ผู้หญิงคนโปรด

96.0K · จบแล้ว
พิฆณีย์
55
บท
4.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

"ทันทีที่คลอดฉันจะตรวจดีเอ็นเอ และหากไม่ใช่ลูกของฉันเธอก็เอาเด็กคนนั้นไปให้พ้น"

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันประธานนอกใจดราม่านักศึกษา18+มีลูก

ค่อยว่ากัน

ตอนที่1 ค่อยว่ากัน

           สายตาคมเข้มของชนะวิทร์หนุ่มนักธุรกิจวัยสามสิบปีมองไปที่เรือนร่างของสาวพริตตี้คนหนึ่งอย่างละสายตาไปไหนไม่ได้จนเพื่อนที่มาด้วยกันสังเกตเห็น

           “เอามั้ย กูดีลให้”

           “เด็ก”

           “มึงไม่เอาก็มีคนเอาไปอยู่ดี”         ชายหนุ่มเหลือบมองเพื่อนด้วยสายตาดูแคลน        คนที่พูดเรื่องนี้กับเขามันเป็นถึงหมอศัลยแพทย์ชื่อดังที่มีคนเคารพมากมาย ‘เบื้องหน้ามันเป็นหมอเทวดาแต่เบื้องหลังมันถูกเรียกว่าหมอปีศาจ’

           “น้องภัสเสิร์ฟเครื่องดื่มโต๊ะนั้นด้วยนะคะ”

           “ได้ค่ะ”  หญิงสาวที่เขาแอบสำรวจรูปร่างของเธอ และคำนวณสัดส่วนไว้ในสมองส่วนความกระหายเข็นรถเครื่องดื่มมาตามที่ผู้จัดการสั่ง ราวกับเธอรู้ว่าเขาสนใจอยู่จึงได้แทรกเอาเครื่องดื่มมาวางตรงระหว่างเขากับหมอนพดล กลิ่นหอมหวานของน้ำหอมจากตัวเธอยิ่งกระตุ้นอารมณ์บางอย่างขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ กระทั่งเธอเข็นรถเครื่องดื่มไปที่โต๊ะอื่นต่อเขาก็ยังไม่คิดทำอะไรสักอย่าง

           “สรุปไม่เอา?”

           “ถ้าเจออีกครั้ง ค่อยว่ากัน”

หนึ่งปีต่อมา

“แล้วอย่างผมเนี่ย น้องภัสว่าเหมาะกับน้ำหอมกลิ่นไหนครับ”  หนุ่มนักธุรกิจหน้าใหม่มาดเจ้าชู้ถามเธอตาหวานเชื่อมทั้งที่เพิ่งเจอกันไม่กี่นาที หญิงสาวยังยิ้มให้ตามหน้าที่เธอแม้ไม่ชอบเอาเสียเลย

           “คุณผู้ชายน่าจะเหมาะกับกลิ่นสปอร์ตแมนค่ะ น้องภัสขออนุญาตนะคะ”  เธอฉีดน้ำหอมตัวทดลองใส่ข้อมือของเขาเหมือนที่ทำให้กับลูกค้าทุกคนที่อยากลอง ใจก็รู้ดีว่าชายหนุ่มไม่ได้สนใจน้ำหอมมากขนาดนั้น

           “อื้ม กลิ่นนี้เหมาะกับผมจริง ๆ ด้วย”

           “รับกี่ขวดดีคะ”

           “ปกติผมใช้พวกเคาต์เตอร์แบรนด์นะ แต่วันนี้ผมจะช่วยน้องภัสทำยอดก็แล้วกัน เอาห้าขวดนะ”

           “ได้เลยค่ะรอสักครู่นะคะ”  เธอรีบส่งหันไปบอกให้ทีมงานเบื้องหลังรีบจัดแพคน้ำหอมใส่ถุงกระดาษเล็ก ๆ 5 ถุง ก่อนจะนำมันไปยื่นให้ชายหนุ่มที่ชำระเงินกับแคชเชียร์เรียบร้อยแล้ว แต่เขากลับคว้าเข้าที่มือนุ่ม

           “นี่นามบัตรผม อยากมีเงินใช้ติดต่อมาแล้วกัน”

           “ค่ะ”  หญิงสาวยิ้มหวานกลับพร้อมดึงนามบัตรนั้นมาไว้ในมือตัวเองตามมารยาท...เธอไม่เก็บมันไว้ด้วยซ้ำ

           “ท่าทางขี้หลีเกิ้น”

           “นารา! หายไปเข้าห้องน้ำหรืออู้เนี่ยเมื่อกี้ลูกค้าเยอะมากเลย”

           “ไปเข้าห้องน้ำจริง ๆ เราท้องผูก”  นารายิ้มตาหยีให้อย่างมีพิรุธ จริง ๆ แล้วเมื่อยขาที่ยืนบนส้นสูงเป็นเวลานาน

           “มะรืนมีงานเบียร์ รับมั้ย”

           “ที่คุยกันวันนั้นน่ะเหรอ”

           “นั่นแหละ”

           “เดี๋ยวดูก่อนนะ มันไกล”

           “ไปเถอะ ตั้งห้าพันนะงานนี้ทิปดีด้วยนอนรีสอร์ทแถวนั้นแล้วค่อยกลับก็ได้”

“อื้ม ไปก็ได้”

พรลภัส เลิศปัญญา ปัจจุบันนักศึกษาสาวปี3 ส่งตัวเองเรียนตั้งแต่มัธยมปลายเพราะพ่อแม่ประสบอุบัติเหตุทางรถกลางสายฝนเสียชีวิตทั้งคู่ ไม่ใช่แค่เธอที่ปากกัดตีนถีบเพราะยังมีณัฐดนัยน้องชายที่คลานตามกันมาชะตาก็ไม่ต่างกับเธอ

ตืด..

น้องรัก

“กลับดึกมั้ย”

“กำลังกลับ อีกหนึ่งชั่วโมงน่าจะถึงเอาอะไรหรือเปล่า”

“ไม่เอาอะไรหรอก แค่โทรถาม”  พรลภัสวางสายน้องชายที่โทรถามเป็นกิจวัตรก่อนจะเปลี่ยนใส่เสื้อยืดกางเกงวอร์มขายาวโบกมือลาเพื่อนร่วมงานก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน...บ้านที่ผ่อนอยู่ไม่รู้จะรอดหรือเปล่า

เมื่อมาถึงบ้านน้องชายที่นั่งรอก็เปิดประตูให้ ทั้งที่ควรจะนอนได้แล้ว

“กลับดึก?”  

“ยังไม่นอนอีกเหรอ”

“ก็รอพี่ภัส”

“ก็บอกว่าอีกหนึ่งชั่วโมง ทีหลังไม่ต้องรอนอนเลยนะ”

“อืม”  คนน้องตอบพลางก้มหน้าลงเล่นเกมในมือถือต่อ  ณัฐดนัยทำงานเสิร์ฟอาหารช่วงเลิกเรียนกว่าจะเลิกงานก็สี่ทุ่ม แถมคืนนี้ยังอยู่รอเธอจนเที่ยงคืนอีก

“เล่นรอบนี้จบแล้วก็ไปนอนนะ ดึกแล้ว”

“โอเค”  เรียวคิ้วสวยขมวดเมื่อเห็นน้องนั่งตัวงอนิด ๆ ดูไม่ปกติ

“เป็นอะไร ปวดท้องเหรอ”

“อือ กินยาแก้ปวดแล้ว”

“ถ้าไม่หายก็บอกนะ จะได้ไปหาหมอ”

“ปวดนิดเดียว ขึ้นไปนอนเถอะเดี๋ยวณัฐจะปิดไฟเอง”

…..

พรลภัสทำงานหนักเพราะรู้ว่าเธอกับน้องชายไม่ได้มีเบาะนุ่ม ๆ รองรับเหมือนลูกคนรวยที่มีกันพร้อมหน้าพร้อมตา มันเหนื่อยที่ต้องนอนดึกแล้วตื่นมาเรียนให้ไหว หลายครั้งที่ต้องนั่งหลับบนแท็กซี่ทั้งที่รู้ว่ามันอันตราย

“หนู ถึงมหาลัยแล้วนะ”  พรลภัสเหยียดหลังตรงฉับทั้งที่ยังงัวเงียไม่หาย

“ขอโทษที่ต้องให้ปลุกนะคะ”

“อย่าไปนอนแบบนี้กับคันอื่นนะลูก มันอันตราย”

“จะพยายามค่ะลุง” 

เธอเดินไปยังหน้าห้องสมุดที่ประจำ ก็เจอนารานั่งรออยู่ก่อนแล้ว พร้อมกับยื่นชุดที่ต้องใส่ทำงานคืนนี้ให้เธอ

“โห”

“ปกติ งานแบบนี้”  ยังไม่ทันที่เธอจะบ่นนาราก็ชิงแก้ต่าง ก่อนเธอจะนั่งลงคุยอะไรกันเรื่อยเปื่อยรอถึงเวลาเรียน

“ปีหน้าณัฐก็เข้ามหาลัยแล้วหนิ”

“อืม สอบเข้าที่นี่แหละ”

“บ้านก็ส่ง น้องก็เรียนต่ออีก”

“แค่คิดก็เหนื่อยเลยอะนารา”  พรลภัสแกล้งบ่นทั้งที่เธอนั้นเหนื่อยแบบนี้จนชินเสียแล้ว โชคดีของเธอที่เป็นผู้หญิงพอใช้หน้าตาหากินได้ และงานที่ทำมันก็ได้เงินมากกว่าน้องชายเยอะ ....

เรียนเสร็จเธอกับนาราก็ขึ้นแท็กซี่จะไปลงที่หน้างานไม่ได้แวะกลับบ้านเพราะที่จัดงานอยู่ค่อนข้างไกลต้องเผื่อเวลา

ตืด..ตืด..

“ฮัลโหล”

“พี่สาวของณัฐดนัยใช่มั้ยคะ”

“ชะ..ใช่ค่ะ มีอะไรเหรอคะ”  แม้ไม่รู้ว่าปลายทางโทรมาด้วยเรื่องอะไรแต่พรลภัสก็ชิงเสียงสั่นไปก่อนแล้ว

“ฉันเป็นครูประจำชั้นของณัฐดนัยนะคะ แกปวดท้องรุนแรงเลยพามาส่งโรงพยาบาลค่ะ”

“ที่ไหนคะ”

.....

 

           หญิงสาวในชุดนักศึกษาวิ่งเข้ามาในโรงพยาบาลเอกชน หลังให้แท็กซี่จอดส่งเธอก่อน และไปส่งนาราต่อ มือนิ่มทั้งสองข้างเย็นเฉียบกลัวณัฐดนัยเป็นอะไรไป... ‘เธอไม่เหลือใครแล้วนะ’

           “หนูเป็นญาติของนายณัฐดนัยค่ะ”

“เชิญที่ห้องคุณหมอนพดลห้องแรกเลยนะคะ คุณหมอรอคุณอยู่”  พรลภัสรีบไปห้องที่ว่าอย่างไม่ลังเล และลืมเคาะประตูตามมารยาทด้วยความร้อนใจ

“ญาติณัฐดนัยใช่มั้ย”

“ใช่ค่ะ น้องหนูเป็นยังไงบ้างคะ”

“เป็นพี่สาวเขาสินะ”  พรลภัสพยักหน้าซื่อ แต่ในใจนึกบ่นความลีลาของหมอไปแล้ว

“คนไข้ไส้ติ่งอักเสบนะ ต้องรีบผ่าตัด”

“แล้วยังไม่ได้ผ่าเหรอคะ!”

“รอญาติเซ็นต์ยินยอม ตามกฏของโรงพยาบาลครับ”