มณีหมั้นรักxรักกันในฝัน

145.0K · จบแล้ว
พิมพ์ชนก
74
บท
37.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

รักกันในฝัน หนังสือที่เธออ่านคือสะพานพาเขาและเธอข้ามกาลเวลามาพบกันในทุกค่ำคืน เพื่อรักกันเพียงแค่อยู่ในมณีหมั้นรัก นายอำเภอไตร จตุพร ผู้ถวิลหาเพียงการทำงานรับใช้ประชาชน จนเมื่ออายุ 35 ปีแล้วยังไม่หมายจะลงเอยกับสาวใด ร้อนใจถึงพ่อแม่ที่กลัวไม่มีหลานให้อุ้มทันก่อนวัยชราภาพ จึงได้หมั้นหมายผู้หญิงให้กับลูกชายถึงสามคน แต่...มีเพียงหนึ่งหญิงที่เป็นตัวจริงเท่านั้น นายอำเภอหนุ่ม มาดแมน หล่อล่ำ ผู้มีเลือดเนื้อแห่งความเป็นชายอยู่เต็มเปี่ยม จะทานทนกับการยั่วยุ เร้าจิตใจจากสามสาวได้หรือไม่ ต้องคอยติดตามและลุ้นไปทุกตัวอักษรกัน ในโลกแห่งจินตนาการไร้ขอบเขต***********************************สาว 1 ขาวสะพรั่งดั่งไข่ปอก อาบน้ำนม หมวย สวยเซ็กซ์ ช่างยั่ว ด้วยกิริยาแช่มช้อย เจ้าของนามโม่ลี่ (แม่ดอกมะลิ)สาว 2 เร่าร้อน แหม่มจ๋า หัวทอง สรีระเด่นชัด กล้าได้ กล้าเสีย จัดจ้าน นามพอลลีนสาว 3 กะโปโลเปี่ยมสุขสนุกสนาน สาวใช้คนใหม่ แปลงโฉมจนขี้ริ้ว ตื่นกลัวขึ้นมาเป็นต้องที่หลบภัย นางสาวแสนรัก หรือ สร้อย มาในนามสาวใช้

นิยายรักนิยายปัจจุบันพลิกชีวิตรักหวานๆข้ามมิติสัญญาทางรักโรแมนติก

ตอน 1

รักกันในฝัน

หนังสือที่เธออ่านคือสะพานพาเขาและเธอข้ามกาลเวลามาพบกันในทุกค่ำคืน เพื่อรักกันเพียงแค่อยู่ในความฝัน

คุณพระพิมาน กับ แม่ไรไร

นิยายที่ถือในมือเป็นนิยายย้อนสมัย เมื่อเรไรหยิบขึ้นมาอ่านทีไร เป็นต้องหลงใหลพาจิตใจเข้าไปในบทประพันธ์ทุกคราไป เธออ่านมาสามวันแล้ว พอล้มหัวลงนอนก็ฝันแปลกๆ ฝันถึงดวงหน้าหล่อเหลาคมคร้ามของคุณพระพิมานในเรื่องซึ่งเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมสัน ผิวสองสี คือประมุขแห่ง ‘เรือนนพรัตน์’ อันมีบริวารมากมาย

เรไรจัดอยู่ในจำพวกนักอ่านหนังสือช้าเพราะค่อยๆ ด่ำดื่มไปกับรสชาติตัวอักษรและบทประพันธ์ บางทีบทที่อ่านผ่านไปแล้วต้องย้อนกลับมาอ่านซ้ำ รู้สึกติดใจในสำนวนการเรียงร้อยของนักเขียน ‘พู่กันทอง’ เธอกับครอบครัวย้ายเข้ามาอยู่เรือนเก่าแก่หลังนี้เพราะได้รับมรดกจากคุณตาทวด ในพินัยกรรมระบุไว้ห้ามขายทอดตลาด ทั้งที่ดินและตัวเรือน รวมไปถึงเครื่องเรือนทรัพย์สินที่อยู่ในเรือนทุกชิ้น

มีเพียงเธอ พ่อ แม่ เท่านั้นที่ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ พี่ชายทั้งสองออกเหย้าออกเรือน มีครอบครัว มีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว จึงแค่มาเยี่ยมเป็นครั้งคราวเท่านั้น เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มที่ได้ใช้ชีวิต อยู่ในเรือนเก่าสีขาวกึ่งตึกกึ่งไม้ริมคลองผดุงกรุงเกษมแห่งนี้

บางครั้งหลังเลิกงาน เธอมักไปนั่งทอดอาลัยชมธรรมชาติอยู่ศาลาริมน้ำอันเก่าแก่ซึ่งมาพร้อมกับตัวเรือน บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบาย ได้กลิ่นดอกไม้โบราณ เช่นดอกรสสุคนธ์ ดอกปีบสีนวลลออ ถึงแม้สายน้ำจะต่างไปจากเมื่อร้อยกว่าปีที่ผ่านมาแล้ว หากแต่ยังพอนึกถึงความหลังได้บ้าง

คืนนี้หลังจากรับประทานอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวจึงขอตัวพ่อกับแม่ พวกท่านกำลังนั่งชมรายการโทรทัศน์อยู่ เพื่อขึ้นมาดื่มด่ำกับบทประพันธุ์ ‘เรือนนพรัตน์’ ของนักเขียนนาม ‘พู่กันทอง’ ต่อจากเมื่อคืน

อ่านไปได้แค่หนึ่งบทสิบสี่หน้าเท่านั้น ปากก็อ้า...หาวหวอดๆ คราวนี้ถึงกับอ่านไม่รู้เรื่อง เพราะง่วงเต็มที พรุ่งนี้ยังต้องรีบออกไปผจญรถติดไปทำงานอีก

คราวนี้เรไรจึงค่อยๆ เลื่อนตัวลงนอน แล้วซุกในผ้าห่มอุ่น เข้าสู่นินทราจึงดำดิ่งสู่ห้วงการหลับลึก ในยามค่ำคืนอันเงียบสงบ ทว่าในกลางดึกนั้น...

“แม่เรไร ได้ยินเสียงฉันหรือไม่” เสียงทุ้มแผ่วเบาดังแว่วๆ คล้ายจะอยู่ปลายเตียง ทว่าห่างไกลเหลือเกินในความรู้สึกคนฟัง ผ้าห่มหญิงสาวค่อยๆ ขยับราวกับมีการเคลื่อนไหว แต่ไม่ใช่การเคลื่อนไหวของเจ้าตัวที่กำลังหลับลึกอยู่ หากแต่เป็นการเคลื่อนไหวของคนอื่น ที่กำลังจะมุดเข้าผ้าห่มเริ่มจากปลายเท้า

“อืม...อย่าสิ คนกำลังหลับ อย่ากวน ไม่เอาอย่ากวน” คนหลับส่งเสียงคล้ายละเมอออกมา ทั้งที่ไม่ได้ลืมตาหรือลุกขึ้นมาดูสิ่งที่กำลังก่อกวนเธอในยามหลับคืออะไร หญิงสาวไม่สนใจต้องการหลับต่อ

ปลายนิ้วผู้บุกรุกในยามวิกาล ค่อยๆ ไต่ขึ้นไปตามเนื้อเนียนตรงเรียวขา ขยับขึ้นอย่างพลิ้วไหว คนบุกรุกยิ้มสุขุมในความมืดภายในห้องที่เขามาเยือน แม้สถานที่จะแปลกอยู่ซักหน่อย ทว่า...เสียงใสๆ หวานๆ ร้องเรียกหาเขาทุกคืน ดังนั้นเจ้าของร่างสูงใหญ่บึกบึนในชุดเสื้อคอกลมสีขาวผ่าหน้าติดกระดุมห้าเม็ด กับกางเกงแพรเนื้อเบาจำต้องมาตามเสียงเรียกร้องที่ดังแว่วทุกค่ำคืน

“หลับลึกจริงนะแม่คุณ ข้าจะทำอย่างไรกับเจ้าดีนะแม่เนื้อหอม” เสียงทุ้มยังก้องอยู่ในหู เจ้าสองเสียงยื่นมือไปทุ้มลูบไล้เบาๆ ปลายเท้าขยับขึ้นไปตามเรียวขาเหยียดยาวในผ้าห่ม เจ้าของเสียงดึงผ้าห่มคลุมกายหญิงสาวทิ้งไป

“อย่าสิ เอาผ้าฉันคืนมา” เรไรยังคงเพ้อ มือบางควานหาผ้าห่มที่หลุดจากกายไป อากาศเย็นจากลมพัดแผ่วพลิ้วมาทางหน้าต่าง ทำให้คนหลับขนลุก จนต้องควานหาผ้าที่โดนฉก คนหนาวยกมือขึ้นลูบต้นแขนตัวเอง ค่อยๆ ลืมตาขึ้นเพื่อจะดึงผ้าห่มคลุมร่างตามเดิม

ทว่า...สายตาที่มองหาผ้าห่มกลับเห็นเงาดำทะมึนตระหง่านอยู่ปลายเตียง เรไรคิดว่าตัวเองตาฝาด หรือฝันไป จึงรีบเปิดตา เอื้อมมือเปิดไฟหัวเตียงเพื่อให้ความสว่าง

“หึ...อะไร ผีหรือคน !!!” ไฟสว่างวาบ ภาพที่คิดว่าน่าจะเป็นสิ่งเร้นลับ กลับยังอยู่ซ้ำยังเป็นผู้ชาย รูปร่างหนา คิดว่าคงสูงใหญ่ ที่สำคัญไปกว่านั้น ผู้ชายที่เธอเห็นช่างหล่อเหลา รูปหน้าเคล้าโครงคมสัน

“คุณ...ปะ...เป็นใคร” ร่างบอบบางในชุดนอนเสื้อแขนสั้นกางเกงขาสั้น ถดหนีร่างสูงใหญ่ทะมึนไปติดหัวเตียง ดวงตาเบิกโต ตกอกตกใจกับภาพที่เห็น สงสัยอยู่สองอย่าง ผี...ไม่งั้นก็...คน

“เจ้าเรียกข้ามา แต่กลับหลับสนิท แบบนี้จะเรียกข้ามาเพื่อสิ่งใดเล่า” ผู้มาเยือนกล่าว พร้อมเปล่งประกายแววตาจ้องมองสาวน้อยที่หนีเขาไปจนมุมตรงหัวเตียง

“ฉันนี่นะเรียกคุณมา” ทำไมภาษาสำเนียงเขาคล้ายกับหนังสือที่เธออ่านก่อนนอนทุกคืนกันนะ คราวนี้เรไรเพ่งพิศดวงหน้าชายตรงปลายเตียง พร้อมทั้งสังเกตเครื่องแต่งกายบนตัวเขา ไม่ใช่คนในยุคของเธอเป็นแน่ กางเกงแพรลายยกดอกสีทอง กับเสื้อคอกลมสีขาวแขนสั้นติดกระดุมหน้า ราวกับพวกท่านเจ้าคุณ หรือคุณพระในละครพีเรียด เพราะถ้าเป็นคนแก่ พ่อเธอก็ไม่ได้สวมเสื้อผ้าแบบนี้ ท่านสวมชุดนอนปกติแบบปัจจุบัน

“เจ้าเรียกข้ามาสิ ไม่อย่างนั้นข้าจะมาหาเจ้าได้เยี่ยงไร” เขาตอบพร้อมกับยิ้มบางๆ แต่กลับดึงดูดความสนใจจากเรไรได้เป็นอย่างมาก เธอกำลังสนใจในตัวเขา โจร หรือว่าพวกนักย่องเบา หรือว่าผู้ร้ายข่มขืนแล้วฆ่า แต่สีหน้าท่าทีของเขาไม่ได้บ่งบอกเป็นคนประเภทนั้น น้ำเสียงนุ่มฟังแล้วเคลิบเคลิ้มสบายใจ

“เจ้าคิดถึงข้าจึงได้เรียกข้ามาใช่หรือไม่”

“ฉันนี่นะคิดถึงคุณ แล้วยังเรียกคุณมาอีก” คนทวนคำตื่นตระหนก ว่าแต่เธอเคยเรียกเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ถ้าคิดถึงคุณพระพิมานในนิยายตอบได้เต็มปาก...ว่าใช่ ทั้งคิดถึงอยากพบ อยากเห็น อยากสัมผัสตัวเป็นๆ จะหล่อเร้าอย่างในบทบรรยายหรือเปล่า

“เช่นนั้นสิ เจ้าหน้าตาน่าชัง จิ้มลิ้มพริ้มเพรา แตกต่างไปจากผู้หญิงที่ข้าเห็นทั้งหมด ผิวขาวกว่า งามกว่า และยังแต่งกายประหลาดๆ แต่ดูเหมาะสมกับรูปร่างเย้ายวนของเจ้านัก”

“ฉันนี่นะแต่งตัวประหลาด เป็นคุณมากกว่าที่แต่งตัวอะไรนี่ สมัยนี้เขาไม่ใส่แบบนี้กันแล้ว ว่าแต่คุณเป็นใครชื่ออะไร เข้ามาในห้องของฉันได้ยังไง”

“เจ้าถามข้าซะยาวยืด ข้าชื่อพระยาพิมาน บ่าวไพร่ต่างเรียกข้าว่า คุณพระ หรือคุณพระพิมาน เข้ามาในหอนอนเจ้าได้เช่นไรงั้นรึ ก็เพราะเจ้าเรียกข้ามาอย่างไรเล่า” เขาบอกนามของตนเอง พร้อมกับยืนยันการมาของตัวเองเช่นเดิม สตรีผู้นี้ได้เรียกเขามาพบจริงแท้แน่นอน

“ว่ายังไงนะพระยาพิมานอย่างหรือ” นี่มันชื่อพระเอกในนิยายเรือนนพรัตน์นี่นา ใคร...ใครกันแน่ ที่มาล้อเล่นกับเธอแบบนี้ พี่ชายของเธอหรือว่าใครกันแน่ รู้ว่าเธอชอบนิยายเรื่องนี้เป็นชีวิตจิตใจก็เอามาล้อเล่น นี่ไปจ้างใครมากันแน่ เอ...แต่พี่ชายเธอไม่รู้นี่ว่าเธออ่านนิยายเรื่องนี้อยู่...แล้วมันเรื่องอะไรกันล่ะที่นี้

“สงสัยกระไรนักหนาแม่สาวน้อย”

เขายิ้มพร้อมคลานเข้าใกล้หญิงสาวที่ถดกายหนีไปจนมุมอยู่หัวเตียง ยื่นมือไปเชยคางมนตรึงใบหน้างดงาม ที่มีแต่คำถามไม่สิ้นสุดเอาไว้ ฝ่ายเรไรสะบัดหนีมือที่ยื่นมา ทว่า...กลับแพ้ดวงตาคมกริบทรงพลังที่จ้องมองเธอไม่วางตา

“ข้าเองก็คิดถึงเจ้า มาหาเจ้าได้ไม่ใช่เพราะเจ้าเรียกข้าเท่านั้น แต่ถ้าเราไม่มีความรู้สึกคำนึงถึงกัน ข้าคงมาหาเจ้าไม่ได้” ชายร่างหนาสูงใหญ่ ใบหน้าคมคร้าม หล่อเหลาแบบบุรุษโบราณ ขยับเข้าใกล้หญิงสาว เรไรลืมการต่อต้าน รู้สึกถูกดึงให้หลงใหลในรูปโฉมความสง่างามผู้บุกรุก