ภวังค์รักยัยปีศาจ

214.0K · จบแล้ว
เมียวเมียว
102
บท
64.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เฟิงหนานซิวหลังจากได้รับบาดเจ็บ ก็มีข่าวลือว่า ป่าเถื่อน อำมหิตเลือดเย็น ฆ่าคนเป็นว่าเล่น ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ชูเหนี่ยนเวยเกิดใหม่ รีบหอบสามีกลับมา เสียดสีอย่างลับๆ คนพวกนี้ ช่างไม่รู้จักของดีเสียแล้ว “คุณผู้หญิง บอสที่รังแกคุณท่านนั้นโดนเฮียเฟิงจับเข้าโรงพยาบาลบ้าไปแล้วครับ” “คุณผู้หญิง ร้านจิวเวอรี่ที่คุณชอบ เฮียเฟิงซื้อไว้แล้วครับ ” “คุณผู้หญิง หนุ่มที่สารภาพรับกับคุณโดนฆ่าอีกแล้วครับ” ชูเหนี่ยนเวยที่มุมานะทำกิจการเลี้ยงสามี งงเป็นไก่ตาแตก อ๊าก!ถูกพะเน้าพะนอจนตัวจะลอยอยู่แล้ว ชูเหนี่ยนเวยทราบซึ้งใจจนโผเข้าในอ้อมอกของชายผู้นั้น แหงนริมฝีปาก:“ที่รักคะ ลองชิมดูซิว่าหวานมั้ย!” ผู้ชายโอบเอวเล็กคอดของเธอไว้แน่น:“คนดีของผม นอนได้แล้วครับ” ชูเหนี่ยนเวยทำเสียง‘เงี้ยว’แล้วห่มผ้า:“มานอนกัน นอนทั้งคืนเลยดีมั้ย”

นิยายรักโรแมนติกบอสยันเดเระเกิดใหม่ฟินๆรักหวานๆ

บทที่ 1 เกิดใหม่กลับมา

ณ ดาดฟ้าอาคารฉงหลิน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง

ร่างกายของซูเนี่ยนเวยถูกแขวนอยู่นอกตึก กระดูกข้อมือที่บิดเบี้ยวผิดรูปถูกมัดไว้แน่นบนราวเหล็ก

ทั้งตัวเธอเต็มไปด้วยรอยแผล ใบหน้าเสียโฉมจนมองไม่เห็นผิวแม้เพียงเสี้ยวเดียว

ซูเสวี่ยอวิ่นเลิกคิ้วขึ้น เหยียดมองซูเนี่ยนเวยจากที่สูง สีหน้าเผยแววเลือดเย็นและเหยียดหยาม

“ซูเนี่ยนเวย ดูผู้ชายข้างกายฉัน แบรนด์เนมบนตัวฉัน นาฬิกาเพชรบนข้อมือฉันสิ จริงสิ แล้วก็ใบหน้างดงามของฉันด้วย นี่เป็นผลจากการบำรุงดูแลด้วยเงินเธอเชียวนะ”

ซูเสวี่ยอวิ่นหัวเราะอย่างเหิมเกริม “เธอวางใจเถอะ คนอย่างฉันรู้จักตอบแทนบุญคุณที่สุดแล้ว รอเธอตายเมื่อไหร่ ฉันจะหาคลองน้ำเน่าเป็นหลุมฝังศพให้เธอแน่นอน”

ซูเนี่ยนเวยลืมตาที่ถูกสะเก็ดแผลปกคลุม ก่อนจะจ้องเจียวจวิ้นเจี๋ยที่อยู่ข้างกายซูเสวี่ยอวิ่นเขม็งด้วยภาพเลือดสีแดงพร่ามัว

“ทำไม?” น้ำเสียงอ่อนแรง ทว่ากลับเศร้าโศกและโหยหวน

เจียวจวิ้นเจี๋ยตัวสั่นทีหนึ่งอย่างชัดเจน ซูเสวี่ยอวิ่นใช้โอกาสนี้ซบอกเขา “จะทำไมอีกล่ะ? แน่นอนว่าจวิ้นเจี๋ยก็ต้องทำเพื่อฉันอยู่แล้ว ไม่งั้น เขาจะฝืนทนอยู่ข้างผู้หญิงต่ำทรามที่น่าขยะแขยงอย่างเธอมานานขนาดนี้ได้ยังไง?”

“จวิ้นเจี๋ย นายพูดอะไรหน่อยสิ” ซูเสวี่ยอวิ่นหยิกเอวเจียวจวิ้นเจี๋ยทีหนึ่งด้วยน้ำเสียงหยดย้อย

เจียวจวิ้นเจี๋ยพลันรู้สึกเหมือนถูกสะกดจิต ก่อนจะรีบดึงตัวซูเสวี่ยอวิ่นเข้ามาในอ้อมกอดแล้วพูดง้อ

“ฉันไม่อยากเสียเวลาบนตัวคนต่ำทรามคนหนึ่งหรอกนะ ถ้าไม่ใช่เพราะจะให้ยัยนี่ช่วยแย่งมรดกของไอ้ง่อยนั่น แค่มองหน้ามันแวบหนึ่งฉันยังรู้สึกขยะแขยงเลย”

พูดเสร็จ ก็ยังถ่มน้ำลายใส่ซูเนี่ยนเวย

ใจของซูเนี่ยนเวยพลันเหมือนถูกมีดแทงอย่างอำมหิต เธอรู้สึกเจ็บที่อก สีหน้าเริ่มเผยแววดุร้าย ลำคอที่เสื่อมเสียเปล่งเสียงคำรามออกมาประหนึ่งเสียงสัตว์ร้าย

“พวกแก......จะไม่ได้ตายดี ซูเสวี่ยอวิ่น เจียวจวิ้นเจี๋ย แม้ฉันจะกลายเป็นผีก็จะไม่ปล่อยพวกแกไปแน่”

ซูเนี่ยนเวยกัดฟันกรอด พลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นไปแกะเชือกบนราวเหล็กอย่างยากลำบาก

เธอรู้สึกได้ถึงกระดูกข้อมือที่แตกหักหลุดพ้นจากพันธนาการของเชือก ทว่าร่างกายกลับไม่ได้หล่นลงไปเหมือนที่คิด มือใหญ่อบอุ่นกำลังจับมือเธอไว้แน่น

เฟิงหนานซิวมองซูเนี่ยนเวยอย่างปวดใจ อ้อนวอนว่า “เวยเวย อย่ายอมแพ้ เธอต้องรอด”

ความดื้อรั้นสุดท้ายขาดผึงแล้ว สติของซูเนี่ยนเวยเริ่มเลื่อนลอย

เธอลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก เห็นเพียงเฟิงหนานซิวสยบอยู่ริมดาดฟ้า ถูกเจียวจวิ้นเจี๋ยที่เผยสีหน้าดุร้ายเตะกระดูกสันหลัง มุมปากมีเลือดไหล ร่างกายสั่นสะท้านไม่หยุด

“อย่านะ เฟิงหนานซิว!”

ใบหน้าของซูเนี่ยนเวยสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ไม่รู้ว่าเป็นน้ำตาหรือเลือดของเฟิงหนานซิว เธอรู้เพียงแค่ว่าไม่อาจติดหนี้ผู้ชายคนนี้ได้อีกแล้ว

“เฟิงหนานซิว ปล่อยมือเถอะ ถ้ามีชาติหน้า ฉันจะชดเชยนายดีๆอย่างแน่นอน”

ซูเนี่ยนเวยใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มียกยิ้มุมปาก จากนั้นก็สะบัดมือเฟิงหนานซิวออก ก่อนที่ร่างกายจะตกลงไปอย่างรวดเร็ว

เสียง ‘ตู้ม’ ดังลั่นขึ้น โลกของซูเนี่ยนเวยเหลือเพียงความเจ็บปวด

เจ็บ เป็นความเจ็บที่เสียดใจแทงกระดูก

โดยเฉพาะบาดแผลบนข้อมือ ประหนึ่งลามไปทั้งร่างกาย

คิดไม่ถึงเลยว่าแม้จะกลายเป็นผีแล้วก็ยังเจ็บขนาดนี้ ซูเนี่ยนเวยก่นด่าบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของเจียวจวิ้นเจี๋ยในใจ

เธอลืมตาขึ้น ไม่มีนรกเหมือนที่คาดคิด แต่กลับปะทะกับดวงตาที่ทำให้เธอใจสั่น

เธอเห็นใคร?

ผู้ชายตรงหน้านี้มีสันกรามคมชัด ผิวขาวดุจกระดาษ นัยน์ตาล้ำลึกราวกับธารน้ำแข็ง ในความนิ่งเงียบซ่อนไฟแห่งโทสะที่ลุกโชน ความเย็นและความร้อนปนเปกัน แผดเผาจนซูเนี่ยนเวยกระวนกระวายใจ

“เฟิงหนานซิว!” ดวงตาของซูเนี่ยนเวยเผยแววประกายอย่างตื่นเต้น

ทันใดนั้น ข้อมือก็พลันถูกคนกระชาก ซูเนี่ยนเวยจึงจะเพิ่งสังเกตเห็นว่าบาดแผลของเธอยังมีเลือดไหล ทว่ากลับไม่ใช่กระดูกหัก แต่เป็นบาดแผลจากการกรีดข้อมือ

กรีดข้อมือ? นี่เป็นเรื่องเมื่อชาติก่อนไม่ใช่เหรอ!

หรือว่า......เกิดใหม่แล้วงั้นเหรอ?

ซูเนี่ยนเวยมองดูห้องนอนที่คุ้นตา ต้องการแน่ใจจุดนี้อย่างร้อนรน เธอขยับร่างกาย ก่อนจะถูกคนคร่อมทับบนเตียง

“ยังอยากหนีอีกเหรอ? ซูเนี่ยนเวย ฉันไม่ดีกับเธอหรือไง? เพื่อผู้ชายคนหนึ่ง เธอถึงกับทำให้ตัวเองอยู่ในสภาพไม่ต่างจากผีแบบนี้ คิดว่าฉันใจดีกับเธอมากไปสินะ”

เฟิงหนานซิวแผ่รังสีอำมหิต ดวงตาแดงก่ำ มือใหญ่เพิ่งแรงบีบขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าจะหักข้อมือของซูเนี่ยนเวย

“ในเมื่อเธออยากตายขนาดนี้ งั้นฉันก็จะสนองเธอเอง” เฟิงหนานซิวก้มตัว กัดคอของซูเนี่ยนเวยอย่างบ้าคลั่ง “เธอฟังไว้ให้ดี แม้เธอจะตาย แต่ชีวิตนี้เธอก็ก็ต้องเป็นผู้หญิงของฉันเพียงคนเดียว”

ซูเนี่ยนเวยรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะถูกฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ

เธอฝืนทนความเจ็บปวดที่มากกว่าบนข้อมือเป็นร้อยเท่า ทว่ากลับไม่ห้ามปรามเฟิงหนานซิว ปล่อยให้เขากระทำตามใจ กลายเป็นผู้หญิงของเขาแต่โดยดี

ซูเนี่ยนเวยน้ำตารื้น มือข้างหนึ่งวางบนเอวล่ำสันของเฟิงหนานซิวอย่างสั่นเทา

“เจ็บ” เจ็บจนสมจริงเหลือเกิน

ซูเนี่ยนเวยดีใจมากๆ เธอเกิดใหม่แล้วจริงๆ

ประมาณห้าเดือนก่อน เธอไปเยี่ยมคนที่โรงพยาบาลและได้พบเจอกับเฟิงหนานซิวที่กำลังเข้ารับกายภาพบำบัด เพียงแค่รอยยิ้มเดียว วันที่สองตระกูลซูก็ได้รับสินสอดที่ส่งมาจากตระกูลเฟิง

นี่เป็นเรื่องน่าตกใจที่ไม่คาดคิดประหนึ่งฟ้าผ่าตอนกลางวันสำหรับซูเนี่ยนเวย

คนเมืองหลินต่างรู้กัน ว่าเฟิงหนานซิวคือผู้ชายที่เปรียบดั่งหมาป่า เย็นชา กระหายเลือด โหดเหี้ยม อำมหิต หลังจากที่ขาหักก็ยิ่งน่าสะพรึงกลัว แม้แต่คนตระกูลเฟิงก็ยังเกรงกลัวเขา

เธอเองก็หวั่น เธอเองก็กลัว แต่ไม่ว่าเธอจะต่อต้านยังไงก็ยังคงแพ้ให้กับความโลภของคนตระกูลซูและเฟิงหนานซิวที่ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ จนท้ายที่สุดเธอก็ถูกบังคับให้แต่งงาน

เธอทั้งโกรธทั้งเกลียด ไม่ยอมพูดคุยดีๆกับเฟิงหนานซิวเลยสักนิด ภายใต้การยุยงของซูเสวี่ยอวิ่นและเจียวจวิ้นเจี๋ย ถ้าไม่สร้างปัญหาก็อาละวาด ทำให้ทั้งตระกูลเฟิงวุ่นวายอลหม่านกันไปทั่ว

สุดท้ายไม่เพียงแค่ตัวเองตายอย่างรันทด ซ้ำยังทำร้ายเฟิงหนานซิวอีกด้วยครั้งนี้ น่าจะเป็นเพราะว่าเธอจะคว้าที่ดินแปลงหนึ่งให้เจียวจวิ้นเจี๋ย อีกทั้งยังอดอาหารและกรีดข้อมือเพื่อขู่เฟิงหนานซิว อีกนิดก็เกือบทำตัวเองตายแล้ว

แม้เฟิงหนานซิวจะบังคับให้เธอแต่งงานด้วย แต่กลับดีกับเธอมากๆ ไม่อาจทนเห็นเธอทำร้ายตัวเองได้เลยแม้แต่น้อย ครั้งนี้ซูเนี่ยนเวยเล่นใหญ่เกินไป ทำให้เฟิงหนานซิวหมดความอดทนโดยสิ้นเชิง จนสุดท้ายก็เอาตัวเองเข้าไปแลกแล้วจริงๆ

ชาติก่อนเธอขัดขืนต่อต้านอย่างบ้าคลั่ง จนเป็นผลทำให้ตัวเองบาดเจ็บ ต้องนอนโรงพยาบาลเต็มๆหนึ่งเดือน

ชาตินี้......

ซูเนี่ยนเวยรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่หลงเหลืออยู่บนร่างกาย

ยังดี ที่เธอเรียนรู้แล้ว

ยังไม่ทันได้คิดอย่างถ่องแท้ ชายหนุ่มบนร่างก็ผุดลุกขึ้นมา ลากเธอไปยังห้องอาบน้ำ แล้วกดเธอตรงหน้ากระจกอย่างบีบบังคับ

“ดูสภาพเธอในตอนนี้สิ”

เฟิงหนานซิวพูดไปพลาง เอาผ้าก็อตมาพันแผลบนข้อมือของซูเนี่ยนเวยไปพลาง

ผู้หญิงในกระจกนั้นงดงามมาก ทว่ากลับดูโทรมอย่างปิดไม่มิด ใต้ตาของซูเนี่ยนเวยเต็มไปด้วยรอยคล้ำ การอดอาหารมาหลายวันทำให้แววตาเธอมืดหม่นไม่มีชีวิตชีวา ดูแล้วเหมือนซอมบี้ที่สวยงามเสียมากกว่า

เลือดหยุดไหล บาดแผลก็ไม่เจ็บขนาดนั้นแล้ว

ซูเนี่ยนเวยมองเฟิงหนานซิวที่แม้จะเผยสีหน้าโกรธเกรี้ยวแต่ก็ยังคงช่วยเธอทำแผลอยางละเอียดอ่อน ในใจพลันรู้สึกผิดขึ้นมาอีกครั้ง อีกทั้งลอบเกลียดตัวเองที่ชาติก่อนโง่เขลาเกินไป

ผู้ชายดีๆไม่รัก กลับทำร้ายตัวเองจนแผลเต็มตัวเพื่อผู้ชายเลวทรามที่น่าขยะแขยงคนหนึ่ง

เฟิงหนานซิวทำแผลเสร็จ เงยหน้าขึ้นก็เห็นซูเนี่ยนเวยกำลังร้องไห้ พลันรู้สึกปวดใจ

เขายื่นมือไปตรงหน้าเธอ ซูเนี่ยนเวยกลับหลีกหนีด้วยสัญชาตญาณ

มือเรียวยาวชะงักกลางอากาศ บรรยากาศที่กลมเกลียวกันอยู่เมื่อกี้นี้พลันเยือกเย็นลงในพริบตา

“กลัวฉันงั้นเหรอ?” แววตาของชายหนุ่มเย็นชาดุจน้ำแข็ง “กลัวฉันก็ทำตัวดีๆซะ ถ้ามีครั้งหน้าอีก......”

ประโยคครึ่งหลังเฟิงหนานซิวไม่ได้พูดออกมา เขาแค่นเสียงดูแคลนตัวเอง ถึงมีครั้งหน้าอีกแล้วเขาจะทำอะไรได้? แค่แววตาเดียวของเธอ กฎเกณฑ์ทุกอย่างของเขาก็ไร้ซึ่งความหมาย

“ฉัน......”

ซูเนี่ยนเวยอยากอธิบาย แต่เฟิงหนานซิวกลับหันตัวจะเดินจากไป

ปฏิกิริยาแรกของซูเนี่ยนเวยก็คือจะรั้งเฟิงหนานซิวเอาไว้ ทว่าเธอนั่งอยู่บนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า มือแตะไม่ถึงเฟิงหนานซิว จึงทำได้เพียงใช้เท้า

ซูเนี่ยนเวยผิวขาวมาก ขาวจนเสื้อเชิ้ตเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอก็ยังดูหมอง

ลูกกระเดือกของชายหนุ่มขยับเคลื่อน แววตายิ่งอยู่ยิ่งหม่นแสงลง ไฟที่ถูกฝังซ่อนอยู่ในอกแทบปะทุออกมา

เมื่อเฟิงหนานซิวเงยหน้ามองมา ซูเนี่ยนเวยก็รู้ว่าตัวเองก่อปัญหาแล้ว น้ำตารื้นขอบตา พลางจ้องมองเฟิงหนานซิวอย่างระมัดระวัง

“นายอย่าเพิ่งไปได้ไหม”

ซูเนี่ยนเวยชักเท้ากลับเงียบๆ ทว่ากลับถูกฝ่ามืออบอุ่นดึงไว้ตรงกลางทาง

เฟิงหนานซิวจ้องมองเธอ พลางเอ่ยเสียงแหบพร่าว่า “ซูเนี่ยนเวย เธอรู้หรือเปล่าว่าตัวเองกำลังทำอะไร?”