บทที่ 1 ทัวร์นรก
แสงสว่างส่องมากระทบร่างบางที่นอนอยู่ โดยมีเจ้าของร่างยืนมองร่างของตนเองที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นที่เย็นเฉียบ โดยมีโครงกระดูกนอนไขว่ห้างเหมือนรอให้ชายหนุ่มอำลาร่างของตนเป็นครั้งสุดท้าย
“ไม่นะนี่ผมตายไปแล้วจริงๆ สินะ แต่ไม่มีอะไรน่าเครียดไปกว่าการที่ตายโดยซาลาเปาติดคออีกแล้วขอแหละอย่างน้อยก็ขอตายแบบเท่ๆ ได้ไหมแบบช่วยสาวน้อยที่ถูกโจรจับเป็นตัวประกันแล้วโดนลูกหลง หรือถ้าไม่ได้ก็อยากให้โครงกระดูกนั้นยกเคียวขึ้นมาสับหัวแบะยังดูดีกว่าซาลาเปาติดคอตายเลย หวังว่าตอนตรวจพิสูจน์หลักฐานเค้าคงไม่หัวเราะผมนะไม่งั้นเศร้าใจแย่เลย”
เมื่อโครงกระดูกเห็นว่าชายหนุ่มมั่วแต่ดึงผมตัวเองอยู่จึงปล่อยไว้สักพัก เมื่อเห็นว่าสงบลงแล้วจึงได้เอ่ยขึ้น
“ไปได้แล้ว”
“คุณจะพาผมไปไหนครับ”
“นรก” โครงกระดูกเอ่ยเสียงเบาแล้วออกเดินทางนำไป
ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกจึงเดินตามโครงกระดูกไป โครงกระดูกพาเดินไปหยุดที่ลิฟท์แล้วยืนรอลิฟท์
“อ่อคุณโครงกระดูกครับ”
“อู๋ฉาง”
“ครับ?”
“เรียกฉันว่าอู๋ฉาง”
“คุณอู๋ฉางเราจะไปกันยังไงครับ”
“ลิฟท์เราจะลงลิฟท์กัน”
“ฮะเราจะไปนรกด้วยลิฟท์นี่นะ”
อู๋ฉางไม่ตอบอะไรได้แต่ยืนนิ่งไม่ขยับ จนกระทั้งประตูลิฟท์เปิดออกอู๋ฉางจึงออกเดินเข้าไปในลิฟท์ เมื่อชายหนุ่มเห็นดั่งนั้นจึงตามเข้ามาพร้อมกับเหลือบตาไปมองปุ่มลิฟท์ที่อู๋ฉางกำลังกดมันเขียนว่า นรก ด้วยตัวอักษรสีแดงเลือดมองดูสยองชอบกล
เมื่อเวลาผ่านไปสักพักประตูลิฟท์ก็เปิดออก อู๋ฉางเดินนำออกไปชายหนุ่มก็เดินตามออกมา เมื่ชายหนุ่มออกมาเห็นซุ้มประตูที่เขียนป้ายด้วยอักษรสีแดงว่า ยินดีตอนรับสู่นรกภูมิ ชายหนุ่มคิด “ผมต้องดีใจที่เขามีป้ายตอนรับหรือเสียใจที่ผมมาทัวร์นรกกันแน่เนี่ย”
อู๋ฉางพาชายหนุ่มเดินมาจนถึงตึกแห่งหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายบริษัทขนาดใหญ่ เมื่อเดินเข้าไปจะพบกับพนักงานตอนรับที่เป็นสาวสวยใส่สูทอย่างดีเหมือนกับการเดินเข้าไปทำงานอย่างไงอย่างงั้น อู๋ฉางพาเดินมาจนถึงห้องทำงานขนาดใหญ่ห้องหนึ่งที่มีลักษณะเหมือนห้องผู้บริหาร เมื่อมองเข้าไปข้างในจะเห็นคนผู้หนึ่งนั่งหันหลังให้อยู่อู๋ฉางเดินไปหยุดที่ข้างหน้าโต๊ะทำงานของเขา
“ท่านยมครับผมนำดวงวิญญาณมาแล้วครับ”
“ดีมากอู๋ฉาง เจ้ากลับร่างเดิมได้แล้วละ”
เมื่อสิ้นเสียงอู๋ฉางอู๋ฉางก็กลายเป็นหนุ่มหล่อสวมสูทซะงั้น (ถ้าไปร่างนี้นะผมก็ไม่ตกใจหรอก)
“ได้เวลาสอบสวนแล้ว เจ้าดวงวิญญาณเจ้ามีนามว่าอะไร”
“นิรัช ไกลวงศ์ ครับ”
“อืม เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าทำผิดบาปอะไรไว้ถึงได้ลงมาที่นรกแห่งนี้”
“ไม่ทราบครับ”
“งั้นข้าจะบอกให้เจ้าฟัง เจ้าได้ทำร้ายบุพการีจนถึงแก่ความตายรู้ตัวหรือไม่”
“ได้โปรดให้ท่านโปรดลดโทษ เอ๊ะ! เดียวนะท่านผมเป็นลูกกำพร้านะไม่มีพ่อแม่ตั้งแต่เกิดเติบโตมากับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แม่ที่เลี้ยงผมก็เสียไปตั้งแต่ตอนผมอยู่ม.ปลายแล้วผมจะไปเอาบุพการีที่ไหนมาทำร้ายจนถึงความตายละครับท่าน”
“เอ๊ะ เป็นเรื่อง จริงหรือ”
“จริงครับท่าน ผมไม่ได้โกหกแม้แต่ยุงผมยังไม่เคยฆ่าเลยครับ”
“งั้นเจ้ามานี่ นี่ใช่ชื่อของเจ้าไหม”
นิรัชเดินเข้าไปดูชื่อของตนเอง ชื่อนั้นเขียนว่า นิรัท ไกรวงศ์
“ไม่ใช่ครับท่าน ชื่อของผมต้องเขียนแบบนี้ครับ”
นิรัชหยิบปากกาขึ้นมาเขียนลงบนแผ่นกระดาษ
“นิรัช ไกลวงศ์”
เมื่อท่านยมได้เห็นก็อดแสดงสีหน้าเอือมระอาไม่ได้ พร้อมตะโกนเรียกอู๋ฉางเสียงดัง
“อู๋ฉาง!!!”
“ขอรับ ท่าน”
ท่านยมยืนกระดาษใบเดิมให้อู๋ฉาง
“ข้าจะหักเงินเดือนเจ้าในร้อยปีมานี้เจ้าทำผิดพลาด2ครั้งแล้วนะ”
“กระผมขออภัยขอรับท่านอย่าหักเงินเดือนผมอีกเลยนะขอรับในร้อยปีมานี้กระผมกินแต่บะหมี่อย่างเดียวมาตลอดเลยนะขอรับ”
นิรัชได้ยืนดูท่านยมกับอู๋ฉางเล่นตลกคาเฟ่ แต่มันจะไม่ขำก็ตรงนิรัชตายจริงๆ นี่แหละ
“อ่อ ท่านยมครับท่านส่งผมกลับได้ไหมครับ”
ท่านยมหันมามองเหมือนลืมไปว่ามีนิรัชอยู่ตรงนั้น
“ไม่ได้ ข้าไม่สามารถส่งเจ้ากลับได้ วิญญาณที่ออกจากร่างมาแล้วจะไม่สามารถกลับคืนได้เพราะหัวใจหยุดเต้นเป็นเวลานานแล้ว (วิทยาศาสตร์เฉย) ”
“แล้วผมจะทำยังไง ละครับ ส่งผมไปสวรรค์ได้ไหม”
“ไม่ได้ถ้าจะไปสวรรค์ต้องให้ทูตสวรรค์มารับไปเท่านั้น”
“งั้นผมจะทำยังไงดีครับ”
“ถ้างั้นเจ้ามาทำงานในนี้ไหมละ”
“ไม่ต้องเด็กนี่เดี๋ยวข้าจัดการเอง”
เสียงที่ทรงไปด้วยอำนาจพูดตัดขึ้น พร้อมกับร่างสีขาวที่ปรากฎขึ้น
“ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าผิดพลาดอีก หนะอู๋ฉาง”
“ขออภัย ขอรับท่าน ผู้สร้าง”
“ไม่ต้องห่วงนะนิรัชข้าจะส่งเจ้าไปเกิดใหม่เอง”
“ที่ไหน ครับ ท่าน ผู้สร้าง”
“ไปยังดินแดนที่เจ้ารู้จักทุกซอกทุกมุมอย่างไรละเดี๋ยวข้าให้พรเจ้าสามข้อเจ้าอยากได้อะไรว่ามาเลย”
“แล้วดินแดนที่ท่านส่งข้าไปเกิดมีการฝึกยุทธหรือเปล่าครับ”
“มี”
“งั้นผมขอ1ให้ผมฝึกยุทธได้รวดเร็วไม่ติดขัด 2 มีครอบครัวที่อบอุ่นรักใคร่กลมเกียว 3ให้ไม่มีใครมาทำร้ายผมและครอบครับได้ ได้ไหมครับ”
“ได้ข้ารับปากเจ้า”
หลังจากท่านผู้สร้างพูดจบก็เกิดแสงประหลาดเจิดจ้าแสบตาก่อนที่แสงนั้นจะหายไปพร้อมกับนิรัช