ตอนที่ 2 สัญญาระหว่างเรา
“คุณพูดเรื่องอะไร นี่คุณกำลังชวนผมทำเรื่องที่ผิดจรรยาบรรณของแพทย์เหรอ”
“ฉัน…”
เฟรย์รู้สึกอายขึ้นมาในทันทีเมื่อถูกคุณหมอถามแบบนี้ ถึงจะยอมรับแต่ว่าตอนนี้เธอเองก็เหมือนจะหมดหนทางแล้วจริง ๆ สวนผลไม้ที่แม่ทำมาหลายปี ต่อให้ขายผลไม้ทั้งหมดนั่นก็อาจจะพอแค่ค่าห้อง แต่หลังจากนั้นหากขายทั้งสวนหรือเอาที่ดินไปจำนองก็อาจจะไม่พอด้วยซ้ำ
“คุณณิชมน ผมอยากให้คุณลองคิดให้ดี ๆ ก่อนที่จะพูดอะไรออกมา”
“หากว่าฉันมีทางอื่นก็คงไม่กล้าเสนอเรื่องน่าอายแบบนี้ แต่ถ้าคุณหมอช่วยไม่ได้ก็ไม่เป็นไรค่ะ ฉันผิดเองที่เสนอเรื่องน่าอายนี้ออกไป ขอตัวก่อน”
“ผมก็ยังไม่ได้บอกว่ามันน่าอายหรือไม่ตอบรับนะ เรื่องนี้ผมว่าเราน่าจะพอคุยกันได้ นั่งลงก่อนสิ”
เฟรย์หันมาและค่อนข้างตกใจที่คุณหมอหน้านิ่งคนนี้พูดออกมาแบบนี้ เขายังคงมองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ แต่เธอกลับรู้สึกคุ้นเคยเหมือนเคยเห็นหน้าเขาที่ไหน แต่ก็คิดไม่ออก
“ลองบอกข้อเสนอของคุณมาก่อนสิ เผื่อว่าผมอาจจะสนใจแล้วช่วยคุณได้”
“ฉันทำงานให้คุณได้ ตอนนี้ฉันทำงานบริษัทส่งออกอยู่ แต่หลังเลิกงานก็สามารถทำงานพิเศษต่อได้ ถ้าคุณหมออยากให้ฉันทำอะไรก็…”
“ทุกอย่างเลยเหรอ”
“ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นงานแม่บ้าน เก็บกวาดทำความสะอาด ทำอาหารขับรถหรือดูแลเด็ก ฉันทำได้ทั้งหมดค่ะ ฉันเคยเป็นครูสอนพิเศษเด็ก ๆ ด้วย ถ้าคุณหมอมี…”
“ผมยังไม่ได้แต่งงาน ไม่มีแฟนและยังไม่มีลูก อีกอย่างหลานผมก็โตหมดแล้วหรือไม่ก็… ตายไปแล้ว”
เฟรย์ค่อนข้างตกใจที่เขาพูดแบบนี้ออกมา เธอยังไม่ได้ถามอะไรเขาสักหน่อย แต่คุณหมอคนนี้เอาแต่มองด้วยสายตาแปลก ๆ มาตั้งแต่เธอเดินเข้ามา เหมือนเขาจะไม่เต็มใจช่วย แต่อีกครั้งก็เหมือนจงใจให้เธอเดินตกหลุมดำนี้เข้ามาเอง
“ถ้าอย่างนั้น ฉัน…”
“เธอทำอย่างอื่นได้ไหม”
“คุณหมอหมายความว่ายังไงคะ”
“ก็เข้าใจง่าย ๆ แค่นอนกับผม แลกกับค่ารักษาทั้งหมดของคุณแม่ของคุณ สัญญานี้สิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อผมรักษาคุณแม่ของคุณจนหาย ไม่ต้องเสียค่ารักษาเลยแม้แต่บาทเดียว”
“คุณ! ก่อนหน้านี้ยังบอกว่ามันผิดจรรยาบรรณของแพทย์ แต่ตอนนี้…”
“คุณก็พูดเองไม่ใช่เหรอว่ายินดี เรื่องนี้มันเป็นข้อตกลงระหว่างเราสองคน ไม่เกี่ยวอะไรกับหมอและคนไข้นี่ คุณว่าจริงไหมณิชมน”
เฟรย์รู้สึกชาไปทั้งหน้าเมื่อถูกเขามองอย่างนึกดูถูก เธอไม่ได้เข้าใจผิดแต่ดูเหมือนว่าหมอคนนี้จะรู้จักเธอ แต่ก็คิดไม่ออกเลยว่าเคยเจอเขาที่ไหน
“คุณหมอ เราเคยรู้จักกันเหรอคะ”
“แน่นอนว่าไม่”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงกล้ายื่นเงื่อนไขนี้ให้ฉันละคะ”
“คุณเป็นผู้หญิง ส่วนผมเป็นผู้ชาย เรื่องมันก็เข้าใจง่ายมากเลยไม่ใช่เหรอ อีกอย่างเรื่องเซ็กซ์นี่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ มนุษย์ที่ไหนก็มีเซ็กซ์กันทั้งนั้น คุณคิดว่าผมเป็นหมอแล้วจะมีชีวิตส่วนตัวไม่ได้เหรอ”
“ฉัน…”
“เอาเถอะผมเข้าใจว่าคุณคงอยากมีเวลาคิด เอาเป็นว่าผมไม่รีบ”
เขาหยิบกระดาษใบเล็กที่มีชื่อของเขามาให้เธออย่างไม่ใส่ใจนัก
“นามบัตรของผม ถ้าคิดได้แล้วก็โทรมาก็แล้วกัน อ้อจริงสิคุณคงต้องรีบตัดสินใจแล้วเพราะแม่ของคุณมีเวลาเหลือน้อยมาก คุณเป็นญาติผู้ป่วยควรรีบตัดสินใจ”
“อติวิชญ์ สหัสวัตโยธิน…”
“มีอะไรเหรอ หรือว่านึกอะไรขึ้นมาได้”
“เปล่าค่ะ ฉันขอตัวก่อน”
“เชิญครับ”
เฟรย์รีบเดินออกมาจากห้องของเขาในทันที หน้าเธอยังชาลงไปถึงขาที่แทบจะเดินออกมาไม่ไหว แค่ลุกขึ้นก็เหมือนจะวิงเวียนศีรษะและล้มทั้งยืน ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะต้องมาคุยเรื่องนี้กับคุณหมอเจ้าของไข้ ประตูปิดลงแล้วหมอมาร์คถึงถอดแว่นออกและโยนอย่างไม่ใส่ใจลงบนโต๊ะ เขามองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง
“ต้นกล้า… ครั้งนี้ฉันจะเป็นคนแก้แค้นให้นายเอง”
วันถัดมา / ห้องไอซียู
เฟรย์นอนไม่หลับทั้งคืนเพราะคำพูดของคุณหมออติวิชญ์ แม้ว่าเธอจะเป็นคนที่ยื่นเงื่อนไขก่อน แต่เขากลับทำเหมือนจะรู้ว่าเธอต้องยื่นข้อเสนอแบบนี้ให้เขา
“แม่คะ เฟรย์จะทำเพื่อแม่ค่ะ”
เธอตัดสินใจและกำเอกสารในมือแน่น เมื่อล้วงไปหานามบัตรที่เขาให้ไว้เมื่อวานนี้เธอจึงตัดสินใจจะโทรไปทันที
“ครับ”
“คุณหมอคะ ฉัน... ณิชมนเองนะคะ”
“ครับ”
“ฉันตกลงค่ะ”
“มาที่ห้องของผม บ่ายสอง”
“ค่ะ”
ห้องพักแพทย์
เฟรย์เดินเข้ามาตามที่นัดเอาไว้ตามเวลา เมื่อเดินเข้าไปนั่งรอแต่คุณหมอยังไม่มา เธอรออยู่ไม่ถึงสิบนาทีเขาก็เดินเข้ามาในห้อง วันนี้คุณหมอไม่ได้สวมแว่นตา แต่เขาดูยุ่ง ๆ เพราะเหมือนจะพึ่งกลับมาจากห้องตรวจ
“คุณมาแล้วเหรอ จะดื่มอะไรหน่อยไหม”
“ไม่ต้องค่ะ ฉันแค่มาคุยธุระให้เสร็จ”
“อ้อ รอเดี๋ยวนะขอเปลี่ยนชุดก่อน”
เขาเดินเข้าไปข้างในและรีบถอดชุดออก ใจของเฟรย์เริ่มเต้นแรงและไม่อยากคิดถึงคำว่า “เปลี่ยนชุด” ของเขาทำให้เธอแอบกลืนน้ำลาย
‘อย่าสิเฟรย์ แกจะหวั่นไหวกับเจ้าหนี้ไม่ได้นะ ถึงเขาจะหล่อแต่เขาเป็นนายตัวร้ายจำเอาไว้’
“นี่คุณ!"
“คะ?”
เฟรย์ตกใจเพราะไม่คิดว่าเขาจะเปลี่ยนชุดเร็วขนาดนี้ เมื่อหันกลับมามอง ก็เห็นว่าคุณหมอสวมเสื้อเชิ้ตลำลองออกมาและถอดเสื้อกาวน์ออกไปเท่านั้น
“ผมเรียกคุณอยู่นะ ตกลงว่าจะคุยไหม”
“คุยค่ะ”
“ดี งั้นก็ไปกันเลย”
“ไป? ไปไหนคะ”
“ก็คุณตกลงแล้วไม่ใช่เหรอ ผมก็จะพาคุณไปที่บ้านผมไงละ”
“บ้าน! คือว่า… ค่ะ”
เฟรย์ไม่คิดว่าเธอจะต้องเริ่มงานเลย นึกว่าวันนี้จะแค่คุยเฉย ๆ แต่เมื่อคุณหมอเดินออกมาจากโต๊ะก็เคาะให้เธอลุกขึ้น เขาเป็นคนพูดน้อยและหน้าตาไม่ค่อยเป็นมิตร ออกจะดุด้วยซ้ำไปหากตามสายตาที่เฟรย์มอง
“หยิบกระเป๋ามาด้วย เรื่องคุณแม่ไม่ต้องห่วงเพราะผู้ป่วยอยู่ในห้องไอซียูห้ามเยี่ยมอยู่แล้ว แค่ตามผมมาก็พอ”
“ค่ะ”
เฟรย์คว้ากระเป๋าและเดินตามเขาออกไปจากห้องทันที คนทั่วไปมองทั้งคู่และไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร เพราะโดยปกติคุณหมอมาร์คก็มีคุยกับญาติผู้ป่วยอยู่ตลอดเป็นเรื่องปกติ
“คุณพักที่ไหน”
“ฉันเช่าคอนโดอยู่ใกล้ ๆ ที่ทำงานค่ะ แถวสาทร”
“อืม บอกทางมาก็แล้วกันผมไม่ค่อยชอบไปแถวนั้น รถมันติด”
“ปกติฉันใช้รถไฟฟ้าค่ะ”
“แล้วมันช่วยคุณขนของได้เหรอ”
“คะ?”
ยิ่งเขาพูดเธอก็ยิ่งไม่เข้าใจ แต่สายตาที่เขาหันมามองกลับทำให้เธอไม่กล้าถาม
“ช่างเถอะวันนี้ยังไม่ต้อง ไปที่บ้านผมก่อนค่อยว่ากัน”
เฟรย์ไม่กล้าถามและเดินตามเขาออกจากลิฟต์ เมื่อเดินมาที่รถ เขาก็กดเปิดล็อกและหันไปบอกเธออีกครั้ง
“ขึ้นรถสิ”
“ค่ะ”
เฟรย์นั่งนิ่งมาตลอดทาง เมื่อเขาพาเธอขับรถหรูออกจากโรงพยาบาล ไม่นานก็เลี้ยวเข้ามาในหมู่บ้านใจกลางเมืองซึ่งหรูหราและราคาแพง คนภายนอกไม่สามารถเข้ามาได้หากไม่มีการ์ดของหมู่บ้าน
“มองอะไร เริ่มกลัวแล้วเหรอ คิดจะเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วนะ”
“เปล่านะคะ ฉันก็แค่…”
เขาไม่ได้ฟังเธอพูด และขับรถเข้ามาที่บ้านเดี๋ยวขนาดกลางซึ่งเป็นหลังที่อยู่ซอยด้านในสุด อีกทั้งละแวกนี้มีบ้านไม่ถึงห้าหลัง ซึ่งดูแล้วราคาคงสูงเกินกว่าสิบล้าน รีโมทสั่งการให้ประตูบ้านเปิดออก รถหรูขับเข้าไปข้างในทันที เมื่อรถจอดสนิทเขาก็เดินลงจากรถ เธอจึงรีบเปิดประตูตามเขาออกมา
“คุณหมอคะ! คุณพาฉันมาที่นี่ทำไมคะ”
“เข้าไปเธอก็รู้เอง ไม่ต้องมองหาทางหนีหรอก ที่นี่ถ้าไม่มีการ์ดเธอก็เข้าออกตามใจไม่ได้ อย่าแม้แต่จะคิดดีกว่า”