บทย่อ
เธอต้องกลายเป็นเมียของคู่หมั้นพี่สาวเพียงชั่วข้ามคืน เพราะความผิดพลาดบางอย่าง "เธอได้เป็นเมียฉันแค่ในทะเบียนสมรสเท่านั้นแหละ อย่าหวังว่าเรื่องในคืนนั้นจะเกิดขึ้นอีก และอย่าหวังอะไรไปไกล" "ฉันจะรอดูว่าคุณทำอย่างที่พูดได้ไหม อย่ามาเป็นหมาทีหลังแล้วกัน"
บทที่1 หน้าสวยใจเสีย
บางทีโลกนี้ก็ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลยทำไมคนเลว ๆ ที่ทำร้ายคนอื่นถึงยังใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ขณะที่คนถูกกระทำต้องจมอยู่กับความเจ็บปวด
"หึ"
นับดาว หญิงสาวเจ้าของใบหน้าสะสวย วัย 26ปี ในชุดเดรสเกาะอกรัดรูปสีแดงเค้นหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยันกับความดราม่าของชีวิตตัวเอง ขณะที่สายตาจ้องมองภาพบิดา แม่เลี้ยง พี่สาวคนละแม่ และคู่หมั้นของพี่สาวนั่งคุยกันในห้องรับแขกอย่างมีความสุขด้วยแววตาเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ
..พวกเขาต่างมีความสุข ความสุขที่เธอไม่เคยได้สัมผัสตั้งแต่มารดาจากไป..
เท้าเล็กบนรองเท้าส้นสูงไม่รอช้าเดินนวยนาดเข้าไปกลางวงสนทนา หย่อนก้นนั่งบนโซฟาตัวที่ยังว่างอยู่ แล้ววาดเรียวขาสวยขึ้นไขว้ห้างทำให้ชุดเดรสที่สั้นอยู่แล้วร่อนขึ้นไปอีกจนแทบเห็นแพนตี้
แต่เธอหาได้แคร์ใครหน้าไหนไม่เพราะจุดประสงค์คือต้องการขัดขว้างไม่ให้ทุกคนในที่นี้มีความสุขอยู่แล้ว และมันก็ได้ผลทุกคนต่างพากันเงียบอัตโนมัติ บรรยากาศอึมครึมลงในทันตา
ริมฝีปากอิ่มเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงเผยรอยยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นสีหน้าของคนเป็นบิดาที่แสดงออกมาว่าไม่พอใจอย่างชัดเจนกับการกระทำของเธอ
"ทำตัวให้มันดี ๆ หน่อยนับดาว" ทนงศักดิ์ต่อว่าบุตรสาวอย่างเหลืออดทั้งที่ความจริงไม่อยากต่อว่าให้เธอขายหน้าคู่หมั้นของบุตรสาวคนโตอย่างนีรนุชเลยเลย
"แล้วนับทำตัวไม่ดีตรงไหนคะ" นับดาวตอบอย่างลอยหน้าลอยตาเผยรอยยิ้มร้ายออกมา ไม่ได้สะทกสะท้านสักนิด และไม่สนด้วยว่าใครจะคิดยังไงเพราะทุกวันนี้ทุกคนก็พากันมองเธอไม่ดีหมดแล้ว
เธอเป็นนางแบบชื่อดังที่มีข่าวฉาวโฉกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้า เพราะฉะนั้นอย่าถามหาด้านดี ๆ ของเธอเลย สาเหตุที่เธอทำตัวแบบนี้ก็เพราะต้องการทำลายชื่อเสียงบิดานั่นเอง
"ฉันชักหมดความอดทนกับแกแล้วนะนับดาว ทำไมแกถึงมีนิสัยแบบนี้ รู้ไหมว่าฉันอายคนอื่นเขาแค่ไหนที่มีลูกอย่างแก" ทนงศักดิ์เอ่ยด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิมนาทีนี้เขาไม่คิดอายคู่หมั้นบุตรสาวคนโตที่นั่งอยู่ด้วยสักนิด
เขาอดทนอดกลั้นกับบุตรสาวคนเล็กมามากพอแล้ว เขาเป็นถึงผู้พิพากษา แต่กลับมีลูกสาวที่ทำอาชีพโชว์เรือนร่าง หนำซ้ำมีข่าวเหม็นคาวไม่เว้นแต่ละวันเขาก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว ทำไมบุตรสาวถึงได้กลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ก็ไม่รู้
อะไรที่เขาห้ามบุตรสาวก็จะทำ ครั้งเมื่อเธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยเขาบอกให้เรียนกฎหมายเพื่อจะได้เดินตามรอยตัวเองบุตรสาวก็เลือกเรียนนิเทศศาสตร์ พอเขาสั่งห้ามไม่ให้เป็นนางแบบเธอก็เป็นนางแบบ
"คุณพ่อใจเย็น ๆ นะคะ ค่อยพูดค่อยจากัน" นีรนุชรีบเอื้อมมือไปวางบนขาคนเป็นพ่อเพื่อให้ท่านใจเย็นลงเพราะกลัวโรคของท่านจะกำเริบ ก่อนจะเอ่ยกับน้องสาวต่างแม่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนหวังคลี่คลายสถาการณ์ตึงเครียดระหว่างพ่อลูก
"น้องนับอย่าโกรธคุณพ่อเลยนะคะ ท่านก็พูดไปแบบนั้นแหละ"
"นับเป็นลูกคนเดียวค่ะไม่มีพี่สาว อีกอย่างเลิกตอแหลทำเป็นแสนดีสักทีเถอะค่ะเห็นแล้วรำคาญ" นับดาวกลับมองว่านีรนุชแสแสร้งเหมือนแม่ของเธอนั่นแหละจึงตอกกลับอย่างเจ็บแสบทำเอานีรนุชถึงกับหน้าเจื่อน แววตาเศร้าหมองลงฉับพลันพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มเอ่อคลอด้วยความเสียใจ
"ทำไมหนูนับต้องว่าพี่เขาแรง ๆ ด้วยจ๊ะ พี่เขาหวังดีกับหนูจริง ๆ นะ" นิ่มแม่เลี้ยงของนับดาวพูดขึ้นด้วยใบหน้าสลดทั้งที่ในใจอยากจะเข้าไปกระชากหัวลูกเลี้ยงปากดีอย่างนับดาวมาตบให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ต้องสะกดกลั้นความไม่พอใจเอาไว้แสดงเป็นแม่เลี้ยงที่แสนดีต่อหน้าทุกคน
และเหมือนทุกคนจะเชื่อสนิทใจ...
"ตอแหลทั้งแม่ทั้งลูกเลยนะคะ" นับดาวตวัดสายตามองแม่เลี้ยงหน้าเนื้อใจเสือนิ่ง ๆ กดเสียงพูดอย่างเย้ยหยัน รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นประดับมุมปากหยักแวบหนึ่ง ก่อนหายไป "รางวัลตุ๊กตาทองคงต้องเข้าแล้วละคะ"
"พี่ว่าน้องนับดาวพูดจาแรงเกินไปแล้วนะครับ คุยกันดี ๆ ก็ได้ครับ" ติณณภัทรคู่หมั้นนีรนุชที่นั่งฟังเงียบ ๆ มานานพูดแทรกขึ้นเพราะทนไม่ไหวอีกต่อไปกับความร้ายกาจของนับดาวที่แผลงฤทธิ์ใส่ผู้หลักผู้ใหญ่ไม่เว้นแม้กระทั่งพ่อบังเกิดเกล้าของตัวเอง
เขาเคยได้ยิน และได้เห็นข่าวในด้านเสีย ๆ หาย ๆ ของเธอตลอด แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีนิสัยก้าวร้าวด้วย ผู้หญิงอะไรร้ายกาจไม่มีที่ติขัดกับหน้าตาสิ้นเชิงแบบนี้หรือเปล่าที่เขาเรียกหน้าสวยแต่ใจเสีย
"ฉันว่าคุณนั่งเงียบ ๆ จะดีกว่านะคะ หรือไม่ก็ออกไปจากบ้านฉันได้แล้วนี่เป็นเรื่องภายในครอบครัว" นับดาวสวนกลับทันควันมองสบนัยน์ตาสีดำขลับของติณณภัทรโดยไม่หลบหลีก ถึงเขาจะเป็นแขกเธอก็ไม่คิดไว้หน้าเพราะเขาเป็นคู่หมั้นของนีรนุชก็ถือเป็นศัตรูกับเธอด้วย
"แกนี่มันเกินเยียวยาจริง ๆ นับดาว" ทนงศักดิ์ส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา และเหลืือทนกับนิสัยกร้าวร้าวของบุตรสาว ทว่านับดาวกลับไหวไหล่ให้ท่านอย่างไม่แยแสเธอชินกับคำต่อว่าของบิดาแล้วล่ะ
"ใครจะดีเลิศประเสริฐศรีเหมือนลูกสาวสุดที่รักของคุณพ่อละคะ" อดไม่ได้จะตวัดสายตาไปพูดกระแหนะกระแหนนีรนุชที่บิดามักชมว่าดีนักดีหนา ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วพูดต่อ "เชิญตามสบายเลยค่ะนับขอตัวก่อนอยู่ใกล้ ๆ พวกตอแหลนาน ๆ กลัวจะติดเชื้อตอแหลไปด้วย"
ว่าจบเธอก็ลุกเดินสะบัดตูดออกจากบ้านไปอีกครั้งทั้งที่เพิ่งกลับมาทิ้งให้ทุกคนมองตามหลังด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป
ติณณภัทรลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ เกิดมาเขาไม่เคยพบผู้หญิงคนไหนที่นิสัยแย่เท่านับดาวมาก่อน เขาเป็นคนนอกยังสุดจะทนขนาดนี้คนเป็นพ่ออย่างทนงศักดิ์คงไม่ต้องพูดถึง คิด ๆ แล้วก็น่าเห็นใจเหมือนกัน
ใครได้นับดาวไปเป็นเมียคงดวงซวยสุด ๆ ...
ภายในห้องรับแขกถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบนานนับนาที ก่อนนีรนุชจะหันไปเอ่ยกับแฟนหน่มด้วยน้ำเสียงนุ่ม เพื่อทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัดนี้ "นุชขอโทษแทนน้องนับด้วยนะคะ ภัทรอย่าถือสาน้องเลยนะคะ"
"ลูกก็เป็นแบบนี้ตลอดยอมน้องไปหมด น้องพูดจาทำร้ายจิตใจขนาดนี้แล้วยังอุตส่าห์ปกป้องน้องอีก" นิ่มเอ็ดบุตรสาวเบา ๆ บางทีเธอก็นึกขัดใจบุตรสาวไม่น้อยที่แสนดีเหลือเกิน อะไรก็ยอมนับดาวไปหมดราวกับนางเอกละครน้ำเน่าก็ไม่ปราน
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ นุชเข้าใจน้อง" นีรนุชส่งสายออดอ้อนมารดาที่ทำหน้าคว่ำใส่เธอพร้อมกับระบายยิ้มให้บาง ๆ
"ถ้านับดาวนิสัยได้สักครึ่งหนึ่งของลูกนุชก็คงดี พ่อคงเบาใจขึ้นเยอะ" ทนงศักดิ์มองบุตรสาวคนโตอย่างชื่นชม เด็กสาวไม่เคยทำให้เขาทุกข์ใจเลยสักครั้งต่างจากอย่างนับดาวสิ้นเชิงพอคิดถึงก็รู้สึกอ่อนใจเอามาก ๆ
คำพูดที่ทนงศักดิ์พูดนับดาวได้ยินหมดเพราะเธออยากจะรู้ว่าทั้งสามพูดอะไรกันบ้างหลังจากเธอไม่อยู่จึงแอบยืนฟังริมประตู
เธอแสยะยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะหมุนตัวเดินไปขึ้นรถด้วยใบหน้าราบเรียบไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมาให้เห็น เธอชินแล้วล่ะเพราะบิดามักต่อว่าเธอด้วยคำพูดแรง ๆ เสมอ อีกทั้งยังชอบเปรียบเทียบเธอกับนีรนุชอีก ในสายตาท่านเธอมันก็แค่ลูกนิสัยไม่ดีเท่านั้นเอง
แต่หากจะโทษก็ต้องโทษบิดาที่ทำให้เธอต้องกลายเป็นคนร้ายกาจแบบนี้