บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7

ภาพย์เดินนำบ่าวรับใช้ของตนมาที่ท่าเพื่อขึ้นเรือสายตาพลันเหลือบเห็นหญิงสาวนั่งใช้นิ้วชี้เขี่ยน้ำวนไปวนมาขาสองข้างก้าวเข้าไปลดตัวลงนั่งชันเข่าข้างๆเอียงหน้ามองข้าวที่ขมวดคิ้วรู้สึกตัวหันมองก่อนเด้งตัวลุกพรวดอย่างตกใจพลาดท่าขาซ้ายพลิกตก ภาพย์ลุกขึ้นทันทีคว้าเอวโอบรัดไว้ทันดึงข้าวเข้ามาชิดอกจนขาสามารถเหยียบพื้นไม้ขยับตัวออกจากขอบท่ามาอยู่ตรงกลาง มือชายหนุ่มปลดออกจากเอวเธออย่างห่วงใยมองสบตาช้าๆก่อนเอ่ย

“สมาธิเจ้าไม่อยู่กับร่องกับรอยเป็นอันใดหรือไม่”

“ไม่ ไม่มีอะไรผิดปกติ สมาธิลาพักร้อนเดี๋ยวก็คงมา จะกลับแล้วไม่ใช่หรอ ไปสิ” ข้าวเบี่ยงตัวหลบทางให้ชายหนุ่ม

“วันรุ่งออกพระสุรัสวดีจะมาเยือนเรือนเจ้าเพื่อหารือหาทางออกเกี่ยวกับโรคที่เจ้าเป็นอยู่” ภาพย์เลื่อนสายตามองเส้นผมสีแดงที่ไม่เหมือนใครของข้าวจนหญิงสาวมองตามก่อนเลิกคิ้วยกมือจับผมตนเอง

“โรคนี้นะหรอ ผมแดงเนี้ยนะ”

“ไม่ว่าด้วยวิธีไหน พี่จะทำให้เจ้าหายจากโรคภัยครั้งนี้” สีหน้าชายหนุ่มดูจริงจังจนข้าวยกมือปิดปากกลั้นหัวเราะ

“ฮ่ะ ฮ่า” แต่ก็ไม่สามารถอดกลั้นไว้ได้งอตัวกุมท้องระเบิดเสียงหัวเราะลั่นจนคนบนเรือนออกมายืนมองอย่างฉงนใจ ภาพย์ขมวดคิ้วเข้มมองหญิงตรงหน้าด้วยความแปลกใจกับท่าทีที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไร

“น่าขันเสียตรงไหนกัน”

“ฮ่ะ ฮา ก็มันตลก มันเป็นโรคที่ไหนกัน ต่อให้เอาหมอผี หมอยา หมอป่า หมองู โคตรหมอก็เถอะผมฉัน เอ่อ ผมข้าก็เหมือนเดิมไม่มีทางเปลี่ยนหรอก” ข้าวยืนตัวตรงมองหน้าภาพย์ที่ขมวดคิ้วงุนงง

“นี่มันโรคอะไรกัน”

“ไม่ใช่โรคมันคือการย้อมผม เหมือนย้อมผ้านั่นแหละ อีตาขุนทองนี่พูดตลกดีแฮะ” ข้าวกอดอกกระตุกยิ้มส่ายหน้าไปมาชอบอกชอบใจ

“วาจาเจ้าต่างหากที่แปลก ไม่คุ้นหูเสียเลย” ภาพย์ย้อนกลับมองหน้าข้าวตอบกลับ

“ชิ พูดด้วยทำเป็นต่อล้อต่อเถียงเยอะ ลอดช่อง!” ข้าวแบะปากเชิดหน้าขึ้นสายตาพลันเหลือบเห็นคนที่ยืนมองอยู่บนเรือนส่งรอยยิ้มมาให้เธอที่ปรับกิริยาทันทีเลื่อนสายตามองภาพย์ที่ขยับเข้ามาใกล้

“พี่ต้องไปแล้ว จะมาเยี่ยมใหม่”

“ไม่ต้องมาก็ได้” ข้าวตอบกลับอย่างไม่แยแสเดินเลี่ยงออกไปชนิดไม่เหลียวหลังกลับมามอง ภาพย์หมุนตัวมองตามจนลับสายตาก่อนผ่อนลมหายใจยาวอย่างหนักใจ

“เปลี่ยนไปราวกับคนละคน จันทร์หอมของพี่”

“เปลี่ยนไปเช่นนี้ก็น่าตื่นเต้นดีนะขอรับทูลหัวของบ่าว” แก้วแกะเชือกผูกเรือเอ่ยขึ้นลอยๆทำให้ภาพย์หันมองเอามือไพล่หลัง

“รู้มากไอ้แก้ว” เสียงดุเอ่ยขึ้นจากผู้เป็นนายก่อนก้าวลงเรือออกจากท่าทันทีอย่างไม่รอช้า

ข้าวเดินขึ้นเรือนเอียงหน้ามองสร้อยทองนั่งแกะสลักผลไม้ด้วยรอยยิ้มก่อนเลื่อนสายตามองข้าวที่เดินเข้ามานั่งลงข้างๆมองดูการแกะด้วยความนิ่ง

“ลองดูหรือไม่”

“ไม่ดีกว่า น่าจะเละ” ข้าวตอบกลับพร้อมยิ้มแหยๆมองหน้าสร้อยทองที่อมยิ้มขบขันกับท่าทีของหญิงตรงหน้า “ฉัน เอ่อ ข้าขอไปตลาดได้ไหมพี่สาว”

“วาจาเจ้าประหลาดแท้ แต่ข้าก็เข้าใจ ตลาดหรือ ได้สิรอข้าประเดี๋ยวใกล้เสร็จแล้ว” สร้อยทองตอบด้วยรอยยิ้ม

“ข้าไปกับบ่าวสามคนก็ได้ นะพี่นะ” ข้าวโอบกอดก่อนซบไหล่สร้อยทองอย่างอบอุ่นที่มาพร้อมความขุ่นมัวในใจ

“จะดีหรือ เจ้ายังไม่หายดีหลังจากรักษาโรคแล้วค่อยไปไม่ได้หรือแม่จันทร์หอม ข้าเป็นห่วงเจ้า”

“มันไม่ใช่โรค มันก็แค่เป็นการทำสีชั่วคราว ไม่นานก็จางแตกตื่นอะไรกัน” ข้าวยิ้มขบขันกับความแตกตื่นของผู้คนเหล่านี้

“รำพัน รำไพ รำเพย” สร้อยทองเรียกชื่อบ่าวสามคนที่ถูกมอบหมายให้ดูแลผู้เป็นน้องสาว

“เจ้าค่ะแม่นาย” ทั้งสามคลานเข่าเข้ามาก้มหน้าตอบรับ ข้าวเลิกคิ้วสับสนกับชื่อบ่าวที่ไม่รู้ว่าชื่อใครคือคนไหน

“ดูแลแม่หญิงพวกเจ้าให้ดี หากเกิดเรื่องข้าจะจัดการพวกเจ้า ได้ยินหรือไม่”

“เจ้าค่ะแม่นาย” ทั้งสามประสานเสียงตอบรับอย่างดีอกดีใจที่ได้ออกไปนอกเรือน สร้อยทองหันกลับมามองหน้าข้าวที่มองตาปริบๆก่อนอมยิ้มบางๆกลบเกลื่อนความมึน

“รีบไปรีบมาอย่าไปไกลนัก นี่อัฐ” กล่าวพร้อมหยิบถุงใส่เหรียญยื่นให้ข้าวก่อนยกมือลูบผมสีแดงที่ไม่คุ้นตาอย่างห่วงใย

“พี่นี่น่ารักที่สุดเลย” ข้าวโอบกอดสร้อยทองด้วยรอยยิ้มก่อนลุกขึ้นเดินนำบ่าวสามรำลงเรือน สร้อยทองมองตามช้าๆอย่างอดห่วงไม่ได้

ข้าวเดินมาที่ท่าน้ำมองเรือที่รำไพลากเข้ามาใกล้ๆให้ก้าวลงอย่างง่ายดาย รำเพยคอยประคองตัวข้าวด้วยความระมัดระวังก่อนก้าวลงเรือนั่งกางร่มให้อยู่ด้านหลังโดยให้รำไพกับรำพันเป็นคนพายเรือ

“ออกศึกข้านึกแต่รบ จบศึกข้านึกแต่รักเจ้าเท่านั้น หากรอดชีวิตกลับมาหากันหวังให้เจ้านั้นดูแลหัวใจ ฮิฮิ” ข้าวมองกำแพงเมืองสูงเด่นในขณะที่อยู่บนเรือสายตามองรอบอย่างชอบอกชอบใจ

“อีรำเพย” รำไพที่นั่งพายเรืออยู่ท้ายเรือหันมาสะกิดกระซิบเรียกคนที่นั่งกางร่มให้เจ้านาย

“อันใดเล่า” รำเพยหันไปตอบอย่างเหนื่อยหน่าย

“แม่หญิงเอ่ยอันใดวะ” รำไพหยุดพายยื่นหน้ามากระซิบถามต่อ

“ข้าจะรู้รึ” รำเพยตอบกลับก่อนหันมองหญิงที่นั่งยืดขาสบายอารมณ์สูดกลิ่นอายด้วยรอยยิ้มและยิ่งยิ้มไปใหญ่เมื่อได้ยินเสียงบ่าวสองคนสนทนากันทางด้านหลัง

เมื่อถึงท่าเรือใหญ่ข้าวรีบขึ้นท่าทันทีโดยไม่รอให้เรือผูกเสร็จเดินฉับไวจ้ำอ้าวทำบ่าวสามรำแทบจะวิ่งตามให้ทันท่วงที สายตาคู่คมกวาดมองหาบางอย่างอยู่กลางลานตลาดท้ายทุ่งก่อนกระตุกยิ้มโยนอัฐในถุงเล่นเดินเลี่ยงไปอีกทางอย่างมีจุดหมายพลันหยุดชะงักเอียงมองไปทางซ้ายมือที่มีชายมากมายยืนล้อมบางอย่างส่งเสียงเชียร์สนุกสนานรวมทั้งแก้วที่ยืนอยู่ในวงล้อมด้วย ข้าวยิ้มมุมปากเดินเข้าไปหาทันที

“นี่!” ข้าวตะโกนเรียกเสียงแข็งทำทุกคนหันมองเป็นตาเดียว แก้วเบิกตาโตมองหญิงที่เดินตรงเข้ามาพร้อมเท้าเอวหยุดอยู่ตรงหน้า “ตกลงชื่ออะไร จะได้เรียกถูก”

“บ่าวชื่อแก้วขอรับ” แก้วโค้งตัวงอยิ้มแหยๆยืนบังสายตาข้าวที่เหล่มองไปทางวงล้อม

“ตีไก่หรอ” ข้าวเลิกคิ้วกอดอกมองหน้าอย่างรู้ทัน

“ขอรับ แม่หญิงอย่าบอกท่านขุนนะขอรับ” แก้มคุกเข่าก้มหน้าสำนึกผิด

“ถ้าบอกแล้วยังไง จะโดนเฆี่ยนหลังลายหรอ” ข้าวเท้าเอวก้มหน้ามองแก้วอย่างนึกสนุกจนสาวสามรำวิ่งเข้ามายืนอยู่ด้านหลังมองเหล่าชายถอดเสื้ออย่างเพลินตา ข้าวเหล่มองบ่าวสามรำอย่างชอบใจก่อนยกมือแตะริมฝีปากเมื่อเห็นแก้วนิ่งสลด

“แม่หญิงใช้บ่าวทำอันใดก็ได้แต่อย่าบอกท่านขุนเลยนะขอรับ บ่าวโดนเฆี่ยนจนตายแน่”

“ได้ แต่…” ข้าวกระตุกยิ้มเชิดปลายคางเหล่มองแก้วที่เงยหน้ามองอย่างมีหวัง

“บ่าวยินดีทำทุกอย่าง”

“ดี ฉัน เอ่อ ข้ามีอะไรให้ทำ ถ้านาย เอ่อ มึง ไม่ดีหยาบไป เอ็ง เอ็งแล้วกัน เอ็งทำไม่ได้โดนอีตาขุนทองเฆี่ยนหลังลายแน่” ข้าวแสยะยิ้มร้ายมองหน้าแก้วที่รีบตอบรับทันที

“ขอรับ บ่าวทำได้แน่ขอรับ แม่หญิงใช้มาได้เลยขอรับ”

ข้าวล้วงหยิบถุงอัฐขึ้นมาโยนในมืออย่างมีแผนจนแก้วเริ่มขนลุกชันกับรอยยิ้มของหญิงตรงหน้า เช่นเดียวกับสาวสามรำที่หันมองท่าทางของผู้เป็นนายพาขนแขนชูชันหวั่นเกรงไปยืนเกาะกลุ่มตั้งหลัก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel