2
“ผมแค่อยากให้นายรักษาสุขภาพ ผมเห็นนายเมาแปลว่าคาเฟอีนมันก็คงจะมีผล”
“มี... แต่ฉันไม่เป็นไร ร่างกายฉันซ่อมแซมตัวเองได้ดี” พูดแล้วเขาก็หัวเราะ หันกลับมาทางลูกน้องที่มีสีหน้างุนงง “แกเคยได้ยินเรื่องพิษแมงมุมรักษาภาวะสมองขาดเลือดได้หรือเปล่า?”
“ไม่นะนาย ถ้าโดนแมงมุมกัดแล้วไม่กลายเป็นสไปเดอร์แมน ผมไม่เคยได้ยินแน่ ระดับสติปัญญาผมไปไม่ถึง”
“เอาไว้จะเล่าให้ฟังนะ”
“ได้เลยครับคุณพันวา เอาเป็นว่าผมจะรอ...”
ต่อให้ปากบอกว่ารอ พันวารู้ดีว่าลูกน้องชอบถ่อมตน ยังไม่อยากให้เรื่องมันยืดเยื้อ พอเห็นว่าเขามองสาวไปกินกาแฟไป ยังลอบกลืนน้ำลายลงคออยู่เรื่อย แล้วจะมีทางเลือกอะไรมาก
“นายจะเซ็นสัญญากับเธอไหมล่ะครับ?”
เจ้านายเงียบไปครู่ เลิกคิ้วถาม “แกรู้เรื่องสัญญาได้ยังไง?”
ใต้เคราเขียวครึ้มของชายร่างสูงใหญ่กำยำปรากฏรอยยิ้มมีเลศนัย ประกาศเต็มที่ว่ารู้...
“มาดามบอกผมทุกเรื่องครับ แล้วผมไม่เคยเห็นนายถูกใจใคร จะเข้าไปจีบเธอ ที่นี่ก็เป็นที่ทำงาน ผมว่านาย... ให้ผมเตรียมเอกสารดีกว่า เซ็นไปเถอะครับจะได้ไม่เสียเวลาทั้งสองฝ่าย ที่เหลือให้เป็นหน้าที่เจ้าพวกนั้น...”
‘พวกนั้น’ ที่ว่า ความลับของตระกูลยาซาคอฟมีไม่กี่คนที่รู้ สองหนุ่มต่างวัยจ้องหน้ากันไม่นาน ด้วยความเป็นคนสนิทสนมรู้ใจ ในที่สุดคนหนึ่งก็ยอมตอบ
“เตรียมเลยเถอะ เธอดูน่าอร่อย... ฉันรู้สึกหิว... ไม่ไหวแล้วล่ะ ยังไงแกไปจัดการ” ไม่เอ่ยเปล่า ร่างสูงพิงแผ่นหลังลงบนโซฟา นัยน์ตาสีอำพันแปรเปลี่ยนเป็นน่ากลัวราวดวงตาของปีศาจ ลูกน้องหนุ่มก็ไม่รอช้า รีบหยิบกระดาษออกมาจากกระเป๋าหนังสีดำ เปิดมันดูให้เรียบร้อยก่อนส่งให้นาย ที่ยกมันขึ้นกวาดสายตาตรวจทานอีกครั้งว่าทุกอย่างไม่มีข้อผิดพลาด
เป้าหมายเป็นผู้ถูกเลือก...
เหยื่อรายต่อไป!
--------------------------------------
หญิงสาวหน้าตางุนงงกับเอกสารที่มีรายละเอียดทั่วไปเกี่ยวกับการทำงาน เธอคิดว่ามันมาจากฝ่ายบุคคล หากไม่ติดว่ามันลงท้ายด้วยคำแปลก ๆ ด้านล่างของกระดาษมีรูปวาดเป็นตุ๊กตาหุ่นฟางบริเวณศีรษะเป็นหัวกะโหลกอมนุษย์หรือตัวอะไรสักอย่าง ถูกเจาะด้วยเข็มหมุด น่ากลัวประหลาด
‘แด่ชีวิตและขุมสมบัติ’
‘โชคชะตาแลกด้วยเลือดหนึ่งหยด’
‘จิตวิญญาณที่สูญสิ้น’
‘ความปรารถนาและอำนาจของปีศาจ’
นี่มันอะไร! หญิงสาวนิ่งอึ้งตะลึงงัน ยามสบนัยน์ตาคมเข้มสีอำพันสวยราวลูกแก้ว ใต้คิ้วเข้มหนาที่เรียงตัวกันเป็นเส้นเฉียง ทรงผมเรียบเสยเปิดหน้าผากรับใบหน้าคมคาย สมเป็นเจ้าของร้านตัดผ้าชื่อดังแนวหน้าของเมืองไทย
‘พันวา ยาซาคอฟ’ ใครกันจะไม่รู้จักเขา! แม้แต่พนักงานใหม่อย่างเธอเองยังรู้ตัวว่าถูกลอบมองด้วยแววตาน่าขนลุกมาร่วมอาทิตย์ หลังเพื่อนร่วมงานกระซิบบอก แต่ยังต้องตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ทำยอดขายให้ได้ตามเป้า
“คุณดุลยาหัวหน้าฝ่ายบุคคลฝากไว้ให้ครับ ผมไม่แน่ใจว่าเขาเดินไปไหน” เงียบไป จากนั้นมุมปากหนาก็ยกยิ้มอย่างมีลับลมคมใน
“อ่านก่อนเซ็นนะครับ คุณดาว...”
“ด้วยความหวังดี”
คำเตือนถึงสองครั้งสองครา ราวกับว่าเขาเพิ่งพูดมันเมื่อสักครู่ เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เพิ่งลอยหายไปหมาด ๆ หากไม่เป็นเพราะเสียงจากหม้อน้ำเดือดปุด เนื้อไก่ล้นทะลักออกมาพร้อมกลิ่นหอมของเครื่องเทศ สาวร่างอวบยกหม้อข้าวหม้อใหญ่มาจากข้างหลัง เรียกสติให้กลับมาสนใจงานตรงหน้าอีกครั้ง
“ดาว... ลูก เหม่ออะไร ไก่เละหมดแล้ว”
“โทษทีจ้ะแม่ หนูลืม เอ่อ... คิดอะไรเพลิน ๆ ต้มเพลินไปหน่อย” เธอรีบหรี่ไฟปิด ก่อนที่ไก่ทั้งหม้อจะรับประทานไม่ได้หากว่าต้มมันจนเละ แม่จะต้องต่อว่าเธอแน่ ๆ ปกติเธอก็ไม่ใช่คนชอบเหม่อลอย แล้วต่อให้เธอจะเหม่อก็ไม่น่านึกถึงเรื่องของเจ้านายหนุ่ม ที่ไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอเลย หญิงสาวส่ายหน้าไปมา บังคับตัวเองให้เลิกฟุ้งซ่าน ขยับผ้ากันเปื้อนลายดอกไม้ให้เข้าที่ ค่อยหันไปจัดการเขียง มีดปังตอ เพื่อเปิดร้านอาหารให้ทันในเวลาแปดโมง ทว่าทันใดนั้นเอง เจ้าสัตว์ร้ายที่มีขาแหลมเล็กราวเข็มก็ย่างกรายออกมายืนหราข้างมือ แทนที่เธอจะสับมันให้เละกลับส่งเสียงหวีดร้อง
“กรี๊ดดดด!”
ร่างบางในเดรสสูทกระโดดไปจากหน้าเขียงอย่างรวดเร็ว ยิ่งเสียกว่านักกีฬาวิ่งผลัดทีมชาติ มีดในมือปลิวหล่นลงบนโต๊ะเหล็ก คุณแม่และพี่ชายน้องชายผลัดกันอุทานเสียงหลง ลุกจากเก้าอี้ไปคนละทิศละทางในพื้นที่ของทาวน์โฮมหนึ่งคูหา ไม่ได้มีบริเวณกว้างขวางมากมาย คนหนึ่งอยู่มุมร้าน คุณแม่วิ่งไปด้านหน้าใกล้ริมทางเท้าคนเดิน ส่วนคนต้นเหตุไปหลบอยู่หลังเก้าอี้เหล็ก
“อะไรของแกเนี่ย! ยัยดาว มีดจะหล่นใส่หัวอยู่แล้ว แกจะฆ่าแม่รึไง” แม่ตะโกนว่า สองมือเท้าเอวอวบ ท่าทางเอาเรื่องเอาราว
“ขอโทษนะแม่ หนูไม่ได้ตั้งใจ หนูเห็นแมงมุมขาแหลม ๆ โคตรน่ากลัว วันนี้หนูเจอแมงมุมสามตัวแล้ว!”
“ไหนวะ... ไม่เห็นจะมีอะไรสักตัว แม่เห็นแต่จิ้งจก”
ต่างคนหมุนคอมองไปรอบ ๆ ร้านแต่ก็ไม่เห็นแมงมุมสักตัว คุณแม่กลัวไม่ทันงานจึงเดินไปตักไก่ในหม้อใส่ถาดกลมใบใหญ่ด้วยตัวเอง ปากบ่น “จะไปทำงานก็ไปเถอะ ไม่ต้องมากุเรื่อง ไก่ฉันไม่เสร็จเสียที เดี๋ยวลูกค้ามาเต็มร้าน ขายข้าวมันไก่ไม่ทันอีก”
“หนูเคยกุเรื่องที่ไหนเล่าแม่! หนูเห็นแมงมุมจริง ๆ นะ”
“แต่ผมไม่เห็นครับ พี่ติ๊กเห็นไหม?”
ลูกชายคนเล็กขยับแว่นหน้าเตอะถามพี่ชายคนโต ส่ายหน้าไปมาบอก
“ไม่เห็นนะ”
ใบหน้านวลขาวซีดด้วยท่าทางตื่นตระหนก เธอแน่ใจว่าเห็นแมงมุมตัวดำเมี่ยม ขาของมันแหลมน่ากลัวมาก แต่กลับไม่มีใครเห็นอะไรเลย คุณแม่ยังเริ่มหงุดหงิด
“เอ้อ! ไม่มีใครเขาเห็นแมงมุมสักตัว แม่ว่าสายตาแกมันคงจะมีปัญหาแล้วล่ะ ไปไหนก็ไปปะ แม่ล่ะเบื่อ” บ่นแล้วก็หันไปทางสองหนุ่ม คนหนึ่งก้มหน้ากดจอสี่เหลี่ยม บนเก้าอี้กลมมนสะอาดเอี่ยม ส่วนอีกคนในมือหนามีหนังสือเล่มโต เขาตั้งใจอ่านมันไปพลาง ๆ ระหว่างรอข้าวเช้าฝีมือแม่
“ไอ้นี่ก็เล่นแต่เกม ไอ้นั่นก็อ่านแต่หนังสือ ดีค่ะ... อีกหน่อยแม่ไม่ต้องแหกขี้ตาตื่นแต่เช้ามาเปิดร้านแล้วสินะ ให้เกมเมอร์ระดับโลกกับหมอเต้เลี้ยงแม่เนอะ”
