บทที่ 7 เป็นเธอจริงๆด้วย
ซ่งอวี้เจียวจากไปอย่างมีความสุข หลินไป๋และฉินเสวี่ยเหยาเดินเข้าไปในร้านอาหาร
ร้านอาหารหรูหรามาก สเต็กก็อร่อยมากเช่นกัน แต่ฉินเสวี่ยเหยาแทบจะคุยโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา
หลินไป๋อยู่ในอาการโคม่ามาสามปี แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกอาหารไม่ค่อยถูกปาก
เดิมทีเขาคิดว่าเทพธิดาทั้งเก้าในโลกสวรรค์จะเป็นเพียงความฝัน ไม่มีทางที่จะเป็นจริงได้
แต่ในตอนที่เขาได้ยินชื่อของเฉียวเฟยเยณ ก็เริ่มรู้สึกว่า สิ่งต่างๆ มันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด
“ผมอิ่มแล้ว หรือว่า เรากลับบ้านกันก่อนไหม?”
ฉินเสวี่ยเหยาพูดขึ้น อันที่จริง เธอแทบไม่ได้กินเลย
"ได้"
หลินไป๋พยักหน้า
ทั้งสองจ่ายเงิน ขับรถมุ่งตรงสู่ชุมชนวั่งเจียงโหลว
ที่นี่คือชุมชนไฮโซริมแม่น้ำอันโด่งดังของเมืองเจียง เป็นเพนท์เฮ้าส์ขนาดใหญ่ชั้นละห้องเท่านั้น พร้อมกับวิวแม่น้ำที่ยอดเยี่ยม แต่ละห้องมีมูลค่าอย่างต่ำสามสิบล้าน
บ้านของฉินเสวี่ยเหยาตั้งอยู่บนชั้นบนสุด รีโนเวทได้ค่อนข้างดี มีห้องนอนใหญ่ ห้องพักแขก ห้องอ่านหนังสือ และห้องออกกำลังกาย
“หลินไป๋ ของใช้ส่วนตัวของนาย อยู่ที่นี่หมดแล้ว นายลองไปดูก่อน”
ฉินเสวี่ยเหยาพาหลินไป๋เข้าไปในห้องนอนใหญ่ ขนาดของเตียงใหญ่มาก ไม่ถึงขั้นหรูหรา แต่ค่อนข้างสบายอบอุ่น
แถมยังฟุ้งไปด้วยกลิ่นหอมของผู้หญิง
หลินไป๋พยักหน้าเล็กน้อย เขาหาโทรศัพท์ของตัวเองเจออย่างรวดเร็ว
ฉินเสวี่ยเหยาออกไปรับโทรศัพท์อีกครั้ง ส่วนหลินไป๋ก็ชาร์จโทรศัพท์ของเขา และกดเปิดเครื่อง
จากนั้น เขาก็เริ่มค้นหาข้อมูลของเฉียวเฟยเยณบนอินเทอร์เน็ต
เฉียวเฟยเยณเป็นชื่อเสียงโด่งดังในเมืองเจียง บนอินเทอร์เน็ตมีรูปภาพของเธอด้วย ทันทีที่เขาเห็นรูปถ่ายของเธอ หลินไป๋ก็มั่นใจมากขึ้น
“เป็นเธอจริงๆ ด้วย”
หัวใจของหลินไป๋เต้นแรง เขาพยายามอย่างหนักที่จะสงบสติอารมณ์ แต่เขาไม่สามารถทำได้
เขาอดไม่ได้ที่จะไปหาเฉียวเฟยเยณในทันที!
เธอคือเทพธิดาที่ฝึกบำเพ็ญด้วยกันกับเขา!
ความฝันพันปี เป็นจริงงั้นเหรอ?
“หลินไป๋ คุณปู่ให้ฉันสองทางเลือก”
ฉินเสวี่ยเหยาเดินเข้ามาอีกครั้ง ด้วยสีหน้าที่เหนื่อยล้า:
"ถ้าเป็นหุ้นส่วนกับเฉียวเฟยเยณไม่ได้ ก็ต้องแต่งงานกับเฉียวซานซี"
“ถ้าฉันทำทั้งสองสิ่งนี้ไม่ได้ ฉันจะถูกไล่ออกจากตระกูลฉิน และสูญเสียทุกๆ อย่าง”
ฉินเสวี่ยเหยาถอนหายใจ ด้วยสีหน้าที่กังวล: "พรุ่งนี้ฉันจะไปงานเลี้ยงของตระกูลเฉียว ลองเสี่ยงดู แต่โอกาสไม่ค่อยเยอะ นาย..."
“พรุ่งนี้นายไม่ต้องไปหรอก รอฟังข่าวจากฉันอยู่ที่บ้านก็แล้วกัน”
คุณปู่ย้ำเตือนเธอหลายครั้ง ว่าห้ามพาหลินไป๋ไปงานเลี้ยงเด็ดขาด
“คุณควรพาผมไปด้วย ผมสามารถช่วยโน้มน้าวให้เฉียวเฟยเยณเป็นหุ้นส่วนกับคุณได้”
ในที่สุดหลินไป๋ก็สงบสติลง และตัดสินใจที่จะรออีกหนึ่งวัน
งานเลี้ยงคืนพรุ่งนี้ เขาจะได้พบกับเฉียวเฟยเยณอีกครั้ง
“ดาวมหาลัยคุณฉิน ถ้าคุณไปเอง ก็โดนเฉียวซานซีหลอกว่าจะช่วยคุณเท่านั้น แต่นอกเสียจากคุณจะถวายตัวให้เฉียวซานซี เขาไม่มีทางช่วยคุณจริงๆ หรอก”
“แต่ว่าเรื่องนี้ คนที่มีอำนาจการตัดสินใจคือเฉียวเฟยเยณ ถ้าคุณพาผมไป ก็จะทำให้คุณแตกต่างจากคนอื่น”
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของฉินเสวี่ยเหยายังคงดูไม่เชื่อ หลินไป๋จึงพูดต่อ:
“ผมอยู่ในอาการโคม่ามาสามปี เพิ่งจะฟื้นวันนี้ เฉียวเฟยเยณก็อยู่ในอาการโคม่ามาสี่ปี แล้วเธอก็ฟื้นวันนี้เหมือนกัน คุณไม่คิดว่า เธอจะเห็นอกเห็นใจผมบ้างเหรอ?”
“อีกอย่าง คุณดูแลแฟนที่นอนอาการโคม่าเป็นเวลาสามปี เธอต้องคิดว่าคุณแตกต่างจากคนอื่นแน่นอน เพราะฉะนั้น พาผมไปด้วย คุณถึงจะมีโอกาสสำเร็จมากกว่า”
ดวงตาของฉินเสวี่ยเหยาเป็นประกาย
เธอจ้องมองไปที่หลินไป๋อย่างยึดมั่น หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เธอก็พยักหน้าทันที: "นายพูดโน้มน้าวฉันได้แล้ว! พรุ่งนี้ฉันจะพานายไปงานเลี้ยง!"
"งั้นตกลงตามนี้"
หลินไป๋ยิ้มอย่างสดใส "ผมยังมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องจัดการ ผมจะไปที่ห้องพักแขก เย็นนี้ไม่ต้องเรียกผมกินข้าวนะ"
"โอเค"
ฉินเสวี่ยเหยาไม่สงสัยในตัวเขาเลย นั่นเป็นเพราะ หลินไป๋อยู่ในอาการโคม่ามาสามปี ตอนนี้อยากอยู่คนเดียวสักพัก ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
หลินไป๋มาถึงห้องพักแขก ปิดประตูลง จากนั้น นั่งขัดสมาธิลงบนพื้น และเริ่มการฝึกบำเพ็ญ
ในความฝัน เขาคือบุคคลอันดับหนึ่งในโลกสวรรค์ ชายผู้แข็งแกร่งที่สุดในระยะข้ามทัณฑืขั้นสูงสุด
แต่ตอนนี้ เขายังฝึกหลังชี่ไม่ถึงระดับแรกด้วยซ้ำ
ต้องพัฒนาความสามารถ ถึงจะมีความมั่นใจ!
เช้าวันรุ่งขึ้น
ทันทีที่หลินไป๋ลืมตาขึ้น ก็สูดหายใจเข้าออกเต็มปอด รู้สึกสดชื่นอย่างมาก
ฝึกพลังชี่ระดับหนึ่งแล้ว
ถือเป็นการก้าวเข้าสู่เกณฑ์การบำเพ็ญเซียนอย่างแท้จริง
แม้ว่าระดับพลังยุทธ์ของเขาจะต่ำมาก แต่ก็เป็นถึงผู้บำเพ็ญเซียน และมันก็เพียงพอที่จะเอาชนะคนธรรมดาบนโลกนี้แล้ว
หลินไป๋ลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้องพักแขก ก็พบฉินเสวี่ยเหยาเดินหาวออกมาจากห้องนอน
“ว้าว น่าสนใจจริงๆ”
ดวงตาของหลินไป๋เบิกกว้าง ชุดนอนของฉินเสวี่ยเหยาแอบโป๊เล็กน้อย เขาเห็นทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นส่วนที่ควรมองหรือไม่ควรมอง
"กรี๊ด......"
ทันใดนั้นฉินเสวี่ยเหยาก็อุทาน และรีบถอยกลับไปที่ห้องนอน
ปกติเธออยู่บ้านคนเดียว จึงแต่งตัวสบายๆ แต่เธอเพิ่งตื่นนอน ก็เลยลืมไปว่าในบ้านมีผู้ชายอยู่อีกคน
หลินไป๋รู้สึกเสียใจเล็กน้อย ที่ภรรยากำมะลอคนนี้ใจกว้างไม่พอ
“ดาวมหาลัยคุณฉิน ผมมีธุระต้องออกไปข้างนอก ตอนเย็นเจอกันที่บ้านตระกูลเฉียวนะ”
หลินไป๋พูดเสียงดัง หันหลังกลับแล้วเดินออกไป
ถึงแม้ดาวมหาลัยจะเป็นตัวเลือกที่ดี แต่เทพธิดาคงจะดีกว่า
เพื่อจะกลับไปพบกับเทพธิดาจิงเหลยของเขาอีกครั้ง เขายังคงต้องเตรียมการบางอย่าง
เวลาล่วงเลยมาถึงช่วงห้าโมงครึ่งตอนเย็น
ณ คฤหาสน์ตระกูลเฉียว เต็มไปด้วยผู้คนที่มีชื่อเสียง
ภายนอกคฤหาสน์ มีรถหรูแทบจะทุกประเภทจอดอยู่
“ชีวิตพวกคนรวย ไฮโซจริงๆ”
หลินไป๋ลงจากรถแท็กซี่ มองไปที่คฤหาสน์หลังใหญ่ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
"ที่รัก ออกมารับผมหน่อยสิ"
หลินไป๋ส่งข้อความถึงฉินเสวี่ยเหยา และรออยู่ที่หน้าประตู
จะต้องมีบัตรเชิญถึงจะเข้าไปได้ ซึ่งเขาไม่มี
“โห นี่ฉันเจอใครเนี่ย?”
น้ำเสียงที่พูดเกินจริงดังขึ้น “หลินไป๋?แกถูกรถชนจนอาการโคม่าแล้วไม่ใช่เหรอ?”
