ตอนที่ 3 : อีปริม! (3-2)
ทางด้านเลขานุการหนุ่มตื่นแต่เช้ามาเคลียงานให้เจ้านาย ยังต้องทำหน้าที่ล้างจานแทนแม่บ้าน เพราะมีคนจงใจแกล้งทำรกเลอะเทอะเอาไว้ กองใหญ่เท่าภูเขา
อาหารบำรุงคนท้องมีพนักงานมาส่งของทั้งวัน เขายังต้องคอยไปเปิดประตูรับตั้งแต่ผลไม้ เชอรี่ สตรอเบอรี่ ที่คนสั่งเหมือนจะสั่งมาเรื่อย ๆ ทีละเล็กทีละน้อยให้เขาต้องเดินไปบ่อย ๆ ได้อาหารอะไรมาก็ใส่จานเป็นหย่อมแล้วเปลี่ยนจานใหม่ มันจงใจแกล้งกันชัด ๆ!
“ยัยเด็กบ้า! คอยดูเถอะ...”
First Kiss บ้าบอคอแตกอะไร!? ท่าทางแก่แดดอย่างยัยเด็กแรดนี่ น่าจะผ่านมือผู้ชายมาโชกโชนด้วยซ้ำ
บางครั้งเขาได้ยินสองสาวคุยกัน ขนาดปรายลดาที่ผ่านเรื่องอย่างว่ากับสามีมายังมีจริต มียางอาย หากจะต้องพูดเรื่องบนเตียงกับใครต่างจากนัชชา เธอจะแค่หัวเราะแล้วพูดว่า ‘เล่าให้ฟังบ้างดิ’
อลันเป็นคนสุขุมมีสติอยู่เสมอด้วยนิสัยของเขาเองเว้นคราวนี้
ใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้งเพราะอารมณ์โกรธเกรี้ยวอยู่ในห้องครัวตามลำพัง ก่อนที่เสียงประตูบานเลื่อนอัติโนมัติจะดังเตือนว่ามีใครสักคนกำลังจะออกจากบ้าน มันทำให้เขาต้องสะบัดน้ำยาล้างจานจากมือ รีบล้างด้วยน้ำสะอาดไว ๆ วิ่งพรวดพราดออกไป
“นี่! รอก่อน จะไปไหนกันน่ะ?” ตะคอกตามหลังไปติด ๆ สองสาวที่จับจูงมือกันเตรียมออกจากบ้านรับรู้ได้ว่าบางคนคงไม่ปล่อยให้ไปกันตามลำพัง ยิ่งเป็นคนปากไวอย่างนัชชา เสียงแหลมเล็กต่อว่า
“จะไปไหนมันก็เรื่องของฉันกับเพื่อนไหม? นี่คุณ... พุทราไม่ใช่นักโทษ จะมากักตัวอะไรกันตลอดเวลา ผัวก็ไม่ใช่ ผัวเขายังไม่ว่าเลย มันเป็นสิทธิส่วนบุคคลขั้นพื้นฐานนะคะ หัดมีมารยาทบ้าง”
คนถูกด่าทอด้วยท่าทางประชดประชันชุดใหญ่ไฟกระพริบ! กัดฟันกรอด ๆ มองผู้หญิงตัวเล็กที่ปากดีเหลือเกิน ครั้นพอจะอ้าปากเถียง...
“m-a-n-n-e-r แปลว่า มา-ระ-ยาด นะคะคุณฝรั่ง อยู่เมืองไทยมาก็นาน ฟังภาษาไทยเข้าใจไหม? คำว่ามารยาทน่ะ” เสียงหวานสะกดทีละคำทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย ขนาดรอเรือยังออกเสียงควบกล้ำชัดเจน
ฝรั่งที่อยู่เมืองไทยมาสิบปี! แม่ของเขาก็เป็นคนไทยถึงเขาจะถือสัญชาติอเมริกัน ไม่ต่างจากโดนตอกหน้ายับเยิน ชายหนุ่มได้แต่ยืนโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง กระทั่งหญิงสาวอีกคนวิ่งตามมา
“พี่ซื้อขนม น้ำมาฝากเรากับพ่อเลี้ยง มากินกับพี่ก่อนสิ พุทรา กินก่อนค่อยไป เดี๋ยวพี่จะกลับแล้วนะ” บนวงหน้าสดสวยของสาววัยสี่สิบที่ดูไม่แก่กว่าวัยฉาบด้วยรอยยิ้มที่คงไม่ต่างจากยาพิษ นัชชาเลิกคิ้วขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย ปรายลดาชะงักครู่มองหน้ากันครั้งหนึ่ง แล้วก็ถูกเร่งเร้า
“ไปเร็ว... ไปกินขนมกับพี่นะ”
“ค่ะ พี่ปิ่น กินก่อนก็ได้ค่อยไป แก..” มือที่ยังจับกันไว้กระตุกเบา ๆ อีกคนก็กระตุกยิ้มมุมปาก ด้วยความคิดตรงกันว่าหากเข้าบ้านไปตอนนี้ ปรเมษฐ์คงเลิกรากับการทำงาน แล้วมาพาคนท้องไปโรงพยาบาลแทน
เป็นเรื่องปรกติของผู้ใหญ่ในบ้านหลังนี้ แต่ละคนชอบที่จะซื้ออาหารมารับประทานร่วมกัน แม้แต่ปิ่นแก้วเองกับคนบ้านนู้นก็มากันอยู่บ่อย ๆ มีพักหลังมานี้ที่สถานะของเจ้าตัวเปลี่ยนไป
ปรเมษฐ์แสดงท่าทีห่างเหินยังขีดเส้นชัดเจนว่าต้องการเป็นแค่คนรู้จัก ไม่มีแม้กระทั่งคำว่าเพื่อนหลงเหลือ ด้วยความที่เขาไม่อยากให้ภรรยาไม่สบายใจ ยิ่งในเดือนหน้านี้กำลังจะแต่งงาน เริ่มแจกการ์ดเชิญไปบ้างแล้ว
ปิ่นแก้วจึงจงเกลียดจงชังหญิงสาวเป็นเท่าทวี พอสองหนุ่มรับอาสาหน้าที่ไปหยิบจานมาใส่อาหาร ถุงหลายใบบนโต๊ะกับขนมที่มีภาชนะห่อหุ้มของมันอยู่แล้วถูกแกะออกวางพร้อมรอยยิ้ม
“แม่อนงค์ล่ะ? พุด ชวนแม่มากินข้าว กินขนมด้วยกันเปล่า?”
“หน้าใส ใจดี ไม่มีกาลเทศะ ออ... นิยายเรื่องใหม่นี่ พุด แกได้อ่านป่ะ?” บางคนจงใจกัดสีหน้าแย้มยิ้มของปิ่นแก้ว แต่เพียงไม่นาน นัชชาก็ทำเหมือนว่าไม่ได้พูดอะไรไป ยังเลียนแบบท่าทางไร้เดียงสา
“อุ๊ย... ขนมของพี่ปิ่นน่าทานมากเลยค่ะ เนอะพุทรา”
น้ำเสียงแสนไพเราะอ่อนหวานน่าจะเป็นน้ำเสียงของปรายลดาเสียมากกว่าทำเอาชายหนุ่มสองคนที่วางจานหลายใบลงบนโต๊ะกระจกในห้องรับแขกกว้างขวาง คิ้วขมวดมุ่นไปตามกัน ใคร ๆ ก็เห็นอยู่ว่านัชชาชอบจิกชอบกัดเป็นชีวิตจิตใจ
“น่ากินจริง ๆ เรอะ ไม่ใช่ว่าประชด?”
“จริงสิคะ คุณอลัน ทำไมเห็นปริมเป็นคนขี้ประชดไปได้ล่ะ?” เธอหันไปบอกร่างสูงในเสื้อยืด กางเกงยีนส์เท่ห์ด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา
ปรายลดาสะกิดมือเพื่อนสาวข้าง ๆ กันให้สงบปากสงบคำ หยิบน้ำเปล่าบนโต๊ะยกขึ้นจรดสายตาไว้ในท่าทีว่าจะกินก็ไม่กิน นึกขึ้นได้ว่าลืมอะไรอยู่หรือเปล่า พอดีกันกับที่อีกคนเอ่ยถามเรื่องยา ปรเมษฐ์จึงอาสาไปหยิบยาในห้องนอนให้ภรรยา
อาหารบนโต๊ะนั้นปิ่นแก้วเป็นคนจัดการเองทุกอย่าง มีขนมหวานไทย โรตีสายไหม น้ำผลไม้ขวดใหญ่ ซึ่งหล่อนค่อย ๆ รินลงใส่แก้ว โดยไม่ได้รู้ตัวว่าถูกจ้องอยู่ตลอดเวลา ยิ่งกับนัชชาที่เป็นคนช่างสังเกต
แววตาของปิ่นแก้วนั้นเต็มไปด้วยความริษยา หวงแหนพ่อเลี้ยงไม่ต่างจากว่าเขาเป็นสมบัติตน
“กินน้ำส้มคั้นก่อนสิ พี่ซื้อมาให้คนท้องโดยเฉพาะเลยนะ”
ทันทีที่น้ำถูกส่งให้เจ้าตัวกับมือก็ถูกแย่งไป ปิ่นแก้วถึงกับหน้าเสีย ตามองตามน้ำส้มแก้วใหญ่ถูกส่งไปให้ลูกครึ่งหนุ่มบนโซฟาในที่นั่งฝั่งข้าง ๆ กัน
“คุณอลันลองชิมดูว่าอร่อยไหม?”
“ไม่กินครับ” ชายหนุ่มตอบเต็มปากเต็มคำ ดวงตาสีฟ้าครามคุโชนมองคนตัวเล็กอย่างไม่พอใจ ตั้งแต่หญิงสาวหายป่วยดี ก็ตั้งท่าหาเรื่องอยู่เต็มที่ แม้กระทั่งตอนนี้ที่ส่ายแก้วในมือไปมาด้วยท่าทางยั่วโทสะ
“เลขาฯ แม่ฉัน คุณแบร์นาร์ หนุ่มฝรั่งเศสพูดได้ตั้งสี่ภาษา ทำงานเป้ะทุกอย่าง แม้แต่อาหาร เขายังชิมให้เจ้านาย... เผื่อว่ามันจะมียาพิษหรือเปล่า? เลขาฯ พ่อฉัน ลูกหลานคุณนายเทย์เลอร์ ตระกูลดังเป็นเลขานุการกันทั้งนั้น ทำอะไร ละเอียดยิบไปหมด นี่แค่ล้างจาน... ก็ไม่เห็นจะสะอาด”
“นี่แก... อย่าไปยั่วโมโหคุณอลันเชียวนะ” ว่าแล้วตีหน้าขาขาวเนียนเหนือกางเกงสั้นสีชมพูแรง ๆ จนเกิดรอยแดง เจ้าตัวก็แค่สะดุ้ง ขณะที่ตอนนี้คนถูกเปรียบเทียบไม่ต่างจากว่าถูกฉีกหน้ายับเยิน ยิ่งพอได้ยิน
“เด็กเส้น”
ใบหน้าหล่อเหลาขมึงทึงน่าหวาดกลัวพาหญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากที่อ้าค้างอยู่ พร้อมหน้าตาตื่นตะลึง
“Oh...! I’ m Sorry Now you’ re 30 years old right? so... must be เส้นใหญ่ ผู้ใหญ่เส้น? ก๋วยเตี๋ยวน่ะค่ะ คุณฝรั่งขา ปริมกำลังหมายถึงก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ รู้จักไหมคะ?”
เป็นความสำเร็จของนัชชาที่ทำให้หนุ่มวัยสามสิบโมโหเลือดขึ้นหน้า ขบกรามกรอดจนเห็นสันกราม อาหารบนโต๊ะจึงถูกจัดการอย่างไม่ใช่การชิม... ทุกจานแทบหายเกลี้ยง ก่อนกระดกน้ำตามหมดแก้ว
พฤติกรรมประชดประชันของหนุ่มใหญ่อยู่ในสายตาของปรเมษฐ์ที่ยืนงงเป็นไก่ตาแตก หลังจากที่เขาส่งกล่องยาให้ภรรยารับไป
“ทำอะไรของแก? อลัน... ไปหิวมาจากไหน”
“คุณอลันคงไม่ได้หิว... พี่เปา โดนยัยปริมตัวแสบแกล้งน่ะ” คนตอบหัวเราะคิกคัก ก่อนจะลุกขึ้นยืนสุดความสูง “ไปดีกว่า เดี๋ยวจะไปหาหมอไม่ทัน พี่เปาอยู่บ้านไปเถอะ แต่กลับมางานต้องเสร็จนะคะ ให้เวลาสองชั่วโมง โอเคนะ”
ชายหนุ่มหน้าระรื่นดีใจขึ้นมา โน้มตัวลงกอดประคองเอวบางอย่างแสนรัก
“เสร็จครับ ที่รัก พี่เคลียงานนี้เสร็จ พี่จะอยู่กับพุดกับลูกทุกวัน เราสามคนไปเที่ยวกันให้หนำใจเลยนะ” แล้วฝังริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียน แก้มขาวผ่องของหญิงสาวกลายเป็นสีแดงระเรื่อ ก่อนที่เธอจะซุกหน้าลงบนเสื้อเชิ้ตกลิ่นหอมอ่อนของสามี สวมกอดกันไม่สนใจสายตาใคร
“อู้หูย... อิจฉาคนมีความรักวุ้ย” นัชชาบ่นแล้วลุกเดินไปเป็นคนแรก อีกคนจึงเดินตามไปในอีกครู่ พอได้ล่ำลาอย่างไม่มีเรื่องค้างคาใจอะไรอีก
