บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1 : ผู้ดีตีนแดง ตะแคงตีนเดิน (1-3)

“ผมเปล่าเข้าใจผิดครับ ที่ลูกสาวคุณชอบกรี๊ดใส่หน้าคนอื่นเวลาโมโห คุณคิดว่าเป็นเพราะอะไรล่ะ จำได้ไหม?”

คำถากถางไม่ต่างจากตบหน้าฉาดใหญ่! เจ้าของร่างบางในสูททำงานราคาแพงเช่นผู้ดีลุกพรวดจากเก้าอี้ เพื่อที่จะจัดการกับเลขาฯ ปากดี ซึ่งเธอไม่เคยใจร้ายไล่ออกได้สักครั้ง ทว่าพอจะอ้าปากส่งเสียง แบร์นาร์ดยกปลายนิ้วขึ้นชี้อย่างท้าทาย ยังละความสนิทสนมลงด้วยการเรียกชื่ออย่างเต็มยศ

“นี่ไงครับ? คุณนิตยากรี๊ดใส่หน้าลูก ใส่อารมณ์กับลูก เด็ก ๆ เหมือนกระจกครับ มันเป็นกลไกการป้องกันตัววิธีหนึ่งที่สะท้อนออกมาจากการเลียนแบบพฤติกรรม ลูกโตมาแบบไหน ก็เพราะแม่เป็นแบบนั้นครับ ขนาดว่าผมเป็นแบบนี้ บางทีคงเป็นเพราะว่าเราอยู่กันมานานใช่ไหม? คราวนี้คุณจะทำอะไรผมล่ะ”

ปลายเสียงในเชิงข่มขู่ต่อว่า ดวงหน้าแดงก่ำเพราะความโกรธสะบัดไปอีกทาง สองมือกอดอก เชิดหน้าเยี่ยงนางพญา ขณะเดียวกัน ใบหน้าสะสวยเต็มไปด้วยความเศร้าหมองขุ่นเคืองใจ เธอไม่อยากจะสนใจลูกคนนี้อีกต่อไปแล้ว!

“นังลูกไม่รักดี มันจะนอนข้างถนน จะไปทำงานไซด์ไลน์ จะไปไหนก็เรื่องของมัน”

“คุณป้อมทำไมทำอารมณ์เสียอย่างนั้น? ผมไม่มีทางปล่อยให้ปริมไปทำเรื่องไม่ดีแน่” ว่าในทันที เลขานุการหนุ่มต้องพยายามสงบสติอารมณ์ลงเช่นกัน เพราะไม่คิดว่าบางคนจะพูดคำ ๆ นี้ออกมาได้

ถึงแบร์นาร์ดจะเป็นลูกน้องและอายุน้อยกว่าห้าปี ทุกวันนี้เขาไม่ได้ทำหน้าที่แค่ดูแลจัดการงานของบริษัท เรื่องไปรับส่งจัดการธุระปัญหาจุกจิกยิบย่อย เขาดูแลทั้งสองคนเป็นอย่างดีตั้งแต่สามีของนิตยาหย่าขาดกันไปด้วยเหตุผลส่วนตัวในเรื่องธุรกิจ

บริษัทปลากระป๋องตรา ‘คุณแม่มือหนึ่ง’ มีตัวเลขมูลค่าการส่งออกสินค้าไปทั่วโลกหลักหลายพันล้านบาท มีหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ยังมีโรงงานผลิตกระจายอยู่ทั่วประเทศ แม้แต่ในร้านสะดวกซื้อเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ปลากระป๋องรสชาติไทย ๆ ยี่ห้อนี้นับว่าขายดีมากที่สุด เลขานุการหนุ่มใหญ่ร่วมหัวจมท้ายกับนิตยามาตั้งแต่เป็นบริษัทเล็ก ๆ ในทีแรกจนตอนนี้อายุย่างเข้าสี่สิบเอ็ดปี

ที่ต้องมาขอร้องบอกเจ้าตัวในวันนี้ เพราะเขาคงต้องตามนัชชาไปเหมือนที่ผ่าน ๆ มา ได้แต่หวังว่าอีกคนจะไม่ส่งใครไปขวาง

“ตอนนี้ปริมอยู่กับคุณพุทรา ผมจะไปรับตอนเธอโทรมานะครับ”

ได้ยินเท่านั้น คุณแม่ที่ยังโกรธลูกสาวไม่เลิกจึงหันมารั้งเขาไว้ให้ต้องอยู่ในห้องนี้ก่อน

“ก็แน่ล่ะ... มันจะมีปัญญาไปไหนได้? แล้วไม่มีอะไรทำหรือไง? คุณควรจะไปทำงานของคุณมากกว่าไปสนใจนังตัวแสบนะ”

“เอกสารงานประชุมเรียบร้อยแล้วครับ โรงงานที่สมุทรปราการ คุณผู้จัดการส่งรายการอะไหล่เครื่องจักรทุกอย่าง แจ้งว่าไม่มีปัญหาอะไร”

“ไม่มีอะไรแล้วก็กลับบ้านไปสิ... จะไปรับมันทำไม?” ในคำถากถางเหมือนว่าจะไม่ยอมแน่ วงหน้าหล่อเหลาเหยียดริมฝีปากอย่างไม่สมอารมณ์

“ผมถือว่ามาบอกครั้งหนึ่งก่อนแล้วกันครับว่าผมจะไปรับลูกปริมกลับบ้าน” เขาหมายความแบบนั้น เพราะนัชชาก็คิดกับเขาแบบนั้น

เลขาฯ ฝรั่งเศสอย่างเขาที่พูดถึงสี่ภาษาจะไปทำงานสบาย ๆ กว่าอยู่กับแม่ม่ายสาวลูกติดก็ยังได้ แบร์นาร์ดกลับเสียสละเวลาส่วนตัวทุ่มเทไปกับผู้หญิงสองคนอย่างไม่รู้ว่าทุกวันนี้มีคำว่าตัวเองหลงเหลืออยู่บ้างหรือเปล่า เขาก็ต้องเข้าข้างเด็กน้อยที่อุ้มเลี้ยงมาเหมือนเป็นลูกสาวด้วยอีกคน

และกับผู้หญิงที่เขารัก... บางครั้งก็เป็นคนพูดไม่รู้เรื่อง

“ผมได้ยินว่าสองสาวเขาทำร้านขายเสื้อผ้าด้วยกัน จดทะเบียนเป็นนิติฯ บุคคล ร้านใหญ่ ดังในหมู่สาว ๆ ปริมมีเงินเก็บเยอะแยะเลยนะครับจากธุรกิจนี้ เธอไม่ได้แย่ขนาดนั้นไม่ต้องมาทำปลากระป๋องกับคุณแม่ ถ้าไม่ใช้เงินเปลืองมาก คงอยู่ได้สบาย ๆ”

นิตยาละความกร้าวโกรธลง หน้าเคร่งเครียดมองอีกคนว่าทำไมเขาถึงไม่บอกเรื่องนี้กับเธอ...

มันจะมีสักกี่เหตุผลกัน? คิดแล้วก็แสร้งถามกลับอย่างนิ่ง ๆ

“ก็เรียนการตลาดนี่นะ คุณมาบอกอะไรตอนนี้ล่ะ?”

“ที่ผมไม่พูด เพราะคุณไม่เคยฟังไงครับ” เขายิ้ม เป็นยิ้มเย็นยะเยือกที่สุดเท่าที่รู้จักกันมา แบร์นาร์ดไม่สามารถก้าวก่ายในบางเรื่องได้ แต่ถ้าหากว่ามีโอกาสที่จะพูดแล้วละก็ เขาต้องปกป้องนัชชา...

“ปริมกำลังเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตของเธอ ถ้าคุณไม่รีบเอาเธอมายุ่งกับบริษัท ผมเชื่อว่าเธออยู่ของเธอได้ เดี๋ยวนี้เธอไม่ได้ใช้เงินฟุ้งเฟ้อมาก ผลการเรียนก็ดี เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจขายเสื้อผ้ากับเพื่อน คุณพุทราซื้อคอนโดฯ เป็นชื่อของตัวเอง เป็นเด็กปีสี่กันเองนะครับ”

ทั่วทั้งวงหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความชื่นชมประหนึ่งว่าเป็นลูกสาวของตัวเอง ก่อนจะวกกลับเรื่องเดิม

“ผมไม่ไว้ใจนายนนท์... คุณป้อมจะยกลูกสาวให้เขาจริง ๆ?”

“ฉันไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น ไปไหนก็ไป อยากทำอะไรก็ทำ... ฉันไม่อยากเห็นหน้ามัน ถ้ามันไม่ยอมหมั้นกับนายนนท์ให้ฉัน”

ความดื้อรั้นของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวฉายชัดออกมาทางสีหน้าและแววตา มันอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งว่าทำไมสาวสวยรวยมากอย่างเธอไม่แต่งงานครั้งที่สอง ขณะที่เจ้าของร่างสูงก้าวเข้าไปใกล้ ๆ

“คุณจะเป็นแบบนี้ใช่ไหม? คุณป้อม”

“...”

“ผมขอลาพักร้อนสักพักแล้วกัน... ผมจะหาเลขาฯ เก่ง ๆ มาทำงานแทน รับรองว่าผมไม่เอาเด็กไม่เป็นงานมาให้กวนใจคุณ” ในน้ำเสียงเย็นชา ใบหน้าสดสวยของสาวใหญ่นิ่งเฉย หากแต่แฝงความน้อยเนื้อต่ำใจไว้ในดวงตาคู่สวยเอ่อคลอ

กระทั่งวินาทีที่เขาจ้องมองมาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ก่อนจะหมุนกายจากไป ทิ้งเธอไว้ในห้องลำพัง

เสียงประตูที่ปิดลงเบา ๆ พาเจ้าของร่างบางในห้องโล่งกว้างได้แต่ยืนกัดฟันแน่น ตัวสั่นเทาเพราะความโกรธ ข้าวของบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ทั้งปาก สมุด ที่วางทับกระดาษลอยไปกระแทกเข้ากับประตูตามแรงโทสะ

“ไอ้เลขาฯ บ้า! ไอ้ผู้ชายเฮ็งซวย เข้าข้างกันดีนัก อยากไปไหนก็ไป จะลาพักร้อนแม่งครึ่งปี ก็เรื่องของมึง!” เสียงตวาดกร้าวตามไล่หลังไป กว่าที่เธอจะสงบสติอารมณ์ได้ ต้องใช้เวลาพักใหญ่กับการนั่งนิ่ง ๆ บนโซฟา

นิตยาได้แต่หวังว่าตัวเธอคงไม่กลับไปเป็นแม่ค้าปากตลาดเหมือนในสมัยที่ยังเป็นขายปลาในตลาดสด เมื่อทุกวันนี้เธอผ่านจุด ๆ นั้นมานานมากเสียจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำแล้วว่าความจนคืออะไร

ถึงจะโกรธลูกสาวสักแค่ไหน เป็นไปไม่ได้เลยที่คนเป็นแม่จะไม่คิดว่านัชชากลายเป็นเด็กนิสัยเสียเพราะเติบโตมากับแม่ซึ่งเป็นคนโมโหร้าย ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้อย่างเธอ!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel