บท
ตั้งค่า

chapter 3 หากันจนเจอ

“ อืม รู้เมื่อเช้าแต่อย่าพึ่งถาม รีบไปเก็บของเดี๋ยวชั้นจะพาไปส่ง ไปถึงก็รู้เองแหละ”

ณพิชชาเดินกลับมาที่โต๊ะด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว เริ่มเก็บของที่พึ่งจัดไปเมื่อวานใส่กล่อง เค้าจะให้เราไปอยู่แผนกไหนอีกเนี่ย จัดเสร็จพอดี วิชัยก็มาเรียก

“ เสร็จยังจ๊ะยัยแพม เร็วเข้าฉันยังมีงานอีกบาน”

“ เสร็จเดี๋ยวนี้ค่ะ” ว่าแล้วสาวน้อยก็เดินตามวิชัยเข้าไปในลิฟท์

“ ชั้นสูงสุดสามสิบเอ็ด แผนกไหนเนี่ย” หญิงสาวคิดในใจอย่างว้าวุ่น

“ ตั้งใจทำงานล่ะยัยแพม ฉันจะเป็นกำลังใจให้ มีอะไรปรึกษาฉันได้ตลอดนะ”

ว่าแล้ววิชัยก็เอามีลูบหัวอย่างนึกเอ็นดูหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“ ขอบคุณค่ะเจ๊ แล้วเราทานข้าวด้วยกันนะ เงินเดือนหนูออกเดือนแรก หนูจะพา เจ๊ไปเลี้ยงเป็นการตอบแทน” หญิงสาวพูดอย่างหนักแน่น

วิชัยได้แต่ยิ้ม แล้วเดินจ้ำอ้าวผ่านโต๊ะเรียงรายอยู่เป็นจุดๆ จนกระทั่งมาถึงส่วนชั้น ในสุดที่ตกแต่งอย่างเรียบหรูเป็นสัดส่วน

“ พี่ดมชั้นเอาเด็กมาส่งจ๊ะ” วิชัยพูดกับหนุ่มรูปร่างสะโอดสะองมองออกแต่ แว๊บแรกคงเป็นพวกเดียวกัน แต่คนนี้ดูภูมิฐานกว่าใส่แว่นบางเฉียบ

“ คนนี้เองเหรอ” เลขาหน้าห้องชายหนุ่มกวาดตาพิจารณาสาวน้อยที่ทำเอาเธอปั่นป่วนตั้งแต่เมื่อวาน ผมยาวรูปร่างสมส่วน นันย์ตาหวานคมจมูกโด่งรับกับริมฝีปากอวบอิ่ม นึกในใจไม่น่าล่ะ สวยหวานตั้งแต่แรกเห็นมีเสน่ห์ที่รอยยิ้ม ไม่แปลกใจทำไมเจ้านายหนุ่มถึงอยากได้เธอมาไว้ข้าง ๆ

“ ยัยแพมไหว้คุณดมซะ นี่เลขาผู้อำนวยการใหญ่ซีอีโอบริษัทเรา”

หญิงสาวยกมือไหว้พร้อมแปลกใจให้เรามาทำไรกับเลขาซีอีโอหว่า

“ โต๊ะของเธออยู่นี่ เค้าย้ายเธอมาเป็นผู้ช่วยฉัน วันนี้เราจะเริ่มงานอย่างเข้มข้น ฉันให้เวลาเธอสามสิบนาที แล้วตามฉันมาที่โต๊ะ”

สาวน้อยถอนใจแล้วเริ่มจัดของ

‘ให้เรามาช่วยเลขาซีอีโออะไรกันเนี่ย’ จากนั้นเวลาผ่านไปชั่วโมงต่อชั่วโมงได้ยินเสียงพี่ดมแนะนำนั่นนี่โน่น

“ เจ้านายไปประชุมที่ฮ่องกง ช่วงนี้เราก็เรียนรู้งานไปเรื่อย ๆ อีกอาทิตย์ถึงจะกลับตอนนี้ก็เรียนงานอื่นไปเรื่อยๆ เข้าใจไหม ว่าแต่เธอชื่ออะไรฉันก็ลืมถาม”

“ หนูชื่อณพิชชา แต่พี่เรียกหนูว่าแพมก็ได้นะคะ” หญิงสาวพูดเสียงหวานตามเคย

“ เธอทำงานที่ฉันสั่งต่อไป ขอตัวไปแผนกการตลาดเดี๋ยว” ว่าแล้วอุดมก็เดินจากไป

กริ๊ง ๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สาวน้อยเอื้อมมือไปรับโดยสัญชาติญาณ

“ ฮัลโหลเอสทีจีค่ะ มีอะไรให้รับใช้คะ”

“ นั่นใครพูด” เสียงห้วน เข้มจากปลายสายทำเอาสาวน้อยแอบมีฉุน

“แล้วคุณจะพูดกับใครล่ะคะ” สาวน้อยย้อนกลับไปด้วยความหมั่นไส้

“ฉันถามไม่ได้ให้เธอมาย้อนถามว่าเธอเป็นใคร แล้วอุดมไปไหน”

“ พี่อุดมไปแผนกการตลาด แล้วคุณเป็นใคร มีอะไรสั่งฉันก็ได้ค่ะ”

“ บอกอุดมว่าฉันพีทษรุทโทรมา อีกยี่สิบนาทีจะโทรมาใหม่” ว่าแล้วชายหนุ่มก็วางโทรศัพท์ดังโครม

“ อีตาบ้านี่ ไม่มีมารยาท” หญิงสาวบ่น พร้อมแช่งตามนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้น

‘สงสัยไม่ได้เข้าห้องน้ำตอนเช้าถึงหงุดหงิดขนาดนี้’ ณพิชชาคิดในใจ

“บ่นไร ยัยแพม” แล้วนั้นใครโทรมา

“ เค้าว่าชื่อพีทษรุท คนอะไรก็ไม่รู้ไม่มีมารยาทพูดมะนาวไม่มีน้ำ”

“ ว้ายบอสโทรมาเหรอ”" ว่าแล้วพี่อุดมก็ยกมือทาบอก กรีดร้องเสียงระงม

“ ใครคะ บอส” หญิงสาวถามด้วยความอยากรู้

“ แหมก็คุณพีทหรือพีทษรุทไง ซีอีโอประธานบริษัทเนี่ย เจ้านายใหญ่เราไม่รู้จักเหรอ”

หญิงสาวสั่นหัวพร้อมตอบ “ ไม่ค่ะ”

“ ตายแล้ว แล้วคุณพีทสั่งว่าไง” หน้าตาเลขาหนุ่มว้าวุ่น

“ เขาว่าอีกยี่สิบนาทีจะโทรมาใหม่ แล้ววางหูไปเลย”

“งั้นเธอทำงานต่อนะ เดี๋ยวก็รอท่านโทรกลับมาแล้วกัน” เลขาหนุ่มเดินจากไป

“โฮ๊ย นี่ฉันต้องทำงานกับคนแบบนี้เหรอเนี่ย” หญิงสาววาดมโนภาพ สงสัย หน้าจะหงิก หัวก็ล้าน รูปร่างท้วมเหมือนเสี่ยทั่ว ๆ ไป พ่นไฟแต่เช้าสงสัยจะเป็นคนเจ้าอารมณ์ ยิ่งคิดสาวน้อยก็ยิ่งเครียดที่ต้องมาทำงานกับคนเจ้าอารมณ์ แล้วสาวน้อยก็ทำงานต่อไป อย่างเร่งรีบ

อีกยี่สิบนาทีตรง เธอได้ยินเสียงโทรศัพท์ อุดมแทบจะถลาเข้าไปรับ

“ ฮะคุณพีทได้ครับ ได้ครับเรียบร้อยครับ” เธอได้ยินเสียงเลขาหนุ่มตอบกลับไปเป็นระยะ ๆ

ผ่านไปเกือบอาทิตย์แล้วสินะที่เธอมาทำงานที่บริษัทนี้ จนเข้ามาเกือบสิบวันเธอก็ยังไม่ได้เจอกับเจ้านายที่แท้จริงสักครั้ง ได้ยินแต่เรื่องของเค้าเต็มหัวไปหมดจากคำเล่าของ เลขาหนุ่มอุดม วิชัย แล้วก็สุดาเพื่อนสนิทที่ทำงาน

“เจ้านายอายุสามสิบห้าแล้วแหละ ชีวิตท่านจะว่าเริ่ดก็เริ่ดนะแก เกิดมาเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูล แต่รู้ไหมเค้าเรียกท่านว่า ‘ เจ้าชายเย็นชา’ เพราะตั้งแต่ฉันมาทำงานที่นี่ ห้าปีไม่เคยเห็นพี่แกยิ้มสักครั้ง อาจเป็นเพราะท่านรับภาระหนักตั้งแต่เด็กแล้วนะ เมื่อห้าปีก่อนนะฉันได้ยินคนเก่าเค้าเล่าว่าท่านเสียพ่อกับแม่พร้อมกับด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตกพร้อมกับบริษัทขาดทุนหลายร้อยล้านเกือบล้มแล้วนะ แต่ทำไงไม่รู้คุณพีทนี่แหละที่บริหารจนเดี๋ยวนี้นะกลับมาผงาดเป็นบริษัทส่งออกอันดับต้น ๆ ของเมืองไทยเลยนะแก”

“ แล้วเค้ามีครอบครัวไหม” หญิงสาวถามไปเรื่อย ๆ

“ นี่แหละที่อาจเป็นเหตุผลที่่ทำให้ท่านเป็นแบบนี้ เค้าเล่ากันว่าตอนนั้นคุณพีทมีคู่หมั้นที่คบกันมาเป็นสิบปีเตรียมการจะแต่งงาน แต่พอเค้ารู้ว่าคุณพีทจะล้มละลายเค้าก็ถอนหมั้นไปแต่งงานกับคนอื่นซะงั้น ทั้ง ๆที่คบกันมาเป็นสิบปีน่าสงสารบอสเรามากตั้งแต่นั้นพวกเราไม่เห็นท่านคบใครถาวรเลยนะ เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ไฮโซทั้งนั้น แต่ส่วนใหญ่มีแต่สาว ๆ วิ่งชนนะแกเพราะคุณพีทเนี่ยเข้าถึงยาก เพราะพี่แกทั้งหยิ่งทั้งดุ”

“ อืม ฉันเชื่อโดนมาแล้วดอกหนึ่ง” หญิงสาวยังฉุนไม่หาย

เพื่อนสาวและเลขาหนุ่มพร้อมใจกันหัวเราะ

“ ไปละนะ เดี๋ยวเย็นนี้เจอกันสุดา” ว่าแล้วณพิชชาเดินจากไป

ระหว่างที่จัดของในห้องประธานก็ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา หญิงสาวหันไปมอง คิดว่าเป็นอุดมเลขาหนุ่ม สายตาพลันไปเจอกับชายหนุ่มรูปงามคิ้วเข้ม ผมสีดำ ผิวขาว ริมฝีปากบางเป็นสีชมพู แล้วหญิงสาวก็ตื่นจากภวังค์

“ มาหาใครคะ แล้วทำไมไม่เคาะประตูก่อน”

พีทษรุทเลิกคิ้วเข้ม แล้วจ้องมองหญิงสาวที่ทำเอาเค้าทำงานที่ฮ่องกงและสิงค์โปร์เกือบไม่ได้เพราะมัวแต่คิดถึงสาวน้อยตรงหน้า ในที่สุดเค้าก็พาเธอมาเคียงข้างเค้าได้แล้ว ชายหนุ่มก้าวเข้าไปยืนตรงหน้า

“ เฮ๊ย อีตาคนที่เราชนในลิฟท์วันนั้นนี่ จำได้แล้ว” หญิงสาวคิดออกว่าเคยเห็นชายหนุ่มที่ไหน

“ ทำไมผมต้องเคาะประตูห้องตัวเองไม่ทราบ” ชายหนุ่มตอบพร้อมนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับที่หญิงสาวยืนอยู่

“ ขอกาแฟผมแก้วหนึ่ง คุณณพิชชา” เสียงมีอำนาจสั่งเสร็จก็ก้มอ่านเอกสารบนโต๊ะต่อ

หญิงสาวรู้สึกอายจนหน้าชาก่อนจะตอบว่า “ ค่ะเจ้านาย” พร้อมกับเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ชายหนุ่ม นึกขำที่ตัวเองวาดรูปชายหนุ่มซะแย่

หญิงสาวเดินออกมาจากห้องเดินเข้าห้องครัวชงกาแฟให้เจ้านาย

“ เขาดื่มรสไหนเนี่ย เอารสเดียวกับพี่ภีมพี่ชายสุดหล่อของฉันก็แล้วกัน”

เพราะโดยส่วนตัวณพิชชาไม่นิยมที่ดื่มกาแฟ เธอเลือกจะดื่มแต่ชาร้อนมากกว่า ชงเสร็จก็ยกมาวางไว้บนโต๊ะของชายหนุ่มแล้วขยับออกไปหนึ่งก้าว เหมือนรอคำสั่งของชายหนุ่มด้วยใจระทึก แอบมองชายหนุ่มอย่างละเอียดแทบทุกองศา คนบ้าอะไรหล่ออย่างนี้ ทำเอาใจสาวแรกรุ่นใจระทวย ณพิชชารีบหลบสายตาทันทีเมื่อชายหนุ่มเงยหน้า พร้อมยก แก้วกาแฟ จิบแล้วทำหน้าบอกอารมณ์ไม่ถูก

“ หวานจนอยากอ้วก” เสียงทั้งห้วนทั้งดุ แล้วชายหนุ่มร่ายต่อ

“ จำไว้ ผมไม่ชอบดื่มกาแฟรสหวาน ของผมกาแฟสี่ช้อน น้ำตาลครีมไม่ต้อง”

ว่าแล้วก็ผลักแก้วกาแฟ กาแฟแทบกระเฉาะออกมานอกแก้ว

‘ อีตาบ้าพูดดี ๆ ก็ได้ คนไม่มีมารยาท’ หญิงสาวกัดริมฝีปาก พร้อมด่าชายหนุ่มในใจ

“ ดิฉันไม่ทราบนี่คะว่าเจ้านายดื่มกาแฟรสไหน เดี๋ยวดิฉันไปชงให้ใหม่แล้วกันนะคะ” แล้วหญิงสาวก็เดินหน้าเชิดออกไป

“ ร้ายไม่ใช่เล่นนะ หึหึ” ชายหนุ่มส่ายหัวด้วยความนึกเอ็นดูพร้อมก้มอ่านเอกสารต่อ ประมาณสิบนาทีผ่านไป หญิงสาวกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมวางแก้วกาแฟแล้วถอยออกไปยืนเหมือนรอคำสั่ง ชายหนุ่มเซ็นเอกสารต่อไปเรื่อย ๆ ทำเอาหญิงสาวบิดมือไปมา ด้วยความอึดอัด พร้อมนึกเข่นเขี้ยวเจ้านายหนุ่มในใจ “ จะให้ฉันยืนอีกนานไหมอีตาบ้า”พร้อมเตรียมก้าวออกไปข้างนอกอย่างเงียบ ๆ แต่แล้วเสียงชายหนุ่มดังขึ้นทำเอาสาวเจ้าหันกลับมาแทบไม่ทัน

“ เดี๋ยวเที่ยงนี้ตามผมไปบรีฟงานข้างนอก ตอนนี้คุณออกไปก่อน”

“ แล้ว พี่ดมล่ะคะ” หญิงสาวถามด้วยความงุนงง

“ ดมเค้าต้องสแตนบายที่นี่ คุณมีปัญหาอะไรไหม” สุ่มเสียงยังกระด้างแล้วห้วนแข็งเหมือนเดิมพร้อมสายตาที่จ้องมาแข็งกร้าว ทำเอาหญิงสาวหลบสายตาแทบไม่ทัน

“ เปล่าค่ะแค่สงสัย” หญิงสาวตอบไปพร้อมนึกในใจว่า

‘อีตาบ้านี่พูดดี ๆ กับคนอื่น เป็นไหมเนี่ยในชาตินี้’ หญิงสาวถอนหายใจพร้อมกับนึกสงสารตัวเองต้องมาทำงานกับคนแบบนี้

เที่ยงตรงประตูห้องทำงานซีอีโอเปิดออกพร้อมชายหนุ่มก้าวออกมา ตรงไปสั่งงานเลขาหนุ่ม

“ ดม ผมจะออกไปข้างนอกกับณพิชชา มีอะไรด่วนโทรหาผมได้ ผมคงเข้ามาราว ๆ บ่ายสาม ว่าแต่ผมไม่มีนัดใช่ไหม”

“ ไม่ฮะ” เลขาหนุ่มตอบกลับไปด้วยท่าทีนอบน้อมเกินปกติ

“ คุณณพิชชาพร้อมหรือยัง ไปกันได้แล้ว” เสียงดังทำเอาหญิงสาวตื่นจากภวังค์

หญิงสาววิ่งตามชายหนุ่มที่ก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งถึงหน้าตึกเอสทีจี รถสปอร์ตคันใหญ่ก็จอดเทียบพร้อมอยู่แล้ว หญิงสาวเตรียมก้าวขึ้นไปนั่งข้างลุงแช่มคนขับรถประจำตัวชายหนุ่ม แต่แล้วก็มีมือมาคว้าแขนเธอ แล้วลากให้เธอตามเค้ามาตอนหลังของรถ

“คุณต้องนั่งข้างหลังกับผม ผมมีงานจะสั่ง” เสียงเข้มห้วนอีกตามเคย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel