บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1 : ผู้ดีตีนแดง ตะแคงตีนเดิน (1-1)

หญิงสาวในชุดนักศึกษากระโปรงพีทจีบรอบความสั้นประเข่ายืนรอเพื่อนรักมาได้สักพัก

ใต้กันสาดหน้าบ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่าซึ่งมันไม่ได้ช่วยบดบังเม็ดฝนที่โหมกระหน่ำได้สักเท่าไร ผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตตามเทรนแฟชั่นลู่สนิทลงไปบนเรือนกายผุดผ่อง ขณะยกสองมือขึ้นกอดกุมเสื้อสีขาวที่เห็นขอบเส้นบราเซียอยู่บาง ๆ หวังให้มันได้คลายหนาวลงแต่ก็ไม่เลย...

บางทีความเหน็บหนาวอาจมาจากก้นบึ้งของหัวใจเธอที่ไม่ว่าทำอะไรก็ไม่ถูกใจแม่

แม่บอกว่าเธอเอาแต่ใจมากเกินไป ดื้อรั้น ปากร้าย ใช้เงินฟุ่มเฟือย ไม่รู้จักคำว่าอดทนอะไรในชีวิตสักอย่าง...

ใบหน้าสดสวยสลดเศร้ามองพื้นขรุขระ เม็ดฝนที่กระแทกลงอย่างหนัก เสียงลมคำรามกรรโชกพัดผ่านโสตประสาทอย่างน่ากลัว เหมือนว่าจะมีพายุลูกใหญ่ในค่ำคืนนี้ นัชชาได้แต่หวังว่าเจ้าของบ้านจะไม่ปล่อยให้เธอต้องยืนตากฝนนาน

ไม่นานนัก รถยนต์ยุโรปหรูสีดำสนิทจอดลงหน้าบ้านหลังใหญ่โต พร้อมกับการปรากฏตัวของเพื่อนรัก

ปรายลดาเปิดประตูรถยนต์ออกมาพร้อมร่มคันใหญ่หนึ่งคัน ปล่อยให้คนขับรถไปจอดรถเสียก่อน เข้ามาหาเธอในทันที

“ยัยปริม มายืนเป็นลูกหมาตกน้ำอะไรตรงนี้เนี่ย... ไม่ได้เอารถมาเหรอแก?”

นัชชาหลุบตาลงต่ำ เบะปากเป็นเด็กเล็ก ๆ “แม่ยึดรถ... บัตรเครดิต ยึดทุกอย่างเลย ฉันนั่งแท็กซี่มาหาแก มีตังติดตัวไม่กี่บาทเนี่ย”

“อ้าว... ทำไมเป็นงั้นอ่ะ?” คนถามมีสีหน้าแปลกใจแต่ดูแล้วว่าไม่น่าจะใช่เวลาคุย ตบบ่าเพื่อนเบา ๆ “ไป เข้าบ้านก่อน กินข้าวมาหรือยัง? แกน่ะ”

“ยัง... ไม่มีข้าวสักเม็ดตกถึงท้องฉันเลย ไส้จะขาด แม่ใจร้ายมาก” คนตอบยกมือขึ้นกุมท้อง เดินตัวงอตามเพื่อนที่กอดกุมไหล่ของเธอเอาไว้ในร่มคันเดียวกัน

นักศึกษาสาวทั้งสองคนรีบวิ่งฝ่าฝนใต้ร่มสีดำคันโต ผ่านสวนสงบร่มรื่นรายล้อมรอบตัวบ้านโทนสีเทาอบอุ่น ไปถึงประตูกระจกบานเลื่อน ก่อนที่ปรายลดาจะหุบร่มลงเก็บ ความเป็นห่วงปรากฎผ่านสีหน้าและแววตาชัดเจน

“แล้วพี่ธามอ่ะ... ไม่มาส่งแกเหรอ?”

นัชชาถอนหายใจหนัก ตอบเสียงอ่อน “ไม่อ่ะ... ทะเลาะกัน”

และเธอคงไม่อยากเล่าวีรกรรมที่สร้างไว้ทั้งกับแม่บังเกิดเกล้าและกับแฟนหนุ่ม ปรายลดาหยิบกุญแจขึ้นไขประตู เพื่อนสาวก็ขมวดคิ้วมุ่นมองรถยนต์ติดฟิล์มมืดดำถอยหลังเข้าลานจอดรถกว้างขวางที่สามารถจอดรถได้ถึงสี่คัน สมเป็นการออกแบบของสถาปนิกหนุ่มเจ้าของบ้านหลังนี้

“ไหนแกบอกฉันว่าพ่อเลี้ยงไปฟิลิปปินส์ ใครขับรถอ่ะนั่น?”

“คุณอลัน...”

ได้ยินเท่านั้น สีหน้าตื่นตระหนกของนัชชาหยุดดวงตาคมปราบของร่างสูงในเชิ้ตสีดำสนิท หลังจากที่เขาลงจากรถยนต์ และเมื่อเขามาหยุดยืนข้าง ๆ เธอในสภาพเปียกปอนฝน ก็หลุบหน้าหลบตาหนี ยกมือไหว้ปลก ๆ

“สวัสดีค่ะ...”

“สวัสดีครับ” ตอบรับคำทักทาย ชายหนุ่มยังรับไหว้ในแบบไทย ๆ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย เดินตามสองหญิงสาวเข้าบ้านไป

ใคร ๆ ต่างก็ว่านัชชาเป็นลูกผู้ดีตีนแดงที่มีนิสัยก้าวร้าว เอาแต่ใจตัวเอง รวมไปถึงอลันซึ่งไม่เคยชอบขี้หน้าเธอเลย

เหตุการณ์ทั้งหมดมันเริ่มต้นเมื่อนานมาแล้ว เมื่อเด็กสาววัยสิบเอ็ดขวบ แต่งตัวแก่แดดเกินวัย ทาปากแดงเป็นผู้ใหญ่ เปรยคำหนึ่งขึ้นมาลอย ๆ ว่า ‘เด็กเส้น’ ตั้งแต่วันแรกที่เขาเริ่มทำงานให้ปรเมษฐ์

มันเป็นเรื่องจริงด้วยว่าหนุ่มวัยยี่สิบปีกำลังฝึกงานไป เรียนไป ทางด้านสายงานบริหารฯ ใบปริญญาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในรัฐแคลิฟอร์เนียร์ คงยุ่งรัดตัวและไม่มีประสบการณ์มากพอ ไม่อาจเป็นเลขาฯ ให้เจ้าของรีสอร์ตระดับห้าดาว สถาปนิกหนุ่มคนดังได้ หากไม่ใช่เพราะบารมีของคุณปู่ฝากฝังให้ช่วยงานคนรู้จักกัน

เด็กน้อยที่มีกริยามารยาทดี มีกาลเทศะรู้ว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด

“โตขึ้นเยอะนะเรา มาหาพุทรา มีแผนจะพากันไปไหนล่ะ?” เสียงเข้มทัก อลันทำตัวเหมือนเป็นบ้านตัวเอง เพราะมาบ้านเจ้านายอยู่บ่อย ๆ ปรายลดาเอาผ้าเช็ดตัว ผ้านวมมาให้เพื่อนคลายหนาว

ร่างสั่นเทาจึงรับผ้าขนหนูสีชมพูผืนโตมาเช็ดผมเป็นอย่างแรก โดยไม่ได้สนใจคำถามของเขาเลยสักนิด นัชชาเพิ่งตั้งสติได้ว่าไม่ใช่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่จะต้องหวาดกลัวฝรั่งยักษ์อีกต่อไป

ชายหนุ่มหย่อนก้นนั่งลงข้าง ๆ กัน นัยน์ตาสีฟ้าครามเข้มลอบมองใบหน้างามหมดจดดูไม่อยู่ในอารมณ์สดชื่นแจ่มใส

“พูดไม่ได้ยินเหรอ?”

ในน้ำเสียงเหมือนจะเอาเรื่องเอาราว มือเล็กหยุดขยี้ผมเปียกหมาด ตวัดหางตามองอย่างไม่พอใจ “ยังไม่ไปอีก? ผู้หญิงเขาจะอยู่กัน”

“ผมจะนอนนี่... เผื่อมีคนชักชวนพุทราไปทำเรื่องไม่ดี”

“ประสาทป่ะ ฝนตกขนาดนี้จะไปไหน? อยู่บ้านนอนสิ ทีวีมี เน็ตมี ไม่ได้เป็นเด็กห้าขวบ ไปปีนต้นไม้เล่น”

ปรายลดาหัวเราะพอนึกถึงเรื่องเมื่อนานมาแล้วในสมัยที่นัชชาอยากสอยมะม่วงข้างบ้านมาให้เธอกับพ่อเลี้ยงรับประทาน

“ระวังเหอะ คุณอลันจะจับแกตีก้น”

“ผมคงไม่กล้า เดี๋ยวจะมีคนร้องไห้ไปฟ้องแม่ ให้มาเอาเรื่องผมอีก”

อีกคนก็จำได้ว่าเขาเคยสาดอารมณ์เกรี้ยวกราดใส่เด็กตัวเล็ก ๆ ยิ่งเสียกว่าเธอเผาบ้านทั้งหลัง เรียวปากบางที่เม้มเข้าหากันแน่นเพราะความโกรธ ทว่าไม่ทันจะได้เถียง สายโทรศัพท์จากแม่ทำให้นัชชาต้องสะบัดหน้างอนขึ้นห้องไปคุยธุระส่วนตัวลำพัง

แผ่นหลังบางลับตาไปพร้อมความสงสัยของเขาที่แค่มองตาม แต่ก็ไม่ได้ถามเรื่องอะไรเกี่ยวกับเธอเลย เป็นปรายลดาที่ถาม

“คุณอลันหิวไหมคะ.. ให้พุดโทรสั่งอะไรให้ทานไหม?”

“ไม่เป็นไร ผมอยากได้อะไร เดี๋ยวไปซื้อเอง พุดอยู่กับเพื่อนตามสบายเลยครับ” เขาตอบเท่านั้น เพราะรู้ว่าหมอนผ้าห่มสำหรับแขกอย่างเขาเก็บไว้ตรงไหน คงไม่ต้องให้หญิงสาวมาเป็นธุระ ทันใดนั้นเอง

“พุด...”

เสียงเล็กเรียกแผ่วเบา ทั้งสองคนหยุดสนทนากัน มองขวับตามเจ้าของร่างบางที่ยืนหลบอยู่ตรงหัวบันได

ใต้แสงสีนวลสลัวของโคมไฟระย้า ดวงหน้าแดงก่ำเปรอะเปื้อนหยดน้ำตาบอกว่านัชชาคงทะเลาะกับแม่ ในสภาพเปียกชุ่มมีผ้าขนหนูพาดไว้บนไหล่ทำให้เจ้าตัวยิ่งดูน่าสงสารเข้าไปใหญ่ ปรายลดาก้าวไว ๆ ไปกอดประคองเพื่อน เพื่อพาขึ้นห้องนอนไปด้วยกัน

อลันมองตามหญิงสาวทั้งสองคนอย่างนึกห่วง ก่อนจะล้มตัวลงนอนไปด้วยความเหนื่อยล้า ไม่รู้ตัวว่าหลับไปตอนไหนทั้งที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำ กินข้าวหรือทำอะไรสักอย่าง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel