EP9 ถูกเมียทิ้ง
ตอนนี้เธอนั่งรถตู้ โดยมีบอดี้การ์ดเป็นคนขับ เขาพาเธอมายังกลับมาคอนโดหรูที่พ่อเธอซื้อไว้ให้ตอนที่เธอเรียนมหาวิทยาลัย
ตลอดทางเธอเฝ้าแต่คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านพ้นไป ที่เขาทำกับเธออย่างแสนเจ็บปวดยากเกินกว่าจะให้อภัย เธอรู้สึกเกลียดตัวที่ถลำลึกรักเขาอย่างหมดหัวใจ
ใช่ฉันรักเขามานานมากแล้ว แต่เขาก็มีผู้หญิงคนอื่นมาเป็นคู่นอนด้วยตลอดเวลา ฉันแสร้งทำเป็นร่าเริงแต่ในใจฉันเปล่าเลย ฉันกลับรู้เจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นเขาพาหญิงอื่นมานอนด้วย
ฉันรักเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มารู้อีกทีเขาก็เข้ามาอยู่ในใจฉันอย่างไม่รู้ตัว แต่สิ่งที่เขาทำกับวันนี้ เขาไม่ถนอมน้ำใจฉันแม้แต่น้อย ฉันหวังว่าวันหนึ่งถ้าเขาเลิกยุ่งกับผู้หญิงทุกคนของเขาแล้ว ฉันจะมอบทั้งกายและใจให้เขา แต่ตอนนี้ฉันสับสนไปหมด ฉันไม่รู้ว่าถ้าไม่ได้อยู่ใกล้เขาฉันจะอยู่ได้ไหม
น้ำหวานสั่งให้บอดี้การ์ดจอดรถที่สวนสาธารณะ ตอนนี้เธอไม่รู้สึกอยากกลับไปที่บ้านแต่อย่างใด แต่ฝนเจ้ากรรมดันตกลงมาจากบนฟากฟ้า
ตกลงมาก็ดีเหมือนกันจะได้ชำระความขุ่นมัวในใจของฉันให้หายเศร้าหมอง แต่มันจะหายจริงๆ เหรอ
บอดี้การ์ดของเธอนำร่มมาคลุมตัวเธอไม่ให้เปียกฝน เธอจึงผลักร่มคันนั้นให้ถอยห่าง
“ไม่ต้อง ฉันอยากเดินคนเดียว” เธอเอ่ยบอกเช่นนี้
“แต่ว่าคุณหนู” บาสบอดี้การ์ดหนุ่มของเธอพูดขึ้น เธอจึงหันหลังไปหาเขาด้วยสายตาดุดัน
“ไม่ต้อง” เธอบอกด้วยน้ำเสียงดุดันท่ามกลางสายฝน บาสจึงหุบร่มเดินตามเธอห่างๆ อย่างห่วงๆ เช่นลูกน้องเป็นห่วงเจ้านาย เขารู้ว่าเธอทุกข์ระทมใจมากแค่ไหนที่ต้องเห็นคู่หมั้นที่เธอรักนอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่เขาพูดอะไรมากไม่ได้ เพราะเป็นแค่ลูกน้องของเธอ
เธอก้าวเดินเข้ามาในประตูรั้ว เข้ามาในคฤหาสน์อย่างเงียบๆ โดยมีบอดี้การ์ดสองคนก้าวเดินตามเธอจนขึ้นบันไดเข้าไปในตัวบ้าน แม่บ้านนามว่านวลเธอเป็นหญิงสาววัยกลางคน เธอมองน้ำหวานก้าวเดินออกมาจากในบ้านมองเธอด้วยสีหน้าตกใจ
“คุณหนูไม่ได้อยู่ที่เพนท์เฮ้าส์เหรอคะ แล้วทำไมตัวเปียกปอนเช่นนี้ บาสทำไมไม่เอาร่มให้คุณหนู” นวลเอ่ยถามไปยังบาสสามีของเธอ
“พี่นวล ฉันเดินมาเองค่ะ แล้วนี่กี่โมงแล้วคะ” เธอเอ่ยถามนวล
“ตีห้าค่ะ อย่าบอกนะคุณหนูไม่ได้นอน” นวลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“หนูนอนไม่หลับ” เธอเอ่ยบอกเช่นนี้ แล้วนวลมองชุดเดรสของน้ำหวานที่ขาดรุ่งริ่งแนบเนื้อแทบจะปิดเรือนร่างอวบอิ่มของเธอไม่มิด
“ชุดคุณหนู” เธอเอ่ยถามด้วยความตกใจ
“ไม่มีอะไรค่ะ ไม่ต้องบอกพ่อกับแม่นะคะ ว่าหนูมา” ฉันบอกแล้วเดินเข้าไปในคฤหาสน์
เธอก้าวเดินเข้าไปในห้องภายในคฤหาสน์ ซึ่งเป็นห้องนอนของเธอเอง เธอขึ้นบนเตียงกว้างสีชมพูของเธอที่แม่บ้านดูแลอย่างดีไม่ให้มีขี้ฝุ่น เธอนอนลงหลับตาลง นึกถึงภาพที่เขากำลังมีความสุขบนเรือนร่างของเธอ ทั้งที่เธอไม่เต็มใจแม้แต่น้อย เธอรู้สึกเกลียดตัวเองที่รักเขา ทำให้น้ำตาของเธออาบใบหน้าอีกครั้ง ไม่รู้ว่าวันนี้เธอเสียน้ำตาที่แสนเจ็บปวดไปมากเท่าไหร่แล้ว
หนังตาหนักขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความเหน็ดเหนื่อย จนดำดิ่งสู่นิทรา
นับจากวันนั้นล่วงเลยเป็นวันที่สามแล้ว ที่น้ำหวานนั่งอยู่ริมหน้าต่างภายในห้องนอน ภูผาได้โทรหาวันละสิบกว่ารอบ และข้อความอีกสามสิบกว่าข้อความที่เธอยังไม่ได้เปิดอ่าน ฉันไม่อาจทำใจรับสาย หรือคิดจะอ่านข้อความของเขาได้ ฉันไม่อยากรับรู้เรื่องอะไรของเขาอีกแล้ว
“น้ำหวาน”
น้ำหวานได้ยินเสียงของแม่เข้ามาในโสตประสาท เธอหันไปมองแม่ของเธอที่ก้าวเดินเข้ามาในห้องกว้าง
“แม่คะ” เธอเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม และยกมือไหว้ด้วยท่าทีนอบน้อมทุกครั้งที่ได้พบเจอกัน แล้วก้าวเดินออกจากริมหน้าต่างไปหาดารินแม่ของเธอ สวมกอดดารินแนบแน่น ดารินก็โอบกอดเธอเช่นกันลูบหัวเบาๆ
“น้ำหวานเป็นอะไรลูก นวลบอกแม่ว่าหนูไม่กินอะไรเลยนอกจากนมและน้ำเท่านั้น แล้วทำไมขอบตาคล้ำไม่ได้นอนเหรอ” ดารินของเธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เปล่าค่ะ หนูแค่ไม่ค่อยหิวค่ะ” น้ำหวานเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“มีอะไรหรือเปล่า” ดารินเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะทุกครั้งที่พบเจอกันเธอจะพูดเยอะและดูร่าเริงอย่างมาก แต่วันนี้เธอพูดน้อยพูดคำตอบคำ
“เปล่าค่ะ เดี๋ยวหนูจะกลับเพนท์เฮาส์แล้วค่ะ” น้ำหวานเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“น้ำหวาน ลูกโอเคนะ” ดารินเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ใบหน้าของเธอหน้าเหมือนไม่ค่อยเชื่อน้ำหวานสักเท่าไหร่
“หนูโอเคค่ะ” น้ำหวานเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“เดี๋ยวให้ดลไปส่งนะ” ดารินเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“ได้ค่ะ” น้ำหวานเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“ดูแลตัวเองด้วยนะผอมไปมากเลย แม่เป็นห่วง” ดารินเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“ค่ะแม่” เธอเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
ใจจริงฉันอยากอยู่ที่นี้มากกว่าที่จะกลับเพนท์เฮาส์ แต่กลัวว่าดารินแม่ของเธอจะห่วงมากกว่าเดิม
“ขอบคุณค่ะ พี่ดล”
น้ำหวานเอ่ยบอกบอดี้การ์ดที่ขับรถมาส่ง พร้อมกับบาสที่นั่งข้างหน้า
“ครับคุณหนู” ดลเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม แล้วบาสเปิดประตุให้เธอก้าวลงจากรถ ก้าวเดินเข้าไปยังเดินไปยังหน้าคอนโด
“น้ำหวาน”
เธอจำเสียงนี้ได้ขึ้นใจ เธอจึงหันกลับไปดู ว่าเป็นคนในใจของเธอคิดหรือไม่ ปรากฏว่าเป็นภูผาจริงๆ ที่วิ่งเข้ามาหาเธอ เธอกลับก้าวเดินเร็วไปยังริมฟุตบาทของถนนใหญ่ โดยไม่สนใจเขาที่ก้าวเดินตามเธอมา
“น้ำหวาน คุยกันก่อน” เขาเอ่ยบอกเช่นนี้ และจับเรียวแขนของเธอเอาไว้
“ปล่อยฉัน ภูผา” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ได้โปรดให้อภัยพี่เถอะนะ” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง เธอแกะมือหนาของเขาจากแขนเรียวของเธอทันที เขาจึงยอมปล่อยเรียวแขนของเธอ
“ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย ไปชะ!!!” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงดุดันและหันลำตัวเพื่อเดินกลับเข้าไปยังคอนโด แต่เขากลับนั่งคุกเข่าลงกับพื้น ก้มหน้าลง เธอเห็นว่าเขาไม่เดินตามเธอมาเธอจึงนึกแปลกใจ เธอจึงหันกลับไปมองเห็นว่าเขานั่งลงคุกเข่าล้มใบหน้า ทำให้เธอตกใจพอสมควร เพราะคนแถวนี้เดินไปเดินมามากและหันมามองดูเขาและเธอ
“ทำอะไร” เธอเอ่ยถาม
“น้ำหวานไม่ให้อภัยพี่ ถ้าน้ำหวานไม่ให้อภัยพี่ พี่ก็จะอยู่แบบนี้” เขาเอ่ยบอกเช่นนี้
“ตามใจนาย” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง และเดินจากเขาไป ไม่หันไปสนใจเขาอีก ขณะเดียวกันสายตาของผู้คนที่พบเห็นเขาที่นั่งคุกเข่าอยู่ต่างสงสาร เขาทำราวกับว่าถูกเมียทิ้ง
