกลัว...กลัวผู้ชายคนนั้นไม่เท่ากลัวหัวใจตัวเอง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร หัวใจถึงได้เต้นแรงรัวเร็วราวกับจะทะลุอกยามถูกแตะต้อง ร่างกายก็ร้อนผ่าวราวกับถูกเปลวเพลิงเผาไหม้ คล้ายน้ำถูกต้มเดือดจนกลายเป็นไอยามถูกแนบชิดและบดคลึงริมฝีปากนุ่ม

มธุรสยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองเบาๆ เมื่อรู้ตัวว่าเผลอไปคิดถึงเรื่องน่าอับอายที่เกิดขึ้น ถ้าใครรู้เข้าเธอไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เพราะไอ้คนฉวยโอกาสนั่นแท้ๆ กรามเล็กขบกัดจนแก้มนูนขึ้นสัน

อยากรู้นักว่าเขาเป็นใคร คงดีถ้าเป็นแค่พนักงานในโรงแรมนี้ จะได้ฟ้องให้ถูกไล่ออกจากงานไปเสียเลย ขืนปล่อยไว้รังแต่จะทำให้โรงแรมเสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะพนักงานเลวทรามชอบลวนลามทำอุกอาจกับผู้หญิง แต่...

กลีบปากอวบอิ่มขบกัดจนแบนราบเรียบ ในดวงตาเป็นประกายเจิดจ้าด้วยโกรธกรุ่นระคนเจ็บปวดใจ ไม่รู้เป็นอย่างนี้ได้ยังไง เพียงแค่คิดว่ามือคู่นั้นไปจับต้องผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ อ้อมแขนเขามีผู้หญิงคนอื่นเป็นเจ้าของ

โอ๊ย! เธอเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ เลยที่ดันไปคิดแบบนั้นกับผู้ชายเพิ่งแรกเจอ ชักเพี้ยนไปแล้วจริงๆ ตื่น...ตื่นได้แล้วมธุรส มาคิดอะไรบ้าๆ ไม่เป็นกุลสตรีอย่างนี้ได้ไงกัน สองมือนุ่มยกขึ้นตบแก้มแรงๆ เรียกสติกลับคืนมา ปรับเปลี่ยนวงหน้ารูปไข่ที่บูดบึ้งให้แย้มยิ้มหวาน

“คุณป๋าขา...” ปกติแล้วเธอจะพูดไทยกับภาวัติ แต่ในครั้งนี้เธอเลือกเรียกขานอีกฝ่ายด้วยภาษาอังกฤษ เพราะคิดว่าสิ่งนี้จะกลายเป็นเกราะคุ้มกันภัยให้ได้ดีที่สุด ไม่มีผู้ชายคนไหนอยากยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงที่มีเจ้าของแล้วแน่นอน ไม่มีใครอยากเป็นชู้!

ใบหน้างามเริ่มมีแวววิตกกังวล เมื่อภาวัติเดินกลับมาพร้อมสีหน้ายุ่งเหยิงคล้ายไม่สบอารมณ์ หรือว่า...แย่แน่เลย “เกิดอะไรขึ้นคะคุณป๋า หรือว่า...”

“อือ...”

“อย่างนี้ก็แย่สิคะ อย่างนี้น้ำผึ้งก็ต้องนอนคนเดียวสิ” มธุรสเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อรู้ว่าภาวัติเปลี่ยนโปรแกรมที่วางไว้ไม่ได้ ใบหน้าฉายแวววิตกกังวล หัวคิ้วโค้งได้รูปขมวดมุ่นเข้าหากัน กัดแคะปลายเล็บอย่างลืมตัว

“มีอะไรปกปิดคุณป๋าอยู่ใช่ไหมน้ำผึ้ง” เชื่อสายตาตัวเอง มองไม่ผิดแน่ มธุรสต้องมีเรื่องปกปิดเขาชัวร์!

“ไม่นี่คะ” ใบหน้าเศร้าหมองลงมองพื้น ด้วยกลัวจะเปิดเผยทุกอย่างทางสายตา สอดมือเข้ากอดแขนอวบ แนบหน้ากับต้นไหล่กว้างอย่างประจบ

“แค่เสียดาย คุณป๋าทำงานหนักและทำเพื่อคนอื่นมาตลอด ทำไมวันนี้ถึงไม่ยอมทำให้ตัวเองมีความสุขบ้างล่ะคะ น้ำผึ้งไม่อยากให้วันที่ได้พักคือวันที่ต้องจากโลกนี้ไป”

ความรักความห่วงใยที่สื่อมาทำให้ภาวัติเต็มตื้นไปทั้งหัวใจ แขนใหญ่โอบรัดรอบกายอรชร ทาบมือบนศีรษะทุยเขย่าเบาๆ “ถ้าคุณป๋าพักด้วยอย่างที่น้ำผึ้งคิด จะไม่เป็นการกีดกันหนุ่มๆ ที่จะมาจีบสาวน้อยแสนสวยหรือไง มันน่าเสียดายอยู่นะ แถวนี้ฝรั่งหน้าตาดีเยอะเสียด้วยสิ” เอ่ยถามพลางหัวเราะกลั้วคอ

‘เอ๊ะ...คำพูดนี้ฟังดูแล้วแปลกพิกล’ มธุรสรีบเงยหน้ามองภาวัติ คิ้วโค้งได้รูปเลิกขึ้นเล็กน้อย ก่อนทำหน้าง้ำเมื่อเข้าใจความนัยในคำพูด

“คุณป๋าน่ะ แกล้งน้ำผึ้งอีกแล้ว”

“ก็เรามันน่าแกล้งนี่น่า” ภาวัติหัวเราะ นี่มันต่างบ้านต่างเมืองนะ ทำอะไรก็ต้องเตรียมตัวให้เรียบร้อยก่อนสิ ไม่ใช่นึกอยากทำอะไรก็ทำ

“งอนคุณป๋าแล้ว ไปห้องอาบน้ำให้สดชื่นสบายใจสบายกายดีกว่า” ถึงจะบอกว่างอน ทว่ามธุรสก็ยังสอดมือกอดแขนอวบดึงภาวัติให้ลุกขึ้นเดินไปหาพนักงานโรงแรมซึ่งยืนรออยู่หน้าลิฟต์ด้วยสีหน้าแช่มชื่น ดวงตาใสแจ๋วเป็นประกาย ด้วยยามนี้หัวใจเธอก็เริงรื่นราวกับได้บินไปบนท้องฟ้าซึ่งไร้เมฆหมอกควันไฟให้ระคายเคืองขุ่นใจ

“เป็นอะไรไปน่ะน้ำผึ้ง เห็นเดินวนไปเวียนมาหลายตลบแล้ว ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง” ภาวัติเอ่ยทักแม่ตัวเล็กซึ่งเดินวนไปเวียนมาอย่างกับหนูติดจั่น วงหน้านวลชะเง้อจนคอยาวมองออกไปที่ชายหาดสีขาวสุดลูกหูลูกตา สลับสะบัดค้อนหน้าตางอง้ำใส่เขาอยู่หลายครั้ง

“คุณป๋าน่ะ...ก็รู้อยู่ ยังจะมาถามอีก”

มธุรสเอ่ยอย่างกระเง้ากระงอด ใบหน้าสวยยิ่งงอง้ำ อากาศตอนเช้ากำลังเย็นสบาย พระอาทิตย์ดวงโตออกสีส้มเข้มโผล่ขึ้นจากขอบฟ้า สาดทอแสงสะท้อนกับน้ำทะเลสีน้ำเงินเข้มใสแจ๋วราวกับได้เห็นเกล็ดของเพชรเม็ดงามมากองอยู่ตรงเบื้องหน้า จนอยากเห็นให้ชัดเจนเต็มสองตา อยากสัมผัสเนื้อทรายนุ่มด้วยมือและเท้า ถึงได้ปลุกและลากตัวภาวัติซึ่งยังนอนหลับอุตุอยู่บนเตียงลงมาเป็นเพื่อนด้วย แต่พอคุณป๋าตัวดีเห็นเครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้นแหละ...

‘ขอคุณป๋าเช็กงานหน่อยนะน้ำผึ้ง ไม่ถึงสิบนาทีหรอก เดี๋ยวคุณป๋าจะไปเดินเล่นเป็นเพื่อน’ คนเอ่ยบอกยกมือขึ้นทาบบนศีรษะทุยแล้วขยี้เบาๆ ก่อนพาร่างอวบท้วมความสูงไล่เลี่ยกับมธุรสไปนั่งหน้าคอมพิวเตอร์

นับจากตอนนั้นถึงตอนนี้เวลาก็ผ่านไปจากครึ่งชั่วโมงเป็นหนึ่งชั่วโมงกว่าแล้วที่ภาวัติยังนั่งทำหน้าคร่ำเคร่งอยู่กับคอมพิวเตอร์ จนลืมไปด้วยซ้ำว่ามีเธออยู่ด้วย เป็นอย่างนี้แทบทุกครั้ง ทำงานจนลืมเวลา ลืมกิน ลืมนอน คิดแล้วเซ็ง ริมฝีปากอวบอิ่มขยับไปซ้ายขวา

“ไหนบอกว่าสิบนาทีคะ นี่ชั่วโมงกว่าแล้วนะ ลุกเลยค่ะลุกเลย...วันนี้เรามาเที่ยวกันนะ ไม่ใช่มาทำงาน” ไม่รอช้าร่างเล็กเดินไปสอดสองมือเล็กกับแขนอวบใหญ่และดึงรั้งร่างภาวัติให้ลุกขึ้น

“ขอคุณป๋าดูรายละเอียดงานอีกแป๊บนะน้ำผึ้ง” เอ่ยบอกโดยที่สายตาไม่ละจากจอคอมพิวเตอร์

มธุรสแบะหน้าเหนื่อยหน่ายระคนเบื่อเซ็ง “ถ้ายังไม่ยอมวางมือ น้ำผึ้งโกรธแล้วนะคุณป๋า” ทำเสียงกระเง้ากระงอด งอนตุ๊บป่อง สอดแขนเรียวไขว้ระหว่างอก ปรายสายตามองภาวัติ ที่ปกติแล้วเมื่อเธองอนเขาก็ต้องง้อ แต่คราวนี้กลับไม่สนใจ สงสัยงานคงสำคัญมากจริงๆ แต่ไม่ยอมแล้วนะ พามาพักผ่อนนะไม่ใช่มาทำงาน

มือใหญ่จับรั้งแขนเล็กบังคับด้วยแรงที่มากกว่าให้อีกฝ่ายหันมา “ให้เวลาคุณป๋านิดนะน้ำผึ้ง การได้รู้เรื่องนี้ให้ประโยชน์แก่เราสองคนมาก ถ้าหนูเบื่อนั่งรอ ก็ไปเดินเล่นคนเดียวก่อน คุณป๋าเสร็จแล้วจะรีบตามไป ตกลงนะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel