Ep 5 ประหม่า
เช้าวันต่อมา
“อ้าวหนูพรีม จะไปทำงานแล้วหรอจ๊ะ มาทานข้าวด้วยกันก่อนสิ?”
พรีรดาที่หันไปมองใครอีกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสายตาไหวระริก เธอจำได้ว่าเขาเคยพูดว่าไม่ชอบทานข้าวร่วมกับคนแปลกหน้า ก่อนที่แววตาคมคู่ดุจะค่อยๆ แหงนขึ้นมามองร่างบางระหงที่กำลังก้าวลงบันได ในขณะที่มือยังควงจ้วงซุปข้าวโพดเข้าปาก เมื่อเธอมองเห็นคนตัวสูงที่ทำหน้าเคร่งขรึมทานข้าวไม่พูดไม่จา แล้วยังจะหันมองมาที่เจ้าหล่อน เป็นใครจะไม่ประหม่าได้ล่ะ ก็ช่วยทำสีหน้าให้มันดูเป็นมิตรกว่านี้ไม่ได้หน่อยรึยังไง ก่อนที่ปากกระจับได้รูปจะตัดสินใจเอ่ยออกไปด้วยความเกรงใจ
“คือพรีมไม่หิวค่ะคุณรัศมี ขอบคุณนะคะ”
“ได้ไงกันล่ะลูก นี่งานเรามันต้องใช้สมองคิดหนักนะ มื้อเช้าสำคัญนะจ๊ะ อีกอย่างแม่ให้แม่บ้านเขาทำเผื่อหนูแล้ว จะไม่ทานก็เสียดาย มามะ มานั่งข้างๆ แม่นี่มา”
ลูกชายที่มองหน้ามารดาอย่างไม่เข้าใจ นี่แม่ของเขาไปเป็นแม่ของคนอื่นกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่ยักกะรู้ว่าตัวเองมีน้องด้วย ได้ฟังดังนั้นแล้วมันก็หงุดหงิดชะมัด นี่แม่คิดจะจับคู่ให้เขาอีกแล้วสินะ คิดพลาง ร่างสูงก็วางช้อน และอิ่มในทันที
… ครืก…
เขาเลื่อนเก้าอี้และแทรกตัวออกอย่างขอไปที
“ผมอิ่มแล้ว …” พูดเสร็จก็วางผ้าเช็ดปากลงแรงๆ อย่างคนไม่สบอารมณ์ ทำเอาพรีรดาถึงกับหน้าเหวอ นี่ถ้าเขาไม่ชอบที่เธอต้องมาร่วมรับประทานอาหารด้วย ก็น่าจะบอกกันดีๆ แต่เอ๊ะ!! ถ้าเขายอมบอกดีๆ แล้วเธอจะทำหน้าเช่นไรกันนะ
สีหน้าเจื่อนซีดทำเอารัศมีถึงกับลอบเห็นใจ ถึงจะไม่แปลกใจกับพฤติกรรมของลูกชายมากนัก แต่คนที่อยู่ตรงหน้านี่สิ ที่ตอนนี้สีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่
“พี่เขาก็เป็นคนแบบนี้ล่ะจ้ะ อย่าไปถือสาเลยนะหนูพรีม เร็วเข้า ตักข้าวให้คุณพรีม? ” เธอหันไปสั่งแม่บ้าน
ในระหว่างมื้ออาหาร พรีรดาก็ได้ขอร้องกับคุณหญิงรัศมีว่า เธอขอแยกทานข้าว คือเธอสะดวกทานในครัว แรกๆ รัศมีก็มีทีท่าว่าจะไม่ยอม แต่ในเมื่อคนตัวเล็กยืนกรานเสียงแข็งขนาดนั้นรัศมีก็เลยต้องยอม อีกอย่างระยะเวลาอีกตั้งหนึ่งปี เธอก็ไม่อยากให้หนูพรีมรู้สึกอึดอัด
และถ้าหากไอ้เจ้าลูกชายของเธอจะยังไม่สนใจผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้อีก เธอก็คงต้องแล้วแต่โชคชะตา
วันนี้วินเซนต์นัดเจรจากับนายทุนใหญ่แห่งเหมืองในวินเทอร์ทูร์ โดยคนที่ต้องคอยส่งมอบและตรวจเช็คเอกสารก็คือ พรีรดา ก็วันนี้พิมพรเธอต้องเข้าไปเจรจากับนายทุนที่สำนักงานใหญ่ ทำให้หน้าที่นี้ต้องตกอยู่ในมือของเด็กใหม่อย่างเธอแบบเลี่ยงไม่ได้
พรีรดาพยายามเตรียมตัวอย่างดีที่สุดเพื่อทำงานที่ได้รับมอบหมายในวันนี้ เธอต้องเข้าร่วมการเจรจากับนายทุนใหญ่พร้อมกับวินเซนต์ ความตื่นเต้นและประหม่าในใจของเธอยังคงมีอยู่ แม้จะพยายามบอกตัวเองว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี
เมื่อมาถึงสถานที่นัดหมายในห้องประชุมใหญ่ของบริษัท พรีรดาพบว่าวินเซนต์มาถึงแล้วก่อนเธอ เขายืนอยู่ด้านหน้าพร้อมกับเอกสารในมือ ดวงตาคมจ้องมาที่เธออย่างเข้มงวดเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามา
“คุณมาสาย” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
“ขอโทษค่ะ ฉันเพียงแต่...” พรีรดายกข้อมือมามองดูนาฬิกา ให้ตายเหอะพับผ่า เธอมาช้าไป 0.02 วินาที!! เมื่อเธอพยายามจะอธิบาย แต่เขาก็พูดขัดขึ้นทันทีอย่างกับรู้ว่าเธอจะพูดอะไร
“ผมไม่ต้องการข้อแก้ตัว ผมต้องการให้คุณทำงานของคุณให้ดี เข้าใจไหม?” วินเซนต์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวด ราวกับว่าเขาไม่ต้องการฟังคำอธิบายใดๆ จากเธอ
พรีรดาพยักหน้ารับ เธอรู้สึกถึงความกดดันที่มากขึ้นเรื่อยๆ แต่เธอก็ตัดสินใจว่าเธอจะไม่ยอมให้ตัวเองล้มเหลวในวันนี้ “ค่ะ ฉันจะทำให้ดีที่สุดค่ะ”
การเจรจาเริ่มต้นขึ้น พรีรดาพยายามทำงานของเธออย่างเต็มที่ คอยตรวจสอบเอกสารและจัดการส่งมอบให้กับวินเซนต์ในเวลาที่เหมาะสม แม้จะมีความประหม่าและกังวลในใจ แต่เธอก็สามารถควบคุมตัวเองได้ดีพอสมควร
วินเซนต์คอยสังเกตเธออยู่ตลอด แม้ว่าเขาจะยังไม่แสดงออกถึงความพอใจ แต่เขาก็ไม่ได้ติเตียนเธอมากนักในวันนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับพรีรดา
ช่วงหนึ่งของการเจรจา นายทุนใหญ่เกิดมีข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวเลขในเอกสาร พรีรดารีบค้นหาข้อมูลและตอบคำถามได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ทำให้การเจรจาดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น นายทุนถึงกับพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
เมื่อการประชุมสิ้นสุดลง นายทุนใหญ่เดินออกไปพร้อมกับวินเซนต์ พรีรดารู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากที่ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี เธอถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเริ่มเก็บเอกสารบนโต๊ะประชุม
“คุณทำได้ไม่เลว” เสียงของวินเซนต์ดังขึ้นที่ข้างหลังเธอ พรีรดาหันกลับไปมองด้วยความประหลาดใจ
“ขอบคุณค่ะ” เธอตอบอย่างสุภาพ แต่สายตาของเขาก็ยังคงนิ่งเรียบและไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
“แต่ยังมีอีกหลายอย่างที่คุณต้องเรียนรู้ ถ้าคุณต้องการอยู่ที่นี่” เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชา ราวกับจะเตือนเธอว่าเส้นทางข้างหน้ามันไม่ง่าย
“ฉันจะพยายามเรียนรู้ให้มากที่สุดค่ะ” พรีรดาตอบด้วยความมุ่งมั่น เธอรู้ดีว่าการได้รับคำชมจากวินเซนต์เป็นสิ่งที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก แม้ว่าจะเป็นคำชมที่มาพร้อมกับการติเตียนก็ตาม
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” วินเซนต์ตอบสั้นๆ ก่อนจะเดินจากไป
พรีรดายืนมองแผ่นหลังของเขาที่ค่อยๆ ห่างออกไป เธอ
รู้สึกถึงความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า เธอจะต้องพิสูจน์ตัวเองให้มากขึ้นกว่านี้ และต้องเรียนรู้ที่จะไม่ให้อารมณ์ของเขามามีผลกระทบต่อความมั่นใจของเธอ
ในขณะเดียวกัน วินเซนต์เองก็รู้สึกถึงความประทับใจเล็กน้อยที่มีต่อความพยายามของเธอ แม้ว่าเขาจะยังคงแสดงออกอย่างเย็นชา แต่บางสิ่งบางอย่างในตัวของพรีรดาเริ่มดึงดูดความสนใจของเขาโดยที่เขาเองก็ไม่เข้าใจ
“เดี๋ยวเราต้องออกไปดูงานต่อที่เหมือง”
เขาเอ่ยขึ้นทำให้เธอถึงกับต้องตกใจ วันนี้เธอจะได้ลงภาคพื้นสนาม
“จริงหรอคะ? พรีมก็ได้ไปหรอคะ? ”
คนตัวน้อยที่พูดชื่อตัวเองอย่างคนหลงลืมตัว
นี่ถ้าเป็นบางคนพวกเธอคงไม่ดีใจหรอกนะ ใครบ้างจะอยากออกไปตากแดดตากลม ถึงแม้ที่นี่จะหนาวอยู่ตลอด แต่ภาคพื้นสนามผู้หญิงเขาก็ไม่ชอบกัน ร่างสูงลอบมองสำรวจเธออีกครั้งอย่างแปลกใจ
“อืม… เราจะเดินทางโดยรถ jeep เพราะเส้นทางจะขรุขระหน่อย” เขาบอก
“ไม่มีปัญหาค่ะ พรีมไปได้ค่ะ”
นี่เจ้าหล่อนหลงลืมตัวจนเผลอพูดเป็นกันเองอย่างนั้นหรือ ปกติเขาก็ใช่จะชอบใจซะที่ไหน เขาไม่ชอบให้ใครมาพูดเหมือนสนิทสนมกันแบบนี้ แต่ก็นั่นแหละ คราวนี้เขาดันเลือกที่จะมองข้ามมันไป
“เอ่อ ดิฉันหมายถึง ดิฉันไปได้ค่ะ”
พรีรดาเองที่รู้ตัวว่าตนเองเผลอไปพูดตีสนิทกับเขาเข้า เธอจึงต้องรีบแก้ต่างให้ตัวเองใหม่
ก็ดีนี่ …. รู้ตัวเองซะด้วย ฉันก็จะคอยดูซิว่าเธอฉลาดอย่างที่แม่ฉันคุยเป็นนักเป็นหนากันสักเท่าไหร่ ต่อให้เขาไม่ชอบผู้หญิงมากแค่ไหน แต่ถ้าในเรื่องงาน เขาก็พอจะยอมรับได้ เขาคิดในใจ
“งั้นคุณก็ไปเตรียมตัว ไปถามคนที่สำนักงานว่าต้องเตรียมอะไร? ”
“ค่ะ”
ถึงเธอจะตอบรับอย่างง่ายๆ แต่ในใจก็อดค้านเขาไม่ได้อยู่ดี ก็แค่เตรียมตัว ทำไมถึงบอกเธอเลยไม่ได้ล่ะ ต้องให้ไปวุ่นวายถามคนนั้นคนนี้ เธอหารู้ไม่ว่าเขาต้องการให้เธอไปสร้างสัมพันธไมตรีกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ
เมื่อรถ jeep x4 พร้อมแล้ว เธอกับเขาที่นั่งด้วยกัน เพราะด้านหน้าเป็นคนขับและก็เจ้าของเหมือง ซึ่งด้านหลังจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพวกเขา
“ปกติคุณออกกำลังกายหรือเปล่า?” จู่ๆ เขาก็ถามเธอมาซะอย่างงั้น นี่เธออ้วนไปหรือไง บ้าจริง ทำไมถึงหยาบคายแบบนี้นะ
“ผมหมายถึง สภาพร่างกายของคุณน่ะ พร้อมหรือเปล่า? ” แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเธอคิดต่อว่าเขาในใจ แต่ท่าทางเธอนั้นมันก็ทำให้เขาดูออก
“อ๋อ …. ตั้งแต่มาที่นี่ ก็ไม่ได้ออกเลยค่ะ” เธอตอบเขาไปตามตรง
“ที่ผมถาม เพราะเหมืองที่เราจะไป มันข้อนข้างสูง ข้างบนออกซิเจนน้อย ถึงแม้ว่าจะมีออกซิเจนกระป๋องขาย แต่ร่างกายของเราต้องเตรียมพร้อมด้วย”
“เอ่อ….” เจ้าหล่อนอ้ำอึ้งยังไม่ทันได้ตอบอะไร
“ที่บ้านมีฟิตเนส คุณจะไปใช้ก็ไม่มีใครว่าอะไร”
ก่อนที่คนตัวเล็กจะแอบหันมาประสานสายตาเขาอย่างไม่ตั้งใจ ก่อนที่เธอจะรีบหลุบตาลงต่ำและกระพริบมันถี่ๆ บ้าจริง ใจก็ดันมาเต้นแรงเอาซะตอนนี้ ดีนะที่ยังมีเสียงเพลงคลอเบาๆ อยู่บ้าง ไม่งั้นมีหวังเขาได้ยินมันแน่ๆ …
