พ่ายรักเจ้ากาดำ

64.0K · จบแล้ว
Ocean Books
43
บท
6.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

หากเมิ่งลี่จูคือหงส์ฟ้า เมิ่งลี่อินก็คือกาดำ แม้จะเป็นนกเหมือนกัน แต่ทั้งสองช่างแตกต่างราวฟ้ากับดิน ทว่าเมิ่งลี่อินไม่คิดยอมแพ้ เป็นอีกาแล้วอย่างไร นางจะมีชีวิตอย่างสง่างามไม่ได้หรือ ตัวอย่าง เมิ่งลี่อินได้ฟังประโยคนั้นร่างก็ชาวาบ มือที่วางอยู่หน้าท้องสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม ในดวงตากลมโตมีน้ำฉาบทับจวนเจียนจะหยดอยู่รอมร่อ นางรู้มาตั้งแต่เด็กว่าแม่ใหญ่ไม่ค่อยพอใจตนนักแต่ก็มิได้รู้สึกต่ำต้อยอันใด นางเข้าใจสถานะตนเองดีจึงพยายามไม่สร้างเรื่องมาโดยตลอด มิคิดว่าผลพวงจากการใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังจะเป็นการยื่นมีดใส่มือสุ่ยฮุ่ยหลิงเช่นนี้ แม่ใหญ่ต้องการให้นางบอกคนสกุลกู้ไปเช่นนั้น แล้วชีวิตที่เหลือของนางจะเป็นอย่างไร? กล่าวกับกู้ชางที่เอ่ยปากสู่ขอเมิ่งลี่จูด้วยตนเองว่านางหลงรักเขามาก จึงแย่งงานมงคลมาจากพี่สาว บอกแก่คนสกุลกู้ว่าพี่สาวเสียใจจนเตลิดหนีหายตอนนี้ยังตามไม่เจอ ให้นางกลายเป็นปีศาจร้ายในสายตาผู้อื่น ส่วนพี่สาวก็กลายเป็นผู้บริสุทธิ์อย่างนั้นหรือ? แม่ใหญ่ช่างโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว

นิยายรักโรแมนติกจีนโบราณนิยายจีนโบราณนิยายรักฟินๆโรแมนติก

บทที่ 1 คนหาย

“หนีไปแล้ว? จะหนีไปได้อย่างไร!”

เสียงจอกชากระเบื้องเคลือบแตกกระจายเต็มพื้นเคล้าเสียงตะโกนด้วยความโมโหดังลั่นห้องโถง สาวใช้รีบก้มหน้าต่ำดวงตามองเท้าไม่กล้าวอกแวกไปทางอื่น ไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบมองสีหน้านายท่านเสียด้วยซ้ำ พ่อบ้านจี้ยืนอยู่อีกทางหนึ่ง มือเหี่ยวย่นหยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผากอย่างขลาดเขลา

พ่อบ้านชราก้าวเท้าขึ้นหน้า เอ่ยเสียงสั่น “นะ... นายท่าน เช่นนี้จะทำอย่างไรดีขอรับ อีกไม่ถึงสองชั่วยามสกุลกู้ก็จะเคลื่อนขบวนมารับเจ้าสาวแล้ว หาก- หากหาคุณหนูใหญ่ไม่เจอ...”

นายท่านสกุลเมิ่งดวงตาแดงฉานคล้ายมีกองไฟเต้นอยู่ภายใน สีหน้าเขาบิดเบี้ยวกระทั่งเสื้อผ้าอาภรณ์ยังยุ่งเหยิงแตกต่างจากยามปกติมากนัก เมิ่งจงแววตาวาวโรจน์ เขาผินหน้าเห็นฮูหยินของตนยืนห่างไม่ไกลก็หยิบจอกชาโยนใส่โดยแรง

ฮูหยินกรีดเสียงร้องด้วยความตกใจ แม้จะรีบขยับไปอีกทางแต่เศษกระเบื้องก็ยังกระเด็นผ่านเท้า เรียกเลือดได้กองหนึ่ง เมิ่งจงไม่ใส่ใจจะปลอบโยนภรรยาสักนิด เขาตบโต๊ะจนเกิดเสียงดังปึง ทำเอาคนในห้องโถงสะดุ้งเฮือกอย่างตื่นตกใจ

“ขายหน้า! ขายหน้าข้าหมดแล้ว!”

นายท่านเมิ่งสติหลุดเสียแล้ว มิว่าใครจะกล่าวปลอบอย่างไรก็ไม่สามารถดับเพลิงโทสะในอกได้ลง “สกุลกู้กำลังตั้งขบวนรับเจ้าสาว เอิกเกริกเสียปานนั้นตอนมาถึงหน้าเรือนจะเรียกคนมาได้เท่าไหร่! จูเอ๋อร์หายไปเช่นนี้เจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร! จะให้ข้าเอาหน้าแก่ ๆ นี่ไปบอกสกุลกู้อย่างไร! หา!”

ฮูหยินใหญ่แซ่สุ่ย ก่อนที่นางจะแต่งออกก็เป็นถึงคุณหนูสามที่เกิดจากฮูหยินเอก มีบิดามารดารายล้อมเอาใจ มีพี่ชายพี่สาวให้ท้ายไม่ห่าง แม้จะแต่งงานมาหลายสิบปีก็ยังไม่สามารถละทิ้งนิสัยเย่อหยิ่งจองหอง ตลอดมานางไม่เคยถือสาเขามาก่อน แต่ครั้งนี้สามีคนดีถึงขั้นปาจอกชาใส่จนมันบาดเท้านวลเนียนที่นางเฝ้าถนอมมาหลายปี แล้วนางจะยังทนเฉยได้อย่างไร!

สุ่ยซื่อสะบัดมือหลุดจากการประคอง นางเชิดหน้ามองนายท่านเมิ่งด้วยปลายจมูก “เรื่องนี้โทษข้าได้หรือ! เมื่อคืนข้าสั่งแล้วให้คนเฝ้าห้องนางให้ดี ๆ ใครเลยจะรู้ว่าสาวใช้พวกนั้นจะหละหลวมปล่อยจูเอ๋อร์หนีไปได้ ท่านพี่ สาวใช้ที่ข้าส่งไปเฝ้าครึ่งหนึ่งก็เป็นสาวใช้ทงฟางของท่าน แล้วโทษทัณฑ์นี้จะตกมาถึงข้าได้อย่างไร!”

สาวใช้ทงฟางหน้าที่หลักคือรับใช้นายท่านในยามค่ำคืน แต่หลัง ๆ มานี้เมิ่งจงมักจะอยู่แต่กับอนุหรือฮูหยินรอง สาวใช้ทงฟางเมื่อไม่จำเป็นก็ต้องกลับไปทำงานเช่นสาวใช้คนอื่น ๆ เมื่อคืนกว่าจะเตรียมงานพิธีก็ดึกดื่นค่อนคืน สุ่ยซื่อไม่อยากให้สาวใช้มือเท้าคล่องแคล่วไปเฝ้าเรือนบุตรสาวจึงส่งสาวใช้ทงฟางพวกนี้ไปเฝ้าแทน

สาวใช้ทงฟางพวกนั้นใช้ชีวิตชูคอจนเคยชิน จะเฝ้าเรือนไม่จริงจังก็ไม่แปลกอันใด

“นี่... นี่เจ้ากล้ายอกย้อนข้า!”

สุ่ยซื่อถลึงตาอย่างไม่ยินยอม “ข้ายังจะกล้าด่าท่านด้วย! จูเอ๋อร์หนีหายแทนที่ท่านจะส่งคนออกตามหาเงียบ ๆ กลับโวยวายเสียใหญ่โต ท่านเบิกตาดูเอาเถิด ตอนนี้ในห้องโถงมีคนเท่าไหร่ นอกห้องโถงมีคนเท่าไหร่ เรื่องนี้จะปิดจากคนสกุลกู้มิดหรือไม่ก็อยู่ที่ปากท่านแล้ว!”

สกุลสุ่ยและสกุลเมิ่งฐานะทัดเทียม เมื่อแต่งงานดองสัมพันธ์ก็ยิ่งทำให้เจริญรุ่งเรืองเข้าไปใหญ่ สุ่ยซื่อไม่กลัวสามีแต่เมิ่งจงกลับต้องพึ่งพาบ้านภรรยาในการค้าขาย มาตอนนี้ไม่สามารถดุด่านางได้ดังใจก็ยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ โมโหจนหน้าแดงแทบจะกลายเป็นสีตับหมูอยู่แล้ว!

พ่อบ้านจี้เห็นโอกาสรอดวางอยู่ตรงหน้าก็ไม่กล้ารอช้า รีบเอ่ยปาก “นายท่าน ฮูหยิน เรื่องสาวใช้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเองขอรับ ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากแน่นอน”

เมิ่งจงโบกมือ “เจ้ารีบไปจัดการ อย่าให้สกุลกู้รู้เด็ดขาด ถ้าฟ้าสางแล้วยังหาไม่เจอก็เรียกคนกลับมาให้หมด อย่าให้ผู้ใดจับได้ เข้าใจหรือไม่”

พ่อบ้านจี้ค้อมเอว กล่าวหนักแน่น “ขอรับ นายท่าน”

เมื่อพ่อบ้านจี้จากไปสาวใช้ที่เหลือก็ถูกพาไปด้วย ทั้งโถงจึงเหลือเพียงเมิ่งจงที่ยังมีโทสะสูงเสียดฟ้า สุ่ยซื่อที่ยืนกอดอกเชิดหน้าอยู่อีกทางและสองคนที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น

เมิ่งลี่อินคุกเข่าฟังท่านพ่อและแม่ใหญ่ตะโกนด่าทออยู่นานจนหัวเข่าชาหนึบ นางมุ่นหัวคิ้วทว่าไม่กล้าขยับตัว ด้วยกลัวว่าหากโยกตัวไปมาสักนิด ท่านพ่อและแม่ใหญ่ที่กำลังอารมณ์ไม่ดีจะเห็นนางเข้า เมิ่งลี่อินเหลือบสายตามองท่านแม่ที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้าง

สืออี๋เหนียงสีหน้าราบเรียบไร้อารมณ์ นางสวมชุดผ้าไหมธรรมดา ๆ ไม่มีราคาค่างวด แม้แต่ปิ่นปักผมก็ยังเป็นปิ่นไม้ไร้ลวดลาย หากมีใครสักคนมองเห็นสืออี๋เหนียง ชั่วขณะที่ละสายตาก็สามารถลืมเลือนนางอย่างง่ายดาย

เพราะสืออี๋เหนียงที่เป็นเช่นนี้จึงถูกเมิ่งจงลืมตั้งแต่สามเดือนแรก หลังเขาทำนางตั้งครรภ์จวบจนนางคลอดบุตร เมิ่งจงก็ไม่เคยเหยียบย่างเข้าเรือนเล็กของสืออี๋เหนียงสักครา นานวันเข้าแม้แต่สุ่ยซื่อยังคร้านจะเค้นสมองหาแผนการเฉดหัวนางสองแม่ลูกเสียด้วยซ้ำ

เมิ่งลี่อินแม้จะหน้าตาพริ้มเพรามองดูแล้วงดงามกว่ามารดาอยู่สี่ส่วนแต่นิสัยของนางกลับเหมือนสืออี๋เหนียงไม่มีผิด เก็บปากสงบคำ วัน ๆ หากไม่ก้มหน้าก้มตาทำงานก็มักจะหลบไปอยู่มุมสวน รอจนตะวันใกล้ตกถึงได้กลับเรือน เป็นเช่นนี้นาน ๆ เข้าเมิ่งจงก็เกือบจะลืมบุตรสาวคนนี้ไปเช่นกัน