บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ตอนที่ 3

“นี่สรุปเราจะไปพัทยากันจริงๆ เหรอ วันเดียวเองนะ พรุ่งนี้ก็ต้องกลับแล้ว”

“ทำไม...ใกล้ๆ แค่นี้ไปคืนเดียวจะลงแดงตายรึไง” ทับทิมเจ้าเก่ากับมารีเถียงกันฉอดๆ ถึงทริปกะทันหันที่ฉันเป็นคนนำเสนอและรวมพลให้มาพบกันโดยพร้อมเพรียง

ชีวิตของฉันก็มีเท่านี้แหละ มีเพื่อน...เป็นทุกอย่างที่ดีที่สุด เป็นครอบครัวในขณะที่ครอบครัวจริงๆ ไม่เคยเป็นให้ เป็นพี่น้องในขณะที่พี่น้องจริงๆ กลับมีแต่ความเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัวกับฉัน

“พาโอลีฟมันไปพักสมอง พักร่าง...” แก้วแทรกขึ้น

“อ้อ...มึงยังไม่ปลงเหรอโอลีฟ ถ้าเป็นกูนะเออ...กูยอมรับสถานะของตัวเองได้ไปนานแล้ว หรือไม่ก็ห่างๆ กันไปมองหาคนใหม่ดีกว่า รอไปมันจะได้อะไรขึ้นมา หรือมึงคิดจะเป็นเมียน้อยไปจนวันตาย”

“มารี!มึงแรงไปป่ะวะ ถ้าเลือกได้มันอยากเป็นซะเมื่อไหร่” ทับทิมออกปากเถียงแทนฉันทั้งที่มันเองก็เห็นด้วยกับมารี...ฉันรู้

“ไม่แรงมันแทงไม่ถึงใจไง...มึงก็เห็นว่ามีแต่ปัญหา สักวันถ้าเมียเขาสืบรู้จริงๆ จังๆ ขึ้นมาแล้วทำตามที่ขู่มึงจะทำยังไง มึงมีงานทำแล้วนะโอลีฟหาเลี้ยงครอบครัวได้โดยไม่ต้องพึ่งเขา แล้วน้องสาวมึงน่ะ มันก็มีผัวมีเชื้อไปแล้วด้วยให้มันหากินเองบ้าง ไม่ใช่มาขูดรีดเอากับมึงทุกอย่างเหมือนคนพิการแบบนั้น”

อีกปัญหาหนึ่งที่เพื่อนรู้ใจทราบกันดีถึงหลายสิ่งหลายอย่างที่ฉันต้องรับผิดชอบเกินตัวมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ก็ถูกของพวกมัน...ไม่มีอะไรผิดเลย ผิดที่ฉันคนเดียวเท่านั้นแหละ...

“ถ้ามึงรักเขา มึงก็ต้องปล่อยให้เขาอยู่กับครอบครัวเขาอย่างมีความสุขนะโอลีฟ ไม่ใช่อย่างที่ทำอยู่นี้” แก้วเสริมขึ้น ทุกคนที่นั่งในห้องรับแขกดูเครียดไปหมดหลังจากรับประทานอาหารและของว่างเสร็จ รอเวลาได้ฤกษ์เดินทาง

แล้วเรื่องของฉันจึงถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นหัวข้อสนทนาอีกครั้ง

“พี่เพิร์ทกับคุณม่านฟ้าเขาไม่ได้รักกันแล้ว เขาแค่อยู่...เพื่อลูก...” ฉันพยายามบอกเหตุผล แต่มันฟังเหมือนข้ออ้างมากกว่า

“มึง!...ไอ้คำว่าอยู่เพื่อลูกเนี่ย ผู้ชายมันใช้ตามบรรพบุรุษมันมึงรู้ไหม กี่ชาติกี่ศาสนาเหตุผลนี้ไม่เคยตกเทรนด์เลยจริงๆ ให้ตายเถอะ” สิ่งที่มารีพูดทำให้ฉันค่อนข้างอึ้งและจุกจนพูดอะไรไม่ออก ทุกคนมองฉันเป็นสายตาเดียวกัน จนฉันต้องถอนหายใจแบบดราม่า...

“กูไม่รู้จะทำยังไงดี กูขอเวลาหน่อยได้ไหมกูอยู่กับเขามาสามปี พี่เพิร์ทดีกับกูทุกอย่าง กู...ยังทำใจให้ยอมรับไม่ได้ถ้าสักวันนึงจะต้องไม่มีเขาอีกต่อไป”

“กูเข้าใจนะ ว่ามึงผูกพันกับเขาแค่ไหน เทิดทูนเขายังไงกูขอให้เวลาช่วยมึงกับการตัดสินใจครั้งนี้นะเพื่อน” ทับทิมตบบ่าฉัน...กำลังใจจากคำพูดไม่กี่คำเรียกน้ำตาของฉันให้ไหลพราก

ฉันซุกหน้าเข้าหาอ้อมกอดของเพื่อนที่รอรับอยู่แล้วอย่างหมดอาลัย

ไม่มีใครรู้หรอกว่าที่ที่ยืนอยู่ตรงนี้มันทรมานขนาดไหนไม่มีใครเข้าใจหรอกว่าคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางพายุกระหน่ำ รอบข้างมีแต่สายน้ำกรรโชกแรงพัดกระทบอยู่ตลอดเวลา แล้วมันมีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งไว้เกาะกันพลัดตกไปตามกระแสน้ำนั้น มันทุกข์ทนท้อแท้ใจยังไงเมื่อถึงเวลาต้องปล่อยมือจากที่ยึดเหนี่ยวหนึ่งเดียวซึ่งเคยพึ่งพิงตลอดมา

“เออๆ กูขอโทษ มึงหยุดร้องเถอะโอลีฟ เราเดินทางกันเลยดีกว่าอาหารเริ่มย่อย ขับรถเรื่อยๆ พอได้กินลมชมวิวกัน” มารีรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาฉันรู้สึกผิดกับทุกๆ เรื่องและกับเพื่อนทุกคน

แต่ความอัดอั้นมันจุกแน่นจนไม่อาจบรรยายความรู้สึกอะไรออกมาได้ แม้แต่จะเรียบเรียงถ้อยคำในหัวสมองฉันยังสับสนเลย คงถึงเวลาแล้วจริงๆ ที่ฉันจะต้องหาทางหยุด! เสียที

“แล้วเรื่องคนที่ขู่มึงล่ะวะ...จะเอายังไง”

ฉันปาดน้ำตาลวกๆ พอให้หมาดแก้มแล้วหันมองมารี

“กูไม่รู้เลยมึงว่าเขาเป็นใคร อาจเป็นผู้หญิงคนใดคนหนึ่งของพี่เพิร์ท”

“มึงเคยเจอเด็กเขาคนอื่นบ้างป่ะล่ะ...”

“ไม่เคยนะ ไม่เคยเจอใครแบบจะจะสักคน นอกจากมีโทร.มาโวยวายบ้าง แต่หลังๆ ก็ไม่มีแล้ว นอกจากข้อความแปลกๆ แล้วก็อะไรหลายๆ อย่างที่เล่าให้พวกมึงฟังนี่แหละ”

“มันอาจจะเป็นคนคนเดียวกัน” แก้วตั้งขอสันนิษฐานหลังจากฉันเล่าความจริงทุกอย่างให้ฟัง

“ตอนแรกกูก็ไม่คิดอะไร แต่มันเกิดขึ้นบ่อยมาก วันก่อนก็มีคนส่งซากแมวตายมาที่โรงเรียนด้วยกูก็เลยเริ่มเอะใจว่ามันไม่ใช่การระรานเหมือนก่อนๆ แล้ว บางทีสักวันมันอาจทำอะไรกูจริงๆ ก็ได้ เพราะกูก็ไม่รู้ว่ามันเป็นใครอยู่ที่ไหน มีแต่มันที่รู้...”

“เออ...อันดับแรก กูแนะนำให้มึงไปแจ้งความซะ ลงบันทึกประจำวันเอาไว้ก่อน แล้วก็ระวังตัวให้มากขึ้นหน่อย หรือไม่มึงอาจต้องปรึกษาเรื่องนี้กับคุณเพิร์ท เผื่อเขาจะช่วยอะไรได้บ้าง” ทุกคนพยักหน้าเห็นพ้องกับสิ่งที่ทับทิมเสนอแนะมา แม้แต่ฉันเองก็เอนเอียงฟังคำมันชี้ทางให้

“กูไม่อยากพูดไม่อยากบอก เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย อีกอย่าง...กูไม่ได้อยู่ในฐานะจะเรียกร้องอะไรกับเขามากมาย กูก็อยู่ของกู เขาไม่มาหากูก็เฉย มากูก็ทำตามหน้าที่ ทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง”

“มึงนี่สุดยอด...ถ้ากูไม่ใช่เพื่อนมึงกูคงมองว่ามึงเข้มแข็งมากๆ แต่ที่ไหนได้...หัวใจของมึงมันมีแต่รอยแผลทั้งที่มึงยังยิ้มอยู่”

ฉันถึงกับแสยะยิ้มให้กับคำวิจารณ์ของทับทิม นอกจากฉันจะสงสารตัวเองอย่างจับใจแล้วฉันยังรู้สึกสมเพชเสียเหลือเกิน แต่ก็นะ...ฉันยังเลือกทนกับมันราวกับเข้มแข็งเสียเหลือเกิน

“มึง...จะสามโมงแล้วเนี่ย พวกเราจะไปกันได้ยัง...” ไอ้แก้วทักขึ้น เราทุกคนจึงนึกได้ว่ามีวางแผนจะไปพัทยากัน จากนั้นไม่ต้องถามความอะไรมากต่างคนก็ต่างแยกย้ายลุกไปหอบหิ้วสัมภาระของตัวเองและวิ่งเร่าๆ ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดไปขึ้นรถพร้อมกับลืมความทุกข์ที่สุมหัวกันเมื่อครู่เสียสนิท

นี่แหละ...เพื่อนของฉัน

“มึงๆ คราวนี้แหละ หาผัวใหม่ซะเลย ฝรั่งพัทยาเยอะแยะ หล่อๆ ล่ำๆ เดินกันให้ควั่ก ลองงาบลงทะเลไปสักคนคร้านจะติดใจลืมไซซ์เอเชียไปเลยก็ได้” แก้วที่นั่งเบาะหน้าหันมาเปิดประเด็นทันทีเมื่อทับทิมขับรถออกมาถึงถนนใหญ่

มารีสงบกว่าใครเพราะมันกินเสียจนท้องไส้แทบแตก ขึ้นรถมาก็เอาโทรศัพท์เปิดเพลงเสียบหูฟังเข้าหูแล้วก็หลับอย่างว่าง่ายข้างๆ ฉัน ส่วนฉัน...ก็นั่งเหม่อออกไปนอกหน้าต่างรถคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

มาสะดุดดึงสติได้อีกครั้งก็เมื่อได้ยินเสียงแหลมๆ ของแก้วนี่แหละ

“มึงรู้ได้ไงอีกแก้วว่าคุณเพิร์ทเขาไซซ์เอเชีย บางทีอาจจะโกอินเตอร์ก็ได้นะเว้ย...” ทับทิมรับหน้าที่ลูกคู่รับมุกทันที ฉันนึกขำเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ออกความเห็นอะไรกับพวกมัน

“กูเดา แหม...มึงก็ พูดซะกูอยากรู้ขึ้นมาจริงๆ เลย”

“ไม่เห็นจะยาก...มึงถามโอลีฟดิ...มาตรฐานของคุณเพิร์ท เอเชียหรือยุโรป...”

“เวอร์วังละพวกมึง เวลาเลือกผู้ชายเนี่ยมึงมองแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวกันเลยใช่ไหม”

“ใช่!!/ใช่!!” ถึงกับตอบพร้อมเพรียงเป็นเสียงเดียว

“เอ๊ย!ไม่ใช่ กูล้อเล่น เห็นมึงเหม่อเป็นหมาเหงาตั้งแต่ออกจากบ้านแล้ว ไหนๆ ก็มาเที่ยวทั้งทีมึงก็ลองเปิดโอกาสให้ตัวเองบ้างอย่างที่อีแก้วมันนำเสนอน่ะดีแล้ว แต่ไม่ต้องถึงกับลากไปกินในน้ำเหมือนอีแก้วมันหรอกนะ ก็ไม่อยากมีเพื่อนเป็น...เพิ่มอีกคน...” คำพูดของทับทิมทำให้ฉันหัวเราะ มันเข้าใจละคำเด็ดเอาไว้ในฐานที่เข้าใจ

“เป็นอะไรวะ...แน่จริงมึงพูด!”

“เป็น...เชี่ย!!...” ทับทิมละสายตาจากท้องถนนแวบหนึ่งมาแสยะยิงฟันใส่หน้าแก้ว ฉันได้แต่หัวเราะขณะที่มันสองคนกัดกันเป็นวรรคเป็นเวร

“กูรู้ว่าบางทีมึงก็อยากจะคาบใครสักคนไปกินให้สมกับความอดอยาก แต่เพราะไม่มีใครหลงเข้ามาใกล้รัศมีห่วงเอวมึงสินะ มึงถึงได้แต่ริษยาในความอิ่มเอมของกู...” แก้วแขวะไม่หยุด

“ด่าอย่างอื่นกูไม่ว่า...แดกดันเรื่องห่วงกูดราม่าใส่แล้วมึงจะหนาว”

“แทงใจดำมึงอ่ะดิ เฮ้ย!!ทับทิม!!!!”

เอี๊ยด! “ว้าย!!!” เสียงเบรกรถทำงานแข่งกับเสียงวี้ดว้ายด้วยความตกใจของพวกเรา รถเหวี่ยงตัวหมุนกลางถนนเพราะความไม่ได้ตั้งตัวของคนขับ ในที่สุดก็ไถลมาจอดข้างทาง

โชคดี...ที่ความเร็วไม่ได้สูงนัก ทำให้ทับทิมตั้งสติบังคับรถได้ทันท่วงที ทางค่อนข้างโล่งจึงไม่ถูกรถคันอื่นชนขณะหมุนคว้าง ไม่มีต้นไม้ใหญ่รอบๆ บริเวณขอบถนน พวกเราจึงรอดพ้นจากการถูกอัดก๊อบปี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel