บท
ตั้งค่า

3

“ให้พลินช่วยยกอันไหนบ้างคะ”

บารมีหยุดมือที่แยกถุงตรงท้ายรถมองตอบมาบอกเสียงเรียบ

“ไม่เป็นไรครับ ของมีไม่เยอะ”

“ให้พลินช่วยถือเถอะค่ะ มีแต่ของหนักๆ ทั้งนั้นเลย”

บารมีที่หันไปหยิบของ มองกลับมาแวบหนึ่งแล้วส่งถุงที่เบาที่สุดให้ถือเพียงใบเดียวเท่านั้นเพราะขี้เกียจยืนยื้อกันไปมา ไม่ใช่วิสัยของเขาแต่ไหนแต่ไรแล้ว พลินมองของที่เหลือแล้วก็ว่า

“พวกนั้นล่ะคะ ให้พลินช่วยถือไหม”

“พอแล้ว ตัวเล็กเท่าลูกหนูจะถืออะไรไหว”

“ให้พลินช่วยเถอะค่ะ พลินถือไหว”

“ว่าที่นิสิตมอ...” เอ่ยชื่อมหาวิทยาลัยที่พลินสอบติดและกำลังจะเข้าไปศึกษาต่อ แล้วบ่นทิ้งท้าย “หัวดื้อแบบนี้ทุกคนหรือไงนะ” พลินไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายรู้เรื่องของตนเองได้อย่างไร บ่นอุบแก้อาการขวยเขิน

“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ พลินแค่อยากช่วย ไหนๆ เราก็จะได้เกี่ยวดองกันแล้ว”

ได้ยินอีกฝ่ายพูด บารมีขมวดคิ้วจนแทบผูกกันเป็นปม ผุดรอยยิ้มขึ้นมุมปาก บอกตัดรำคาญ

“งั้นเอานี่ไปอีกถุง”

เขาส่งอีกใบหนึ่งให้เธอ จังหวะนั้นเองที่พลินยื่นมือออกไปรับจนสัมผัสโดนปลายนิ้วเรียวยาว ที่มีเล็บมนสวยดูแข็งแรงของเขาเข้าก็ให้ใจสั่น คล้ายถูกกระแสไฟฟ้าไหลเข้าสู่ร่างกายเลยกระตุกมือกลับมา ใบหน้าออกร้อนซู่ ยืนนิ่งตรงนั้น ได้ยินบารมีถาม

“หนักล่ะสิ”

“ไม่ค่ะ ไม่” พลินรีบตอบรับพร้อมยิ้มน้อยๆ เก้อเขิน รุดหน้าไปก่อน ทิ้งให้บารมีมองตามด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก

เสียงเพลง เสียงพูดคุยสรวลเสเฮฮาดังแว่วพร้อมเสียงคลื่นลมทะเล จวบจนพระอาทิตย์คล้อยต่ำลง เครื่องดื่มมึนเมาที่ตั้งวงเล็กๆ ขยายกว้างมากขึ้น

“น้องสาวแกหรือดา” เพื่อนคนหนึ่งของญาดาถาม มองพลินก่อนยกเครื่องดื่มสีสวยในแก้วจิบ

“อือม์” ญาดาตอบออกมาง่ายๆ คำเดียว

“ท่าทางหงิมๆ เงียบๆ พามาแบบนี้น้องเขาจะสนุกหรือยะ”

“โหย น้องฉันยังเด็กแก แค่บอกว่าพามาทะเลก็สนุกแล้ว”

“ไม่เด็กนะยะ นมเอย สะโพกเอย เริ่มผายออกแล้วนั่นน่ะ เอาเหล้าไปมอมหน่อยไป จะได้สนุกๆ ไม่ต้องนั่งหงอยอยู่คนเดียว”

ญาดาที่เริ่มมึนได้ที่ นึกสนุกอย่างที่เพื่อนชวน จึงคว้าแก้วตรงไปยังน้องสาวร่วมบิดา ถึงแล้วก็ส่งพรวดไปข้างหน้า บอกเสียงอ้อแอ้นิดๆ

“ดื่มหน่อยพลิน”

พี่สาวออกปากและดูท่าคงดื่มมามากแล้ว เพราะสังเกตเห็นว่าใบหน้าสวยออกแดงเล็กน้อย พลินยิ้มส่ายหน้าบอกปัด

“ไม่ค่ะ พลินไม่ชอบดื่ม แล้วก็ดื่มไม่เป็นด้วยค่ะพี่ดา”

“ลองจิบดู ไม่เมาหรอกน่า ถ้าเมาก็จะเป็นไรไป นี่งานของพี่ มีแต่พวกเราทั้งนั้น ไม่มีใครที่ไหนหรอก รับประกันความปลอดภัยจ้ะ”

ถ้าไม่ใช่ว่ามากับญาดา พลินไม่มีทางดื่มเครื่องดื่มเหล่านั้นเป็นอันขาด ด้วยความเชื่อใจ ไว้ใจในตัวพี่สาว พลินจึงรับมาจิบเพียงเท่านั้น ไม่นานเด็กสาวก็เริ่มยิ้มง่ายขึ้น หัวเราะกับมุกตลกของบรรดาเพื่อนๆ พี่ ถัดมาอีกเกือบสองชั่วโมงก็เห็นว่านั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ไปแล้ว

“พอเถอะ”

เสียงทุ้มนั้นส่อแววไม่พอใจแฝงมาด้วย พร้อมแรงดึงแก้วออกจากมือของพลินที่ถูกชวนให้ดื่มจนนับไม่ถ้วนแล้วในตอนนั้น รู้แต่ว่าสนุก ใครคุยอะไรก็ตลกไปหมด

พลินพยายามบังคับร่างกายให้ตั้งตรงด้วยความยากลำบาก รู้สึกว่าตัวเองยิ้มง่าย หัวเราะอะไรง่ายๆ อย่างกับคนสติไม่ดีอย่างไรอย่างนั้น พอมีคนมาดึงแก้วออกจากมือ เลยแหงนหน้าไปมอง เห็นว่าเป็นใคร จึงยิ้มแย้มทักอย่างกับสนิทด้วย “อ้าว พี่เขย”

“นั่งก่อนค่ะ” เสียงญาดาฟังดูอ้อแอ้ไม่แพ้กันบอกต่อจากนั้น พร้อมลุกไปดึงมือบารมีให้มาร่วมโต๊ะด้วย เพราะเขาเอาแต่คุยโทรศัพท์หน้าตาเคร่งเครียดอยู่ที่อีกด้าน พอวางสายแล้วก็เห็นนั่งคุยอยู่แต่กับอีกโต๊ะที่เป็นพรรคพวกเพื่อนๆของเขา ไม่ยอมเฉียดกายมาทางนี้เลยสักวินาที พอเดินมาหาแทนที่จะมานั่งดื่มด้วย กลับมาห้ามไม่ให้ดื่ม

“น้องสาวคุณดาเมาแล้วนะ”

บารมีมองนิ่งๆ ที่เด็กสาว ท้วงเสียงขรึมจัด ทำเอาคนอื่นที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยมองสบตากัน เพราะญาดาเองก็เมาไม่แพ้น้องสาว แต่บารมีกลับเอ่ยปากท้วงคล้ายห่วงคนน้องมากกว่าคนพี่เสียนี่

“หัดเอาไว้สิคะ เดี๋ยวไปอยู่ไกลตา ใครมามอมเหล้าน้องสาวดาจะได้เอาตัวรอดได้ แต่แบบนี้เห็นท่าจะไม่รอดค่ะ” ญาดาบอกเสียงอ้อแอ้ ทิ้งท้ายก่อนลุกขึ้นยืน “นั่งดื่มด้วยกันก่อนค่ะ แล้วยังไงดาฝากน้องสักครู่ ดาขอไปห้องน้ำแล้วเดี๋ยวกลับมา จะพาน้องกลับห้องเองแหละค่ะ”

เนื่องจากกินดื่มกันข้างสระน้ำ และส่วนของห้องนอนก็อยู่ชั้นสองและชั้นสามของบ้าน ญาดาบอกจบปลีกไปยังอีกทางทันที

บารมีมองตามญาดา ผุดรอยยิ้มมุมปากขึ้น แล้วหันไปมองร่างผอมคล้ำที่นั่งคอตกด้วยสายตาที่ใครๆ ต่างก็อ่านไม่ออก รับแก้วจากอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะนี้ด้วย ถอนใจเบาๆ แล้วว่า

“เราไม่เคยดื่ม อย่าดื่มเยอะสิ”

“พลินดื่มไม่เยอะหรอกค่ะแค่แก้วเดียวเอง...แต่ใส่เหล้าไปแล้วห้ารอบ” ว่าจบยกมือกางนิ้วบอกเขาไปด้วย บารมีมองก่อนส่ายหน้าพร้อมเอ็ดเข้าให้

“เมาแล้วตลกนะเราน่ะ”

บารมีจิบเครื่องดื่มในแก้วได้ครึ่งเดียวก็พอดีกับที่มีสายเรียกเข้ามาจึงฝากหญิงสาวคนที่ส่งแก้วเครื่องดื่มให้เขา ที่คาดว่าคงเป็นเพื่อนของญาดาช่วยดูพลินให้อีกทอด

“ฝากดูหน่อยนะครับ” แล้วก้มลงบอกกับพลิน “นั่งรอพี่เราตรงนี้ก่อนนะพลิน อย่าลุกไปไหนคนเดียว”

แล้วผละไปอีกทางทันทีเพื่อรับสาย

คล้อยหลังบารมีแล้ว มีมือๆ หนึ่งหย่อนบางสิ่งบางอย่างลงในแก้วเครื่องดื่มสองใบ ใบแรกเป็นของพลินที่แทบทรงตัวไม่อยู่ อีกใบเป็นของบารมี พลินถูกใครบางคนส่งแก้วให้ดื่มต่ออีก เด็กสาวส่ายหน้าเพราะรู้สึกว่าควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว แต่ก็คล้ายกับว่ามีคนประคองศีรษะ พยายามกรอกเหล้าเข้าปากเธอ พลินโงนเงนเต็มที หลังจากนั้นพลินก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย

เหมือนครึ่งหนึ่งฝันอีกครึ่งยังตื่นอยู่ พลินคิดว่าตนเองกำลังลอยคว้างราวกับอยู่ในวังวนของทะเลที่เต็มไปด้วยอารมณ์แสนประหลาดล้ำ สัมผัสที่ไม่เคยรู้จัก ความเจ็บปวดที่แกนกลางกาย ความสุขสมที่เกิดจากการสอดประสานชนิดไม่เคยพานพบมาก่อน ในความมึนงง เมาเบลอนั้นเอง พลินหลับตาลงด้วยความอ่อนหวานซาบซ่านแกมอบอุ่นทั้งตัวและหัวใจ ได้แต่ส่งเสียง ‘ฮื่อ’ ก่อนเคลิ้มหลับไปในเวลาต่อมา

เสียงเปิดปิดประตูปังดังจนสะดุ้งตื่น

พลินหยีตาเมื่อแสงสว่างจ้าจากด้านนอกเสียดแทงเข้ามาหลังเสียงดังปังนั่นที่คาดว่าน่าจะเป็นเสียงประตู พอปรับภาพได้แล้วถึงเห็นญาดายืนมองนิ่งอยู่ตรงปลายเตียง

ได้ยินตัวเองเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงแหบๆ

“พี่ดา”

นึกแปลกใจว่าเหตุใดญาดาถึงทำหน้าเครียดขนาดนั้น พี่สาวของเธอทำไมไม่ยิ้มแย้มสดใสอย่างทุกที กลับตวาดถามเสียงดุดัน

“ทำไมทำแบบนี้พลิน”

“ทำอะไรคะ”

ถามจบพร้อมความงงงัน รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวข้างกายเหมือนกับว่ามีอีกคนบนเตียงนอน พลินหันขวับไปมอง ถึงได้ประสานสายตาเข้ากับเจ้าของดวงตาคมคู่นั้น ใจหายวาบในทันที

เขามองมาที่เธอด้วยความกังขาเช่นกัน ก่อนจะทันได้คิดอะไรต่อจากนั้น ญาดาผลุนผลันออกไปจากห้อง โดยมีชายที่กายเปลือยเปล่าเท่ากันกับเธอสบถหยาบคายอยู่ข้างๆ อย่างที่ไม่เคยคิดว่าคนแบบเขาจะพ่นวาจาร้ายกาจออกมาได้ถึงขนาดนี้

นี่มันเกิดอะไรขึ้น

พลินจำเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้เลยสักนิด

แล้วพยายามลุกออกจากเตียงก็ลุกไม่ไหว รู้สึกเจ็บแปลบเสียดตึงไปหมด ทั้งแกนกายร้าวไปจนถึงหน้าขาและช่องท้อง ใจหายวาบอีกหนเมื่อเห็นคราบเลือดบนที่นอนนั่นด้วย

สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่การเข้าใจผิด

เธอกับว่าที่พี่เขยมีความสัมพันธ์ทางกายกันเมื่อคืนนี้อย่างนั้นหรือ!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel