ภพนี้ ขอเพียงเธอ

85.0K · จบแล้ว
ทีปสิขา
65
บท
3.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

คำสัญญา ที่พระพายชายหนุ่มรูปงามใช้สาบานรักกับหญิงสาว เป็นบ่วงร้อยรัดพันธนาการดวงวิญญาณนางรำแสนงดงามเอาไว้ มิได้ผุดเกิด ร้อยกว่าปีผ่านไปเธอกลับมาทวงสัญญาที่ว่า "จะรักไปชั่วนิรันดร์"

นิยายรักดาวมหาลัยเกิดใหม่สัญญาทางรักรักวัยรุ่นแก้แค้นเศรษฐี

บทที่ 1 เรือนคุณเอื้องฟ้า

กรุงรัตนโกสินทร์ ปี ๒๔๐๔ ในสมัยนั้น เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการปกครองอย่างมากมาย อนึ่งโปรดเกล้าฯ ให้ส่งทูตไปเจริญทางพระราชไมตรีกับประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส หรือแม้แต่มีการตัดถนนและขุดคลองให้เป็นการสัญจรอย่างใหม่ การเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเข้ามาสู่ประชาชนมากยิ่งขึ้น

เรือนของหลวงไชยพิชิต และคุณเอื้องฟ้า เป็นเรือนที่มีข้าทาสบริวารจำนวนมาก ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นหญิงสาวแรกรุ่น คุณเอื้องฟ้าจะเป็นผู้เลือกเด็กสาวที่มีรูปโฉมผิวพรรณงามโดดเด่น แยกออกจากหญิงสาวทั่วไป โดยพวกเธอเหล่านั้นจะถูกคัดตัวให้ไปเรียนละครรำ

เรือนของคุณเอื้องฟ้าเป็นสถานที่ฝึกนางรำที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ไปแสดงตามงานต่างๆ ทั้งในวังและนอกวัง โดยต้องเสียภาษีละครตามกฎหมายที่หลวงตั้งไว้ หากแต่เมื่อนั้น เรือนของหลวงไชยพิชิตยังคงทำกำไรจากคณะละครของตัวเองได้อย่างมากมาย เหล่าทาสที่มีอยู่ในเรือนหากมีมากเกินไปคุณเอื้องฟ้าก็จะขายให้กับผู้อื่น วนเวียนอยู่แบบนี้ ภายในเรือนของคุณเอื้องฟ้าจะได้ยินเสียงของเครื่องดนตรีชนิดต่างๆ ประโคมอยู่ไม่ขาดสาย เหล่านางรำนางละครต่างฝึกซ้อมอย่างหนัก หลายคราที่ได้รับคำชมหรือแม้แต่รางวัลจากเจ้านายชั้นสูงจากการแสดงต่อหน้าพระพักตร์แล้วเป็นที่ถูกอกถูกใจ

“คุณเอื้องฟ้าขอรับ ครอบครัวไอ้เกลี้ยงและอีกล่ำมาขอพบ” บ่าวในเรือนที่ไม่ใส่สวมเสื้อเดินเข้ามาคุกเข่าแล้วรายงานให้เจ้านายที่กำลังฝึกนางรำทราบ คุณเอื้องฟ้าเป็นภรรยาของหลวงไชยพิชิต อายุราวๆ ห้าสิบ มีนิสัยเฉียบขาดออกจะเจ้าอารมณ์เสียหน่อย หากเกิดโมโหคราใดบ่าวไพร่ในเรือนจะกลัวหัวหดมิกล้าหือ

“มันจะมาทำไม จะมาคืนเงินที่คุณหลวงให้ยืมไปหรือกระไร เอาเถอะถามเอ็งไปก็ไม่ได้ความ ไปเรียกพวกมันเข้ามา” คุณเอื้องฟ้าหน้าดุดันกล่าวตัดรำคาญ บ่าวรับใช้รีบทำตามคำสั่ง วิ่งไปบอกให้ครอบครัวที่อ้างถึงเข้ามาพบ

“ไอ้เกลี้ยงเข้าไปได้แล้ว คุณเอื้องให้พบ” บ่าวตัวคล้ำกวักมือเรียกไวๆ

“ขอบน้ำใจเอ็งนัก” ครอบครัวที่แต่งตัวมอซอหน้าตามอมแมม เดินตัวก้มโค้งเข้ามาหาคุณเอื้องฟ้าด้วยอาการเจียมเนื้อเจียมตัว

“มีอะไรกับข้างั้นรึ” คุณเอื้องฟ้าตวัดหางตาหันมาถามพร้อมกับโบกพัดในมืออันเล็กไปมาช้าๆ สีหน้านิ่งเรียบ แววตาฉายแววมีอำนาจ คนถูกถามก้มหน้าลงเล็กน้อยไม่กล้าสบตา

“เอ่อ..คือ..” นายเกลี้ยงลังเลทำท่าอึกอักด้วยเพราะประหม่า ด้านข้างคือภรรยาที่เอาแต่ก้มหน้าหลบ เสียงอันทรงพลังทำให้นางกล่ำมีอาการตัวสั่นเบาๆ

“กระผมจะเอาลูกสาวมาฝากขอรับ” เมื่อตั้งสติได้จึงยอมบอกจุดประสงค์

“ฝากอะไร เรือนข้าไม่ใช่วัด” คุณเอื้องฟ้าตวาดเสียงลั่น จนเด็กสาวที่มาพร้อมกับนายเกลี้ยงสะดุ้งตัวโหยง แอบชำเลืองขึ้นมอง เมื่อสบตากับคุณเอื้องฟ้าจึงรีบหันหลบ ด้วยเกรงในอำนาจ ก่อนที่เจ้าของเรือนจะเพ่งพินิจใบหน้าของเด็กสาวอย่างละเอียด แม้จะอยู่ภายใต้เสื้อผ้าไร้ราคา ที่เต็มไปด้วยรอยขาด หากยังฉายแววความงามออกมา ผิวพรรณสะอาดผุดผ่องพอที่จะปั้นให้เป็นนางรำได้ไม่ยากนัก

“เด็กคนนี้รึ ที่จะเอามาขายกับข้า” นายเกลี้ยงพยักหน้า คุณหญิงเอื้องฟ้ายังคงจับจ้องไปยังทรวดทรงอ้อนแอ้นอรชร มีส่วนโค้งเว้าน่าดึงดูด หากฝึกฝนอย่างหนักไม่นานนักก็จะใช้หล่อนทำมาหากินได้

“จะเอาเท่าไหร่ว่ามา” หญิงชราผู้สูงส่งด้วยบารมีเชิดหน้าถาม เมื่อสินค้าที่นำมาเสนอขายพอมีราคาอยู่บ้าง

“แค่เท่าที่กระผมยืมคุณหลวงท่านมา แล้วขอเพิ่มอีกสักหน่อย”

“ก็แล้วมันเท่าไหร่ล่ะ อย่ามาอ้อมค้อมกับข้า” คุณเอื้องฟ้าชักสีหน้าไม่พอใจพลางพับพัดเก็บแล้วฟาดลงอย่างแรง

“สี่ตำลึงขอรับ” นายเกลี้ยงเห็นท่าทีของคุณหญิง จึงรีบเอ่ยปากพูดออกมาด้วยความกลัว

“ไอ้แดง เอาเงินไปให้มัน” คุณเอื้องฟ้าหยิบห่อเงินจากเอวของตัวเองแล้วนับตามจำนวน ก่อนจะส่งให้ทาสรับใช้ นำไปมอบให้

“เด็กคนนี้อายุเท่าใดแล้ว” คุณเอื้องฟ้าพิจารณาดูเด็กสาว ที่เอาแต่นั่งก้มหน้า ก่อนจะหันไปถามผู้เป็นบิดาที่พึ่งจะเก็บห่อเงินไป

“สิบเจ็ดขอรับ”

“ชื่อว่ากระไร”

“กลิ่นจันทร์ขอรับ”

“รับเงินแล้วพวกเอ็งก็ไปได้ ส่วนเอ็งอีกลิ่นจันทร์ประเดี๋ยวข้าจะให้อีนวลมันช่วยแนะให้ ไปๆ ให้พ้นหน้าข้า ข้าจักได้สอนนังพวกนี้มันต่อ” ว่าแล้วคุณเอื้องฟ้าก็โบกมือไปมาอย่างรำคาญ หันมาทำหน้าที่สอนรำให้พวกบ่าวสาวๆ ที่นั่งรอหน้าสลอน

“พ่อกับแม่ไปก่อนนะ” ชายชราพูดพลางน้ำตาคลอ

“แม่จ๋าพ่อจ๋า ข้าไม่อยากอยู่กับคุณเอื้องฟ้า ช่วยเปลี่ยนใจเถิดหนา” หญิงสาวแรกรุ่นดึงมือรั้งเอาไว้ ไม่ยอมปล่อย

“มิได้ ข้ารับเงินคุณเอื้องมาแล้ว แลจักรีบเอาเงินนี้ไปแลกยาฝาหรั่งให้น้องเอ็ง”

“เหตุใดจึงเป็นข้า เหตุใดไม่เป็นอีกลิ่นทิพย์ พ่อกับแม่ลำเอียงต่อข้านัก” หญิงสาวร้องไห้แววตาคับแค้นเมื่อนึกถึงน้องสาวฝาแฝดที่นอนซมอยู่บ้าน

“เอ็งเป็นพี่ เอ็งต้องเสียสละ ปล่อยมือข้า” ชายชราหันหน้าหนีพยายามข่มน้ำตาเอาไว้ ไม่มีพ่อแม่คนใดในโลกอยากผลักลูกออกไปจากอก

“ข้าเป็นพี่ เหตุใดต้องเสียสละเพื่อมันอยู่ฝ่ายเดียว” นายเกลี้ยงสะบัดมือออกจากลูกสาว แล้วคว้ามือภรรยาออกเดิน ปล่อยให้หญิงสาวยืนร้องไห้ตะโกนเรียกสองสามครั้ง กลิ่นจันทร์หมดหนทาง ได้แต่มองร่างทั้งสองผ่านม่านน้ำตาจนลับไป ก่อนจะก้มหยิบห่อผ้าของตัวเอง แล้วเดินกลับเข้าไปในเรือนหลังใหญ่ที่มีเสียงดนตรีดังลอดออกมาเป็นระยะ