พ่ายรักร้าย

90.0K · จบแล้ว
Farista
51
บท
27.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เพราะอุบัติเหตุทำให้เธอและเขาได้พบกัน เรื่องราววุ่นวายจึงเกิดขึ้น "เป็นไงล่ะ สุดท้ายคุณก็ได้คนที่พร่ำบอกว่าเกลียดนักเกลียดหนาเป็นผัว" "แค่ครั้งเดียว และเพราะความเมาฉันไม่นับว่าผัว"

ประธานรักหวานๆมาเฟียนิยายรักเลือดร้อน18+พระเอกเก่งจีบเมียเก่าบอสซึนเดเระเศรษฐี

บทที่1 อุบัติเหตุ

@ประเทศจีน

ตึก! ตึกๆ! 

เสียงรองเท้าส้นสูงดังกระทบพื้นมาแต่ไกล ก่อนจะเผยให้เห็นร่างบางระหงของเสี่ยวหมี่ที่วิ่งหน้าตาตื่นออกมาจากลิฟต์ด้วยความเร่งรีบ

"ตายๆ! ทำไมแกตื่นสายแบบนี้ยัยหมี่" เธอตำหนิตัวเองด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ ขณะที่มือก็หอบหิ้วเอกสารพะรุงพะรังวิ่งไปขึ้นรถ แล้วขับออกจากคอนโดด้วยความเร็ว วันนี้เธอมีนัดคุยงานกับลูกค้าคนสำคัญแต่ดันตื่นสายเพราะเมื่อคืนไปเที่ยวผับและเผลอดื่มหนักไปหน่อย

"ว๊าย!"

โครม!!

เหมือนวันนี้จะเป็นวันซวยของเธอแท้ ๆ ขณะที่กำลังขับรถด้วยความเร่งรีบเพื่อให้ทันเวลาเลยไม่ทันระวังเลี้ยวออกจากซอยคอนโดโดยลืมมองซ้ายแลขวาทำให้รถที่วิ่งมาทางตรงชนเข้ากับรถของเธออย่างจัง แต่นับว่าโชคของเธอยังดีเพราะรถอีกคันไม่ได้ขับเร็วมากเลยไม่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง

"โอ้มายก๊อด!" ตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเงยขึ้นไปเห็นรถคู่กรณีเพราะมันคือรถหรู Koenigsegg Ccxr Trevita ราคาเหยียบสองร้อยล้านบาทที่มีเพียงสามคันในโลกค่าซ่อมคงสูงลิ่บลิ่วแน่นอน

"งื้อออ"

"วันซวยอะไรของฉานน" เธอโอดครวญออกมาพร้อมฟุบหน้าลงกับพวงมาลัยรถอย่างหมดเรี่ยวแรง วันนี้เธอคงพลาดนัดสำคัญกับลูกค้าแถมยังต้องรับผิดชอบค่าเสียหายของรถคู่กรณีอีกยังไงเธอก็เป็นฝ่ายผิดเต็ม ๆ

ก๊อก ๆ! 

ขณะที่เธอกำลังก้มหน้าครวญครางเสียงเคาะกระจกรถฝั่งที่เธอนั่งอยู่ก็ดังขึ้น ใบหน้าสวยค่อย ๆ ผละออกจากพวงมาลัยรถแหงนไปมองทางต้นเสียง 

เธอถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะเมื่อได้เห็นใบหน้าของคนที่ยืนเคาะกระจกรถอยู่ เขาช่างหล่อเหลาดูดีไปทุกระเบียดนิ้วไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัว และหน้าตาที่ดูนิ่ง ๆ นั้นช่างน่าค้นหาเสียเหลือเกิน

เสี่ยวหมี่เผลอจ้องมองหนุ่มรูปงามผ่านกระจกรถนานนับนาที จนเสียงเคาะกระจกรถดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้เธอหลุดออกจากภวังค์แล้วรีบเปิดประตูลงจากรถเพื่อขอโทษ และเจรจาเรื่องค่าเสียหาย

"ฉันขอ..!" 

"คุณขับรถภาษาอะไรห๊ะ! ไม่มองถนนบ้างรึไง"

เธอทำท่าจะโน้มศีรษะกล่าวคำขอโทษด้วยความรู้สึกผิด แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเจอคำพูดแสนร้ายกาจของเจ้าของรถหรูซึ่งสร้างความไม่พอใจให้เธอเป็นอย่างมาก

"พูดดี ๆ ก็ได้ทำไมต้องเสียงดัง รู้ไหมคนที่พูดแบบนี้เขาเรียกนิสัยไม่ดี ไม่มีมารยาท" จากที่จะขอโทษก็กลับกลายเป็นต่อว่าเจ้าของรถหรูแทน เพราะเหลืออดกับคนนิสัยเสียแบบนี้จริง ๆ เธอเป็นคนผิดก็จริงแต่ไม่จำเป็นต้องมาแสดงกริยาอย่างนี้ใส่สักหน่อย

"ปากดี" มาเฟียหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาจับจ้องหน้าหญิงสาวอย่างเอาเรื่องคำพูดของเธอก็สร้างความไม่พอใจให้เขาเช่นกันตั้งแต่จำความได้ไม่เคยมีใครกล้าว่าเขาแบบนี้เลย

"เอาเป็นว่าฉันขอโทษแล้วกันที่ขับรถไม่ระวัง" เสี่ยวหมี่ผ่อนลมหายใจเข้าออกเบา ๆ เพื่อให้ตัวเองอารมณ์สงบลง ก่อนกล่าวขอโทษด้วยความจำใจ เธอไม่อยากมีปัญหากับหนุ่มคู่กรณีไปมากกว่านี้เดี๋ยวเกิดเขาอย่างกลั่นแกล้งเธอขึ้นมาจะยิ่งซวยเข้าไปอีก

"ทีหลังก็ขับรถให้มันดี ๆ หน่อยไม่ใช่ปิดตาขับจนเดือดร้อนคนอื่นเขา" ทว่าอีกฝ่ายยังคงปากร้ายไม่เลิกรา เธอได้แต่เก็บความขุ่นเคืองเอาไว้ในใจ ก่อนเดินไปดูความเสียหายของรถคู่กรณี เลือกจะไม่ต่อปากต่อคำกับเขาให้เสียเวลาเพราะคิดว่าต่อปากต่อคำไปก็เปล่าประโยชน์สู้เคลียร์ให้จบไว ๆ ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปดีกว่า

"คุณจะชดใช้ให้ผมยังไงรถผมไม่ใช่คันละแสนสองแสนนะ" แต่เหมือนมาเฟียหนุ่มจะหาเรื่องเธอไม่ยอมเลิกขนาดเธอเดินหนีมาดูรถเขายังจะตามมาพูดจาให้เธอโมโหอีก

"ฉันจะเรียกประกันมาคุย"

"คิดว่าประกันรับผิดชอบไหวเหรอ" เธอถึงกับกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคออึกใหญ่คำพูดของมาเฟียหนุ่มสร้างความหนักใจให้เธอไม่น้อย ฐานะทางบ้านของเธอก็ไม่ได้ร่ำรวย ลำพังแค่เงินเดือนอันน้อยนิดของเธอจะไปพออะไร

เธอพยายามข่มความกังวลเอาไว้ไม่แสดงอาการใด ๆ ให้มาเฟียหนุ่มได้เห็น ก่อนตอบกลับคนตรงหน้าด้วยใบหน้าราบเรียบ "ประกันมาก็รู้เองแหละ"

"ประกันชั้นหนึ่งหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ผมว่าคุณคงต้องจ่ายเองแล้วล่ะ" คำพูดเชิงดูถูกพ่นออกจากปากมาเฟียหนุ่ม ทำให้คนฟังถึงกับอารมณ์เดือดดาล

"ถึงฉันจะไม่รวยเท่าคุณ แต่ฉันก็มีศักดิ์ศรีพอ อย่าคิดว่ารวยแล้วจะพูดเหยียดใครก็ได้" เสี่ยวหมี่ต่อว่ามาเฟียหนุ่มด้วยความโมโห ก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ในรถโทรเรียกประกัน

"หึ" มาเฟียหนุ่มคำรามในลำคออย่างเย้ยหยัน ดวงตาคมกริบตวัดมองผู้หญิงที่ยืนต่อว่าเขาอยู่ตรงหน้านิ่ง ๆ ความจริงหากหญิงสาวยอมอ่อนน้อมพูดจาหวาน ๆ สักนิดเขาก็ไม่คิดจะเรียกร้องค่าเสียหายจากเธอเลย 

รถเสียหายแค่นี้เขาซ่อมเองก็ได้ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา แต่เป็นเพราะคู่กรณีของเขาช่างหยิ่งผยอง อวดดี และปากกล้าเสียเหลือเกิน เขาจึงอยากทำความรู้จักกับเธอให้มากกว่านี้สักหน่อยเพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาจะเจอคนที่ไม่สนใจว่าเขาจะหล่อจะรวยไหม หนำซ้ำยังกล้าต่อปากต่อคำอย่างไม่เกรงกลัว ส่วนมากจะพบแต่ผู้หญิงที่เข้าหาเขาเพราะเงิน ยอมศิโรราบให้แก่เขากันทั้งนั้น

หลังจากเสี่ยวหมีโทรเรียกประกันแล้วทั้งสองก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกเลยต่างคนต่างก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ของตัวเองไป กระทั่งประกันก็มาถึงที่เกิดเหตุ และกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็เสียเวลาไปไม่น้อย

"เรียบร้อยแล้วฉันขอตัวกลับก่อน" เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเสี่ยวหมี่ก็หันมาบอกลาหนุ่มคู่กรณีตามมารยาทก่อนจะหมุนตัวเตรียมเดินไปเรียกแท็กซี่

"เดี๋ยว!"

ก้าวเท้าเดินได้สองสามก้าวเท่านั้นก็ต้องหยุดชะงักเมื่อโดนหนุ่มคู่กรณีเรียกไว้ เธอพ่นลมหายใจหนัก ๆ กลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนหมุนตัวกลับมาถามด้วยน้ำเสียงห้วน "อะไรอีก"

"เอาเบอร์โทรกับที่อยู่คุณมา เผื่อมีอะไรเพิ่มเติมผมจะได้ให้ลูกน้องโทรไปคุย" 

"แล้วทำไมต้องเอาที่อยู่ฉันด้วย" เสี่ยวหมี่ขมวดคิ้วเป็นปมมองหน้ามาเฟียหนุ่มด้วยความสงสัยว่าเขาจะต้องการที่อยู่เธอไปทำไมกัน

"เผื่อคุณชิ่งหนีไงลูกน้องผมจะได้ตามถูก" 

"นี่เบอร์ติดต่อ ส่วนที่อยู่อยากได้ก็ไปเสาะหาเอาเอง" คำตอบของมาเฟียหนุ่มทำให้เสี่ยวหมี่ไม่พอใจเป็นอย่างมากแต่ก็เลือกจะไม่ตอบโต้กลับเพียงยื่นนามบัตรให้เขา ก่อนเดินกระฟัดกระเฟียดไปเรียกรถแท็กซี่

"หึ" มาเฟียหนุ่มมองตามร่างบางที่กำลังเดินจากไปด้วยสายตายากเกินคาดเดา ก่อนจะยกยิ้มร้ายออกมา แล้วเดินไปขึ้นรถหรูที่ลูกน้องมาจอดรอรับอยู่

"เสี่ยวหมี่" ดวงตาคมกริบมองนามบัตรที่สาวคู่กรณีเพิ่งให้มาอย่างใช้ความคิด แล้วยกโทรศัพท์ต่อสายหาลูกน้องคนสนิทอีกคน

"ไปสืบมาว่า เสี่ยวหมี่คนที่ชนท้ายรถฉันวันนี้พักอยู่ที่ไหน" 

(ครับคุณเดย์)

"หึ! เสร็จฉันแน่ยัยปากดี" เขายกยิ้มร้ายออกมาหลังจากวางสายลูกน้อง ก่อนจะขับรถตรงไปยังคาสิโนของตัวเอง