บทที่ 5 ลูกรักพระเจ้าเฉียวเฟยเยณ
ฉินเสวี่ยเหยาตกตะลึงจนเบิกตากว้าง
นี่ ไอ้หมอนี่ต่อสู้เก่งขนาดนี้ได้ยังไง?
เขาเพิ่งจะฟื้นจากอาการโคม่าเองนะ!
นี่มันเหนือคำบรรยายจริงๆ!
"ฮือฮือฮือ..."
เสียงร้องของความเจ็บปวดดังขึ้น ใบหน้าของเฉียวซานซีเปลี่ยนเป็นสีแดง และพยายามดิ้นรนอย่างยิ่ง
“อย่า หลินไป๋ นายใจเย็นก่อน!”
ฉินเสวี่ยเหยาที่ตั้งสติได้ รีบเข้าไปห้ามหลินไป๋ "นาย รีบปล่อยมือ เดี๋ยวมีคนตายจริงหรอก!"
หลินไป๋เพียงแค่สะบัดมือ ก็ทำให้เฉียวซานซีล้มลงไปอยู่บนพื้น
“ไอ้สวะ กล้าที่จะฆ่าฉันงั้นเหรอ?ฉันขยี้นายตายด้วยมือเดียวยังได้เลย!”
หลินไป๋ก็เพิ่งได้สติเช่นกัน เพราะที่นี่ก็ไม่ใช่โลกสวรรค์ เขาไม่สามารถฆ่าคนได้ตามใจชอบ
"แค่กๆ ..."
เฉียวซานซียังคงไอไม่หยุด และสูดหายใจอย่างแรง
“คุณปู่คะ หลินไป๋เพิ่งฟื้น ยังไม่ค่อยมีสติมากนัก คุณปู่อย่าทำให้เขาโกรธเลยจะดีกว่านะคะ!”
ฉินเสวี่ยเหยากอดแขนของหลินไป๋เอาไว้ ทันใดนั้นเสียงของเธอก็นุ่มนวลลงอีกครั้ง:
“ที่รัก นาย นายอย่าใจร้อนนะ เราไปจากที่นี่กันเถอะ ฉันพานายกลับบ้านเอง”
ฉินเสวี่ยเหยาจับมือหลินไป๋แล้วจากไป เธอรู้ว่าออกไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า
ยิ่งไปกว่านั้น จู่ๆ เธอก็ตระหนักได้ว่า เธอยังรู้จักหลินไป๋น้อยเกินไป เธอยังคงต้องการที่จะพูดคุยกับหลินไป๋ให้ลึกซึ้งมากกว่านี้
และครั้งนี้ ก็ไม่มีใครห้าม
จนกระทั่งหลินไป๋และฉินเสวี่ยเหยาหายลับไปจากหน้าประตู เฉียวซานซีถึงมีสติกลับมา
“ไอ้ชั่วบ้านนอก อยากจะบีบคอฉันให้ตายจริงๆ ฉันจะต้องเอามันให้ตาย!”
เฉียวซานซีโกรธเหมือนฟ้าผ่า เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วเตรียมเรียกคนมาช่วย
แต่เสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้นเสียก่อน
เฉียวซานซีจึงกดรับสาย: "ฉันเอง..."
“อะไรนะ?เฉียวเฟยเยณฟื้นแล้วเหรอ?”
ตอนนี้
ใจกลางเมืองเจียง ทางเข้าคฤหาสน์สไตล์สวนเจียงหนานที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว มีรถยนต์คันหนึ่งเพิ่งจอดลง
ซูรั่วปิงในเสื้อกาวน์สีขาว แทบจะวิ่งเข้าไปในคฤหาสน์
ระหว่างที่วิ่ง ส่วนโค้งเว้าสั่นสะเทือนอย่างแรง
ภายในสวน มีสาวสวยในชุดเดรสสีขาวนั่งอยู่เงียบๆ ผมของเธอยาวจนถึงพื้น ใบหน้าที่มีเสน่ห์ซีดเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า สาวสวยในชุดเดรสสีขาวก็เงยหน้าขึ้นมอง และฉีกยิ้ม
“รั่วปิง ไม่เจอกันนานเลยนะ”
“เฟยเยณ เธอ เธอฟื้นนแล้วจริงๆ เหรอ?”
น้ำเสียงของซูรั่วปิงสั่นเทา เหมือนไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
คุณหนูตระกูลเฉียวผู้ที่เป็นเหมือนลูกรักพระเจ้าที่อยู่ตรงหน้า หยิงสาวอัจฉริยะที่ควบคุมทรัพย์สินนับแสนล้านตั้งแต่อายุยี่สิบ และได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในเมืองเจียงในอดีต เมื่อสี่ปีก่อนจู่ๆ ก็ตกอยู่ในอาการโคม่า ตระกูลเฉียวเสียเงินจำนวนมาก เพื่อค้นหาแพทย์ชื่อดังมากฝีมือ แต่ก็ไม่มีใครสามารถรักษาได้
ผู้คนต่างพากันสังเวชว่าผู้หญิงสวยมักมีโชคชะตาที่ไม่ดี สองปีมานี้ แม้แต่ตระกูลเฉียวก็ยอมแพ้ แต่ ซูรั่วปิงเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ยอมแพ้ เพราะยังไงแล้ว ทั้งสองก็เป็นเพื่อนสนิทกัน
“ใช่ ฟื้นแล้ว”
เฉียวเฟยเยณถอนหายใจเบาๆ "ฉันฝันอยู่นานมาก จากนั้น พอความฝันตื่น ฉันก็เลยตื่นด้วย"
“ฟิ้นแล้วก็ดี ฟื้นแล้วก็ดี!”
ซูรั่วปิงจับมือเฉียวเฟยเยณเอาไว้ “เฟยเยณ ให้ฉันช่วยตรวจร่างกายดูหน่อยนะ”
หลังจากนั้นไม่นาน ซูรั่วปิงก็ประหลาดใจ: "เฟยเยณ เธอเป็นเหมือนปาฏิหาริย์เลย เพิ่งฟื้นก็แข็งแรงมากขนาดนี้แล้ว แทบจะไม่มีปัญหาอะไรเลยสักอย่าง!"
“จะว่าไปก็แปลกเหมือนกัน ที่โรงพยาบาลฉันก็มีคนไข้ที่อาการโคม่ามาสามปี เขาก็เพิ่งฟื้นเมื่อเช้านี้เหมือนกัน เขาขยับเคลื่อนไหวตัวได้เหมือนคนปกติ ดูไม่เหมือนคนไข้เลย...”
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ซูรั่วปิงก็แอบรู้สึกเคือง ตั้งแต่เด็กจนโต ยังไม่เคยมีใครแตะหน้าอกเธอเลย!
แต่เธอไม่สามารถเรียกร้องอะไรกับคนที่เพิ่งฟื้นได้ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงเงียบปากสนิทเหมือนคนเป็นใบ้
“รั่วปิง ฉันได้ยินมาว่าหลายปีที่ผ่านมาเธอกำลังวิจัยวิธีที่ทำให้ผู้ป่วยอาการโคม่าฟื้น วันนี้ฉันกับผู้ป่วยของเธอฟื้นขึ้นมา ต้องเป็นเพราะงานวิจัยของเธอมีการพัฒนาอย่างมากแน่ๆ”
เฉียวเฟยเยณยิ้มเบาๆ
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็ดีสิ”
ซูรั่วปิงถอนหายใจ "เฟยเยณ ฉันขอพูดแบบไม่โกหก งานวิจัยของฉันไม่มีความคืบหน้าเลย เธอฟื้นขึ้นมาได้ก็เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดเหมือนกัน"
“ส่วนหลินไป๋ที่โรงพยาบาลฉัน เขาไม่ใช่คนไข้ของฉันด้วยซ้ำ…”
เฉียวเฟยเยณรีบคว้ามือของซูรั่วปิงในทันที ลมหายใจถี่ขึ้นเรื่อยๆ : "รั่วปิง เธอ เธอเรียกคนไข้คนนั้น ว่า ว่าอะไรนะ? "
“หลินไป๋ไง ทำไมเหรอ?”
ซูรั่วปิงสับสนเล็กน้อย "เฟยเยณ เธอเป็นอะไรไป?หรือว่าเธอรู้จักเขา? "
เฉียวเฟยเยณหายใจเข้าอย่างลึก พยายามสงบสติอารมณ์ที่ปั่นป่วนของตัวเอง
“ไม่ ไม่รู้จัก”
เฉียวเฟยเยณส่ายหัวเบาๆ และภาพนับพัน ในหัวของเธอ ค่อยๆ ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
“ทีรัก นั่นนายหรือเปล่า?”
……
ในขณะนี้ ฉินเสวี่ยเหยาที่ห่างจากคฤหาสน์เก่าของตระกูลฉิน หยุดจอดรถข้างถนน
“ทำไมฉันไม่รู้ว่านายต่อสู้เป็น?”
ฉินเสวี่ยเหยาอดไม่ได้ที่จะถาม
“ดาวมหาลัยคุณฉิน คุณไม่เคยรู้จักผมอยู่แล้ว”
หลินไป๋กล่าว
ฉินเสวี่ยเหยาพูดไม่ออก
เธอหยิบสัญญาฉบับหนึ่งออกมา ใช้ความคิดอยู่สักพัก และเพิ่มเลขศูนย์ลงไปในสัญญาสองตัว ก่อนที่จะยื่นให้หลินไป๋:
“นี่คือหนังสือสัญญาการแต่งงานของเรา นายเซ็นก่อนเลย”
“วันนี้วันอาทิตย์ ศาลปิด รอวันจันทร์หน้า เราค่อยไปจดทะเบียนสมรสกัน”
"ฉันขออธิบายให้ชัดเจนอีกครั้งนะ ถ้านายขายฉันไปเรื่อยอีก นายจะต้องจ่ายค่าเสียหายหนึ่งพันล้าน!"
ในเมื่อไอ้หมอนี่หลงเงินมากนัก ก็ต้องใช้เงินมัดเขาเอาไว้!
หลินไป๋เซ็นชื่ออย่างไม่ต้องคิดมาก เนื่องจากไม่มีคนโง่คนไหนยอมให้เงิน เขาจึงทำได้เพียงหาเงินจากฉินเสวี่ยเหยา
"ไปกันเถอะ ฉันจะเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่เอง!"
ฉินเสวี่ยแหยาเก็บหนังสือสัญญาอย่างพอใจ ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
หลังจากขับรถต่อไปอีกสิบนาที ก็มาถึงทางเข้าร้านอาหารตะวันตกแห่งหนึ่ง
ทันทีที่ฉันลงจากรถ ก็ได้พบกับชายและหญิงคู่หนึ่งออกมาจากร้านอาหาร ผู้หญิงคนนั้นมีเสน่ห์มาก ส่วนผู้ชายก็กล้ามเป็นมัดๆ
“อุ้ย ฉินเสวี่ยเหยา เธอไม่เสแสร้งต่อแล้วเหรอ?”
หญิงสาวผู้มากสน่ห์ทำหน้าประชด "ซีอีโอสาวสวยผู้มีความรักอันบริสุทธิ์จนทำให้คนทั้งเมืองเจียงรู้สึกซึ้ง ในที่สุดก็แอบออกมากับกิ๊กแล้วเหรอ? "
