บท
ตั้งค่า

ความรักของครอบครัว 2

หนูน้อยรีบแต่งตัวประแป้งจนใบหน้าเนียนขาว หยิบชุดที่มารดาเตรียมไว้ให้มาสวมใส่ ทว่าเมื่อใส่กางเกงไปแล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้ใส่เจ้าลิงน้อย เดือดร้อนต้องถอดกางเกงออกก่อน และรีบเดินไปยังลิ้นชักของตัวเอง เปิดชั้นที่สองหยิบชั้นในตัวเล็กสีขาวมาสวมใส่ กำลังจะเดินกลับมาหากางเกงที่ถอดวางไว้ ก็ต้องรีบกลับไปปิดลิ้นชักที่ตัวเองดึงออกมาอีก

“สายแล้ว” บ่นพึมพำให้ตัวเอง จัดการทุกอย่างด้วยความว่องไว ขืนชักช้าคงถูกมารดาดุเข้าให้

น้องพร้อม ไม่คิดจะงอแง เพราะเข้าใจในแบบของเด็กวัยห้าขวบว่าแม่เหนื่อย แม่ต้องขายของเมื่อ ขายของได้ก็จะมีเงินให้ตัวเองไปกินขนมที่โรงเรียน เด็กน้อยยังอยากเร่งให้ตัวเองโตเร็วกว่านี้ด้วยซ้ำ หากตัวเองถูกรดน้ำใส่ปุ๋ยแล้วเจริญงอกงามโตได้เหมือนต้นไม้ก็คงดีจะรดน้ำใส่ปุ๋ยตัวเองทุกวัน จะได้โตไปช่วยมารดากับคุณตาขายของเร็วๆ

ชีวิตในแต่ละวันของครอบครัวพิมพ์มาดาไม่มีอะไรหวือหวา ออกจะเรียบง่ายมากๆ เสียด้วยซ้ำ ตอนเช้าคุณตาทำหน้าที่เป็นคนไปส่งน้องพร้อม ตอนเย็นพิมพ์มาดาไปรับกลับบ้าน

สาเหตุที่ตอนเช้าหญิงสาวให้บิดาไปส่งเพราะหากให้ไปรับหลานตอนเย็น ตาหลานพากันซื้อขนมและน้ำปั่นที่หน้าโรงเรียนติดไม้ติดมือมารับประทาน เสื้อนักเรียนสีขาวก็มีหยดน้ำแดงเปรอะเปื้อน

พิมพ์มาดาไม่ได้จำกัดการรับประทานขนมของลูกชาย แต่เพราะคุณตาต่างหากที่ซื้อให้มากเกินความจำเป็น แต่เชื่อเถอะว่าในตอนเช้า คุณตาก็ต้องพาหลานแวะตลาดหรือไม่ก็ซื้อขนมหน้าโรงเรียนให้หลานกินแน่นอน

“พร้อมอย่าบอกแม่นะ ว่าตาซื้อลูกอมให้ ไม่งั้นเราสองคนถูกบ่นหูชาแน่” กำชับหลานอีกครั้ง เมื่อมาถึงหน้าโรงเรียน เตรียมส่งหลานเข้าสู่โรงเรียนที่มีคุณครูมารอรับ

หนูน้อยพยักหน้ารับจริงจัง มิหนำซ้ำยังให้คำมั่นสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะ แค่คิดว่าต้องนั่งนิ่งๆ อยู่บนเก้าอี้เพื่อฟังแม่บ่นก็ขยาดเกินทน บ่นเสร็จก็ใช่ว่าจะไปไหนได้ ยังต้องนั่งสำนึกผิดอยู่อีกห้านาที

“พร้อมสัญญาครับ เรื่องนี้จะมีแค่เราสองคนที่รู้เท่านั้น โอ้! ยังมีป้านุชอีกคนด้วยนะครับ คุณตาอย่าลืมไปบอกป้านุชให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะครับ” ป้านุชที่หนูน้อยพูดถึงคือเจ้าของร้านชำหน้าโรงเรียน

“ได้ เดี๋ยวตาแวะบอกป้านุชเอง ไปลูกเข้าโรงเรียนได้แล้ว ตั้งใจเรียนเชื่อฟังคุณครูเป็นเด็กดีนะลูก จำไว้นะพร้อม ถ้าใครมารังแกอย่ายอมให้เขาทำเราอยู่ฝ่ายเดียว ลูกผู้ชายต้องสู้ เข้าใจไหมครับ” เด็กน้อยไม่สามารถคิดซับซ้อนหรือหาเหตุผลใดมาประกอบความคิด รู้เพียงว่าจะไม่ยอมให้ใครมารังแกตัวเอง ถ้ามีคนมารังแกตนต้องสู้เท่านั้น

“ครับคุณตา สวัสดีครับ คุณตาก็ตั้งใจขับรถเหมือนกันนะ พร้อมไปแล้ว” ร่างเล็กวิ่งฉิวเข้าโรงเรียนตามเพื่อนไป ลืมแม้กระทั่งยกมือไหว้คุณตา หากเป็นแม่มาส่งคงถูกเรียกตัวให้กลับมาแน่

ก่อนถึงเวลาเข้าเรียนเด็กน้อยยังพอมีเวลาได้เล่นสนุกกันอยู่หน้าห้อง หรือตามลานกว้างที่มีของเล่น น้องพร้อมที่นำกระเป๋าหนังสือไปเก็บที่ห้องเรียนของตัวเองก็ออกมาเล่นกับเพื่อนเช่นกัน

“พร้อมทางนี้” เพื่อนสนิทอย่างหนูน้อยคอปเตอร์ กวักมือเรียกเพื่อนให้เข้ามาหา เมื่อตนเองกำลังจะเล่นม้ากระดก

“นั่งลง” บอกเพื่อนให้นั่งฝั่งตรงข้าม น้องพร้อมก็ทำตามคำบอกของเพื่อน สองเพื่อนสนิทเล่นกันอย่างสนุกสนานตามประสาเด็กน้อย มีเสียงหัวเราะดังประสานกันขึ้นตลอดเวลา

“พรุ่งนี้วันเสาร์พร้อมไปเที่ยวไหนไหม” คอปเตอร์เอ่ยถามออกมา เพราะตนจะได้ไปเที่ยวทะเลกับคุณพ่อคุณแม่ จึงอยากพูดให้เพื่อนฟัง

“ไม่ เราอยู่บ้าน คอปเตอร์ไปไหนเหรอ”

“พ่อบอกจะพาเราไปเที่ยวทะเล เย็นนี้แม่ก็จะพาไปซื้อชุดว่ายน้ำกับห่วงยาง แม่บอกว่าน้ำทะเลมันเค็มนะพร้อม เดี๋ยวเราจะลองชิมและมาบอกนะว่าเค็มหรือเปล่า”

“โอเค”

ผู้ใหญ่มักชอบพูดว่าเด็กไม่รู้อะไร พูดอะไรไปก็ยังไม่เข้าใจในตอนนี้ แต่คงไม่ใช่กับน้องพร้อม หนูน้อยมักตั้งคำถามว่าพ่อตัวเองไปไหน ทำไมคอปเตอร์ถึงมีพ่อ และทำไมเพื่อนคนอื่นๆ ก็มีพ่อมาส่งที่โรงเรียน แล้วทำไมตัวเองถึงมีแค่ตากับแม่ หรือว่าพ่อเรายังไม่เกิดหรือยังไง แล้วทำไมพ่อไม่เกิดมาพร้อมแม่หรือเกิดมาพร้อมกับตัวเองเลยล่ะ เราจะได้มีพ่อเหมือนคนอื่นเขา แล้วอีกนานแค่ไหนพ่อถึงจะมาเกิด

โจ๊กหมูส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายถูกวางบนโต๊ะไม้ตรงหน้าของลูกค้าขาประจำ ที่จะต้องแวะทานทุกวันก่อนไปทำงาน ใบหน้าที่สวมแว่นสายตาเงยขึ้นมองพลางส่งให้แม่ค้าคนสวย

“นับวันหมอยิ่งรู้สึกว่าปริมาณโจ๊กจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนจะล้นชามอยู่แล้วนะเนี่ย”

“ก็พี่หมอเป็นลุงหมอผู้ใจดีของน้องพร้อมนี่คะ เพลงก็เลยต้องให้ทานเยอะๆ หน่อย เผื่อเวลาน้องพร้อมไม่สบาย พี่หมอจะได้ลดค่ารักษาให้บ้าง” เอ่ยเย้าเล่นอย่างเป็นกันเองอย่างที่เป็นประจำทุกวัน

หมอณภัทรคือหมอเด็กประจำตัวน้องพร้อมตั้งแต่เกิด เพราะน้องพร้อมมีสภาวะตัวเหลืองต้องนอนในตู้อบถึงสามวัน ในช่วงเวลานั้นพิมพ์มาดากังวลไปหมดเสียทุกอย่าง ก็ได้หมอณภัทรนี่แหละที่คอยปลอบและอธิบายว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง และจะรักษาน้องพร้อมให้เป็นอย่างดี และก็เป็นเช่นนั้นมาจนถึงทุกวันนี้

เมื่อน้องพร้อมไม่สบาย หมอณภัทรก็ช่วยดูแลรักษา หากเป็นไข้หวัดเพียงเล็กน้อยก็ตรวจให้เลยเสียที่ร้าน และเอายาที่มักจะติดรถมาให้ทาน หรือไม่ก็จดชื่อยาให้พิมพ์มาดาไปซื้อตามร้านขายยา ไม่ต้องหอบหิ้วไปนั่งรอที่โรงพยาบาลให้เสียเวลา จึงทำให้หมอณภัทรกลายเป็นลุงหมอที่น่ารักของน้องพร้อมไปโดยปริยาย

“ช่วงนี้โรคมือเท้าปากกำลังระบาดนะ เพลงระวังน้องพร้อมหน่อยแล้วกัน หมั่นสังเกตอาการว่ามีไข้หรือเป็นตุ่มน้ำใสๆ ตามมือ ตามตัวหรือเปล่า”

“ค่ะพี่หมอ ขอบคุณนะคะ” คนถูกขอบคุณเลิกคิ้วขึ้นไม่เข้าใจ

“ขอบคุณหมอเรื่องอะไร”

“ก็ขอบคุณที่พี่หมอเป็นลุงหมอที่ดีของน้องพร้อมจริงๆ นี่ถ้าเจ้าตัวอยู่นะ ป่านนี้คงชวนพี่หมอคุยจนไม่เป็นอันทานโจ๊กแน่ๆ ค่ะ” คนเป็นแม่พูดไปยิ้มไป เมื่อนึกภาพของลูกชายที่ชอบมานั่งพูดกับลุงหมอ ช่างหาคำพูดมาซักถามจนลุงหมอตอบแทบไม่ไหว ทานข้าวได้เพียงไม่กี่คำก็ต้องหยุดเพื่อตอบคำถาม

“ดีแล้วที่น้องพร้อมเป็นเด็กช่างซักถามหรืออยากรู้อยากเห็น แสดงว่าเด็กมีพัฒนาการที่ดี เราต้องส่งเสริมอย่าไปห้ามปราม ไม่อย่างนั้นเด็กจะกลายเป็นคนไม่กล้า เพราะกลัวถูกด่า”

“แต่เพลงกลัวพี่หมอรำคาญนี่คะ เกรงใจก็ด้วย”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกเรื่องเล็กน้อยเอง”

“ช่วงนี้คนไข้เยอะเหรอคะ ดูหน้าพี่หมอโทรมๆ นะ” คนถูกจับสังเกตอมยิ้มเล็กน้อย

“นิดหน่อย ก็อย่างที่บอกว่าช่วงนี้โรคกำลังระบาด เด็กไม่สบายเยอะทั้งที่โรงพยาบาลแล้วก็คลินิก”

“ยังไงก็อย่าลืมพักผ่อนนะ เพราะถ้าหมอป่วยก็จะไม่มีใครรักษาเด็กๆ นะคะ”

“ครับ” พิมพ์มาดาไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ ปล่อยให้คุณหมอณภัทรทานอาหาร ส่วนตัวเองก็จัดเตรียมหมี่กรอบวางเรียงใส่ในตู้กระจกสำหรับขายราดหน้าต่อในช่วงสาย ณภัทรจึงหันมาสนใจโจ๊กหมูแสนอร่อยที่ตัวเองหอบท้องมาฝากไว้ทุกเช้าบ้าง
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel