ถูกบล็อก
ขณะที่อักษะกำลังเดินทางไปที่สนามบินเพื่อขึ้นเครื่องบินส่วนไปที่งานเลี้ยงที่คุณลุงได้ขอร้องไว้เมื่อคราวก่อน หลังจากที่อีกฝ่ายเอ่ยปากแบบนั้น ทั้งเขาและภรรยาจึงไม่สามารถปฏิเสธคำขอร้องนั้นได้ โดยที่ตอนนี้เรนิศล่วงหน้าไปรอที่สนามบินก่อนแล้ว
“เรื่องที่คุณอักษะให้ผมจัดการเรียบร้อยแล้วครับ” ณภัทรยื่นซองบางอย่างให้เจ้านาย
“ขอบใจมาก”
อักษะรับซองสีน้ำตาลนั้นมา ก่อนจะรีบเปิดออก เผยให้เห็นข้อมูลของตึกชาร์ลอตต์ทาวน์เวอร์ชั้น 35 โดยมีร้านอาหารสเปคตรัมเลาจ์ครอบครองเพียงร้านเดียวในชั้นนั้น
“เจ้าของเป็นใคร” อักษะเอ่ยขึ้น
“เจ้าของคือคุณคีรี ทายาทตระกูลวงศ์เวศที่พึ่งจะขึ้นมารับตำแหน่งประธานบริษัทเมื่อไม่นานมานี้ครับ”
“งั้นเหรอ” เขามองเอกสารในมือ ทั้งข้อมูลส่วนตัวละเอียดยิบและรูปภาพของอีกฝ่าย “หน้าตาดีไม่น้อยนี่”
“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอกครับ เพราะก่อนหน้านี้เขาพึ่งจะสูญเสียเงินหลายล้านเพื่อแย่งชิงดีแลนด์กรุ๊ปกับพวกเรา”
“อ้อ เป็นเขาเองเหรอ” อักษะจำได้ทันที เมื่อจู่ๆ มีบริษัทหนึ่งเข้ามาปั่นป่วนการเซ็นสัญญาของเขาและดีแลนด์กรุ๊ป แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สำเร็จ
“ใช่ครับ” ณภัทรพยักหน้า สายตาแอบมองกระจกหลังแวบหนึ่ง เห็นเจ้านายยังคงนิ่งเงียบ “ข้อมูลอีกส่วนไม่สามารถหาได้แล้ว ทั้งกล้องวงจรปิดและสาเหตุที่คุณเรนิศไปที่นั่น ผมไม่ทราบจริงๆ ต้องขออภัยด้วยครับ”
“ไม่เป็นไร ฉันจะเป็นคนหาคำตอบนั้นเอง” อักษะกล่าวอย่างไม่ไยดี พลันนึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้ภรรยาใช้เงินมากกว่าปกติ “อย่าลืมตรวจสอบเส้นทางการเงินของเธอด้วยแล้วกัน”
“ครับ”
ขณะที่กำลังจะเก็บเอกสารเหล่านั้นเข้าที่เดิม แต่สายตาดันเหลือบไปเห็นรูปภาพหนึ่ง ขณะที่คีรีเดินกำลังจะขึ้นรถ เสื้อผ้าและทรงผมของเขาไม่เรียบร้อยมากนัก แต่สิ่งหนึ่งที่ติดใจอักษะมากที่สุดคือรอยลิปสติกสีแดงบนใบหน้าของอีกฝ่าย
“รูปนี้ถ่ายตั้งแต่เมื่อไหร่” น้ำเสียงรีบร้อนเอ่ยขึ้น
“รูปนี้ถ่ายวันที่คุณอักษะสั่งให้ผมไปตรวจสอบเลยครับ เป็นวันที่เราไปคุยกับดีแลนด์กรุ๊ป”
“เวลาล่ะ”
“ช่วงประมาณบ่ายสองครึ่งครับ”
“แล้วเรนิศเดินลงมาจากสเปคตรัมเลาจ์กี่โมง”
“ประมาณบ่ายสองสิบห้าครับ” ณภัทรรีบหันกลับไปมองเจ้านาย ก่อนจะเอ่ยแย้งออกไป “ผมไม่คิดว่าคุณเรนิศจะทำเรื่องเสื่อมเสียแบบนั้นหรอกนะครับ อย่างที่ใครๆ ก็รู้ว่าเธอรักคุณอักษะมากขนาดไหน”
“ฉันไม่ได้ถาม” เขาส่งสายตาเตือนเลขาไป อีกฝ่ายรีบปิดปากตนเองและหันกลับไปทันที
ชายหนุ่มจ้องมองรูปภาพของคีรีด้วยความไม่พอใจ นิ้วมือหนาสัมผัสใบหน้าในภาพไปมา พยายามใช้นิ้วขีดลบรอยนั้นออก ทว่าลิปสติกสีแดงยังคงเด่นชัดบนใบหน้าอีกฝ่าย
เหมือนกับของเขาไม่มีผิด…
รอยลิปสติกสีแดงที่เธอได้ประทับลงบนแก้มของเขาในวันนั้น
“เธอคิดจะทำอะไร…” เขาพึมพำ
นึกถึงพฤติกรรมแปลกๆ ของภรรยาในช่วงนี้ นับตั้งแต่ที่ออกมาจากโรงพยาบาลเธอเปลี่ยนไปหลายอย่าง ทั้งสไตล์การแต่งตัว นิสัยที่คล้ายจะสุขุมขึ้นมาก แถมยังได้ยินจากแม่นมว่าภรรยาพูดคุยกับเหล่าคนใช้ ทั้งที่ปกติไม่เคยทำ
อีกทั้งไม่ยอมเรียกเขาว่าพี่ และที่สำคัญที่สุดคือไม่ได้ดีใจที่ได้พบเจอหน้าเขาเหมือนอย่างทุกครั้ง
“นายคิดว่าช่วงนี้เรนิศเปลี่ยนไปบ้างหรือเปล่า” จู่ๆ เขาก็โพล่งถามขึ้นมาโดยไร้สาเหตุ คิ้วหนาขมวดชนกัน
“แอบมีคิดบ้างนะครับ วันล่าสุดที่เจอเธอก็พบว่าเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวใหม่ แถมยังดูนิ่งกว่าปกติด้วย แล้วที่สำคัญที่สุดเลยนะครับ…”
“อะไร รีบพูดมา” เขาเร่งรัด
“เธอดูจะไม่หึงหวงคุณอักษะเหมือนที่ผ่านมา”
“หึงหวง? นายพูดอะไร”
“ทุกครั้งที่คุณเรนิศก่อเรื่องก็เป็นเพราะหึงหวงคุณอักษะกับรันดา แต่หลายวันมานี้กลับเงียบผิดปกติ” ณภัทรพูดชวนให้สงสัย ก่อนที่เขาจะเอ่ยสิ่งที่ได้รู้มา “เมื่อวานผมลองตรวจสอบโซเชียลมีเดียของคุณเรนิศดู แล้วพบว่าเธอไม่ได้ติดตามทั้งคุณอักษะและรันดาเลย ทั้งที่ก่อนจะเข้าโรงพยาบาลยังติดตามอยู่แท้ๆ”
อักษะเลิกคิ้วสูงพลางสงสัยตามคำพูดของเลขา แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่เขาสงสัยไม่ต่างกัน
“นายเป็นสตอล์กเกอร์? แอบหมกมุ่นกับภรรยาฉันงั้นเหรอ”
“เฮ้ยๆ เจ้านายพูดอะไรเนี่ย” เลขารีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ที่ผมทำไปทุกอย่างก็เพื่อคุณทั้งนั้น ยิ่งโดยเฉพาะคนสำคัญในชีวิตของเจ้านาย ผมก็ต้องตรวจสอบให้ดีนะครับ ไม่ได้คิดจะเป็นสตอล์กเกอร์สักหน่อย”
“งั้นก็แล้วไป” เขายักไหล่ เอนตัวลงไปพิงเบาะด้านหลัง ถอนลมหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย พลางบ่นกับเลขาไปด้วย “ช่วงนี้ฉันรู้สึกว่าเรนิศเปลี่ยนไปเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเธอคิดจะกำลังทำอะไรกันแน่ เรื่องหย่าก็เป็นเธอที่เอ่ยขึ้นมา”
“ผมเสียใจด้วยนะครับ”
อักษะไม่ตอบกลับและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แม้ปกติเขาจะไม่ได้เล่นโซเชียลมีเดียมากนัก แต่ก็ต้องมีไว้เพื่ออัปเดตให้ทันตามโลก โดยที่แอคเค้าท์ของเขามีภรรยาติดตามอยู่ แถมเธอยังชอบมาคอมเมนต์ชื่นชมในรูปภาพต่างๆ อีกด้วย
แต่เมื่ออักษะลองดูในคอมเมนต์คราวนี้ กลับไม่เห็นข้อความของภรรยาอีกเลย แถมเมื่อลองค้นหาแอคเค้าท์ของเธอก็ไม่พบด้วยเช่นกัน
“แอคเค้าท์ของเรนิศหายไปไหน เมื่อกี้ฉันลองค้นหาแล้วก็ไม่พบ แถมข้อความที่เธอเคยคอมเมนต์ไว้ตามรูปภาพก็หายไปด้วย”
“ไม่เจอเลยเหรอครับ”
“อืม ไม่เจอเลย”
“เธอเลิกติดตามฉันแล้วงั้นเหรอ แถมยังลบข้อความพวกนั้นทิ้งด้วย”
“ผมไม่คิดแบบนั้นนะครับ”
“งั้นที่เธอทำคืออะไร เรียกร้องความสนใจ?”
ณภัทรหันหน้ากลับมาหาเจ้านายอีกครั้ง เห็นสายตามึนงงของอีกฝ่าย รู้ตัวดีว่าหากตนเองพูดออกไปคงจะเป็นการหาเรื่องใส่ตัว แต่สุดท้ายริมฝีปากบางก็เอ่ยคำนั้นออกมา
“เธอบล็อกคุณครับ…”
