ชีวิตต่อจากนี้
ตอนที่ 6
ชีวิตต่อจากนี้
“ลมอะไรหอบมา ถึงได้นัดออกมากินข้าวแบบนี้ปกติเห็นงานยุ่งตลอดเพื่อนๆนัดเจอกันก็ไม่เคยออกมาได้”
เอกภพพูดแซวเพื่อนเพราะทุกครั้งที่กลุ่มเขานัดรวมตัวกันตุลธรมักจะมาไม่ได้เพราะต้องคอยทำธุระให้กับครอบครัวโดยเฉพาะน้องสาว
“วันนี้พอว่างแล้วก็ผ่านมาแถวนี้ก็เลยคิดถึงอยากกินข้าวด้วยกันสักมื้อแต่พูดซะวันหลังฉันไม่กล้าแวะมาหาแกอีกเลย”
ชายหนุ่มแกล้งทำท่าน้อยใจเพราะกลัวอีกฝ่ายจะจับได้ว่าเขามีเหตุผลอะไรในการชวนเพื่อออกมากินข้าวครั้งนี้
“ช่วงนี้บริษัทเป็นยังไงบ้าง”
ตุลธรเริ่มชวนเพื่อนคุยเข้าเรื่องงานเพราะถ้าเขาไม่เป็นคนเริ่ม เอกภพก็คงจะเอาแต่พูดเรื่องอื่น
“ก็ไม่มีอะไรไปได้เรื่อยๆ ลูกค้าก็สั่งสินค้าอย่างต่อเนื่องบางครั้งฉันก็คิดจะขยายกิจการแต่บางครั้งก็คิดว่าแค่นี้ก็คงเพียงพอแล้วไม่อยากทำอะไรเกินตัวอยากมีเวลาพักผ่อนบ้าง”
เอกภพยังคงสาธยายถึงบริษัทเขาโดยไม่ยอมพูดถึงพนักงานคนใหม่ที่เป็นเพื่อนของน้องสาวตุลธรซึ่งตอนแรกตุลธรคิดว่าอีกฝ่ายคงจะพูดถึงขึ้นมาเองถ้าเขาลองได้เข้าเรื่องของบริษัทแล้ว
“เห็นฤทัยบอกว่าเพื่อนของเธอไปทำงานอยู่กับนายใช่ไหม”
ตุลธรแอบถอนหายใจเมื่อเขาได้พูดประโยคที่เขาต้องการคำตอบออกไปโดยที่ไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกสงสัย
“อ๋อ ขวัญรดา เธอเพิ่งเข้ามาทำงานได้ยังไม่ถึงเดือนเลยว่าแต่พอพูดเรื่องของคนนี้ขึ้นมาฉันก็อยากจะชวนแกเม้าหน่อย”
คนพูดทำเสียงเบาลงเพราะรู้ว่าสิ่งที่เขากำลังจะพูดเป็นการพาดพิงถึงบุคคลที่สามและถ้ามีคนอื่นมาได้ยินมันคงจะดูไม่ดีแน่
“มีอะไรหรือรีบๆเล่ามาสิ”
คนฟังแสดงท่าทางใจร้อน ลืมไปเลยว่าเขาไม่ควรจะแสดงออกว่าให้ความสนใจกับเรื่องของเพื่อนน้องสาวถึงขนาดนั้น
“ใจเย็น...นี่เพื่อนฉันกลายเป็นคนชอบเรื่องเม้าท์มอยตั้งแต่เมื่อไหร่”
เอกภพหัวเราะอยู่ในลำคอด้วยความขำเพื่อนที่ปกติก็เป็นคนที่ไม่ค่อยชอบจะพูดเท่าไหร่แต่วันนี้กลับให้ความสนใจกับเรื่องที่เขากำลังจะพูดถึงพนักงาน
“ฉันสังเกตว่าช่วงนี้ขวัญรดามีอาการแปลกๆเคยได้ยินว่าอาเจียนอยู่ในห้องน้ำตอนแรกก็ยังไม่คิดอะไรพอวันนั้นฉันเอาเอกสารไปให้เขาทำที่โต๊ะก็เห็นกำลังนั่งกินของเปรี้ยวๆอยู่แต่จากการสอบถามจากพนักงานคนอื่นและใบสมัครที่เธอเขียนกรอกไว้สถานภาพก็ยังโสดก็เลยไม่กล้าถามว่าเป็นอะไร”
คนเล่าหยุดพูดก่อนจะหยิบแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาจิบให้คล่องคอหลังจากที่พูดเสียซะยาวยิ่งทำให้คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามรู้สึกกระวนกระวายใจเพราะอยากฟังเรื่องราวต่อ
“ความจริงฉันก็จะไม่สนใจเรื่องนี้หรอกแต่พอดีข้อตกลงในการสมัครงานที่บริษัทคือเขาจะต้องทำงานจนครบ 6 เดือนแต่ถ้าตอนนี้เธอท้องจริงๆก็ไม่รู้ว่า กี่เดือนแล้วและจะมีปัญหากับการพิจารณาผ่านโปรหรือเปล่าก็ยังไม่รู้”
คนพูดมัวแต่สนใจกับขนมที่อยู่ตรงหน้ากว่าจะรู้สึกตัวว่าพูดอยู่คนเดียวก็เมื่อเงยหน้ามาเห็นสีหน้าของคู่สนทนาที่ดูเหมือนกำลังตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“ไม่สบายหรือเปล่าเนี่ยทำไมหน้าซีดเชียว”
เอกภพมองหน้าเพื่อนอย่างแปลกใจเพราะก่อนที่ทั้งคู่จะพูดคุยถึงเรื่องนี้กันตุลธรยังมีท่าทางสนใจกับสิ่งที่เขาเล่าแต่ทำไมตอนนี้ใบหน้ากลับดูซีดเผือดนิ่งไม่พูดอะไรตอบกลับ
“สงสัยเมื่อคืนนอนน้อยไปหน่อย เช้าต้องรีบตื่นมาทำงานก็เลยรู้สึกเพลียๆ”
ตุลธรเปลี่ยนเรื่องพูดเพราะตอนนี้เขาได้ข้อมูลที่สำคัญที่เขาไม่คาดคิดแล้ว เขาจึงเลือกที่จะไม่พูดถึงเรื่องของขวัญรดาอีกเพราะไม่อยากให้เพื่อนสงสัยว่าทำไมเขาให้ความสำคัญกับผู้หญิงคนนี้มากเกินกว่าแค่เพื่อนของน้องสาว
หลังจากได้รู้ถึงสิ่งที่เพื่อนสงสัยตุลธรก็ตัดสินใจเดินทางไปที่บ้านของขวัญรดาในวันนี้เพื่อหวังจะคุยกับเธอให้รู้เรื่อง
“คุณขึ้นรถไปกับผมเดี๋ยวนี้”
ชายหนุ่มเปิดประตูและรีบผลักร่างของ สาวน้อยให้เข้าไปนั่งข้างในโดยไม่อธิบายให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาจะพาเธอไปไหน
“คุณท้องใช่ไหม”
หญิงสาวที่นั่งข้างๆได้แต่มองหน้าคนขับเธอไม่รู้จะตอบเขาว่าอย่างไรเพราะตัวเธอเองก็ไม่รู้ก็ได้แต่สงสัย
“ไปตรวจให้รู้ว่าตกลงอาการที่เธอเป็นอยู่มันคืออะไรกันแน่”
ขวัญรดาทำอะไรไม่ถูกเพราะเอาเข้าจริงตัวเธอเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าอาการที่เกิดขึ้นตอนนี้เธอกำลังป่วยหรือกำลังตั้งครรภ์อย่างที่เขาถาม
ผลการตรวจออกมาว่าขวัญรดาวตั้งครรภ์ไม่มีอะไรต้องสงสัยอีกแล้ว หญิงสาวได้แต่น้ำตาไหลรินชีวิตของเธอเหมือนทุกความทุกข์ถาโถมเข้ามารอบตัวถ้าตอนนี้แม่ยังอยู่เธอคงจะมีที่ปรึกษาแต่ตอนนี้รอบตัวของเธอไม่เหลือใครเลย
“คุณอย่าให้ขวัญเอาเด็กออกเลยนะ ขวัญสัญญาว่าจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ทุกอย่างจะเป็นความลับที่เรารู้กันแค่ 2 คนขวัญกับลูกจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคุณเลย”
หญิงสาวหันมายกมือไหว้ชายหนุ่มพี่ขับรถอยู่ข้างๆเพียงแค่เธอคิดขึ้นมาว่าเขาคงต้องการให้เธอกำจัดสิ่งที่ไม่ตั้งใจออกไปให้พ้นชีวิต
“กลับไปบ้านเก็บข้าวของให้หมดภายในคืนนี้ผมจะพาคุณไปอยู่ที่อื่น”
ขวัญรดาไม่มีคำถามใดตอบกลับเธอคิดว่าสาเหตุที่เขาต้องการให้เธอไปอยู่ในที่ที่เขาจัดเตรียมให้เพราะเขาคงกลัวคนอื่นจะรับรู้เรื่องที่เธอกำลังท้อง น้ำตาแห่งความเสียใจ มันไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายเมื่อรู้สึกได้ว่าชีวิตของเธอต่อจากนี้มันคงจะต้องลำบากและเหนื่อยกว่าที่เคยผ่านมาแต่เธอก็พร้อมจะสู้ลูกคนเดียวเธอเลี้ยงได้ต่อให้เขาไม่สนใจใยดีเธอก็พร้อมจะเป็นทั้งแม่และพ่อให้กับสายเลือดของตัวเอง
