Ep.4
“คุณรู้มั้ยว่า อาหารที่คุณทานเข้าไปเมื่อครู่ คิดเป็นราคาประมาณเท่าไหร่” จู่ๆ เอริคก็นึกอยากจะทวงบุญคุณหล่อนขึ้นมา เพราะเขากำลังจะเจรจาให้เธอไปเป็นนางแบบโฆษณาให้กับน้ำหอมสูตรใหม่ให้กับเขา
“ฉันพอจะทราบค่ะ”
เอริคหัวเราะในลำคอเบาๆ แสดงว่าอลิชชาคงพอจะมีความรู้รอบตัวบ้างสินะ แต่ว่าภาษาที่เธอใช้มันฟังเปล่งๆ พิกล แม้ว่าใบหน้าของเธอจะออกมาทางฝรั่งเศสเล็กน้อยก็ตาม
“คุณเป็นลูกครึ่งอะไรกับอะไร” เพราะเอริคพอจะมองออกว่า สาวน้อยคนนี้ไม่ใช่ชาวฝรั่งเศสร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนเขาแน่นอน ชายหนุ่มจึงได้ถามแบบนั้น
“เป็นลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศสค่ะ”
“เยี่ยมมาก ผมมีงานให้คุณทำ เพื่อแลกกับค่าอาหารและที่ค่าพักสำหรับคุณหนึ่งเดือน”
อลิชชาทำหน้าสงสัยระคนดีใจ คิ้วเรียววิ่งมาชนกันแทบจะทันที ทำงานอย่างนั้นหรือ งานอะไร เขามีงานอะไรให้เธอทำ
“เอ่อ ไม่ทราบว่ามีงานอะไรให้ฉันทำเหรอคะ” เสียงถามที่ไม่ค่อยจะมั่นคงนัก บ่งบอกว่าเธอกำลังกลัวว่างานที่เขาจะให้ทำ อาจจะเป็นงานที่เธอทำไม่ได้
“งานง่ายๆ ได้เงินเยอะ คุณทำได้สบายๆ อยู่แล้ว” เขาตอบยิ้มๆ พลางมองร่างเพรียวระหงตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้าด้วยความพึงพอใจ
อลิชชารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาทันที เพราะไม่รู้ว่างานที่เขาจะให้เธอทำมันคืองานอะไร สาวใช้ แม่บ้าน หรือว่างานอื่นที่เธอไม่อยากจะคิดถึง
“เดี๋ยวออกไปข้างนอกกับผมก่อน ผมจะเปลี่ยนประวัติของคุณให้หมด ก่อนที่เราจะร่วมงานกัน” พูดจบ มือหนาก็ฉุดข้อมือเล็กให้ออกเดินตามเขาไปขึ้นรถยนต์คันหรูทันที
“เดี๋ยวๆ เดี๋ยวสิคุณ ฉันยังไม่ได้ตกลงทำงานให้กับคุณเลยนะ”
“คุณไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ เพราะตอนนี้คุณเป็นหนี้บุญคุณผมอยู่” เขาหันมาบอกก่อนจะยัดร่างของเธอเข้าไปในรถ และตามมาด้วยร่างหนาของเขาในฝั่งคนขับ ก่อนที่จะสตาร์ตรถขับออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
“นี่ คุณไม่มีสิทธิ์มาทำกับฉันแบบนี้นะ ฉันยังไม่รู้เลยว่าคุณจะให้ฉันทำงานอะไร แล้วคุณจะพาฉันไปเปลี่ยนประวัติไม่ได้นะ ถ้าเปลี่ยนประวัติแล้ว ถ้าพ่อมาเจอฉันแล้วพ่อจะจำฉันได้ยังไง แล้วพ่อจะเชื่อเหรอว่าฉันเป็นลูกสาวของเขา” อลิชชาเริ่มโวยวายเสียงดัง แต่มันก็ทำให้คิ้วเข้มดั่งปีกกาขมวดเข้าหากัน แล้วหันหน้ามามองทางหญิงสาวแวบหนึ่ง
“เดี๋ยว ที่คุณพูดมาเมื่อกี้ ผมไม่เข้าใจ ลองเรียบเรียงประโยคพูดให้ผมฟังใหม่อีกทีซิ”
อลิชชาคิดว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว บอกความจริงให้เขารู้เรื่องไปเลยดีกว่า เผื่อว่าเขาจะได้ไม่ต้องพาเธอไปเปลี่ยนประวัติให้มันมีเรื่องยุ่งยากตามมาในภายหลัง อีกอย่างเธอก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาจะต้องไปเปลี่ยนประวัติของเธอด้วย หรือว่างานที่เขาจะให้เธอทำมันผิดกฎหมายหรืออย่างไร
“ที่ฉันมาที่นี่ก็เพื่อออกมาตามหาพ่อ”
เอริคอึ้งไปเมื่อได้ฟังคำตอบจากปากจิ้มลิ้มนั่น
“คุณตามพ่อมานานหรือยัง”
“ก็เป็นเดือนแล้ว แต่ก็ยังไร้วี่แววค่ะ” น้ำเสียงนั้น ดูเศร้าลงจนคนข้างๆ รู้สึกใจอ่อนยวบและเห็นใจหล่อนขึ้นมาทันที
“แล้วคุณมีหลักฐานอะไรเกี่ยวกับพ่อของคุณบ้างล่ะ เผื่อว่าถ้าคุณมาทำงานให้กับผม แล้วผมอาจจะช่วยคุณออกตามหาพ่อของคุณให้อีกแรง”
แววตาของสาวน้อยมีประกายแห่งความหวังขึ้นมาทันทีเมื่อชายหนุ่มพูดจบ มีความรู้สึกอยากจะทำงานขึ้นมาทันที แม้ว่าจะยังไม่รู้ว่างานนั้นคืออะไร ขอเพียงได้ตามหาพ่อของเธอจนเจอ ในชีวิตนี้ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
“ฉันมีรูปของคุณพ่อ” แต่น้ำเสียงที่ตื่นเต้นก็ต้องมีอันเงียบลง เมื่อนึกได้ว่าเอกสารทุกอย่างทั้งของเธอและของพ่อเธอ อยู่ในกระเป๋าที่ถูกไอ้โจรห้าร้อยนั่นมันฉกชิงไป คิดแล้วก็เจ็บใจนัก เอริคมองสีหน้าที่เปลี่ยนสีไปของหญิงสาวก็พอจะเข้าใจ
“รูปของพ่อคุณอยู่ในกระเป๋าใบนั้นใช่มั้ย ไม่เป็นไรนะ เอางี้เดี๋ยวผมจะพาคุณไปแจ้งความก่อน ว่ากระเป๋าสตางค์หาย คุณไม่ต้องกลัวหรอกถนนเกือบทุกเส้นมีกล้องวงจรปิด เราต้องหาตัวไอ้โจรชั่วนั่นได้แน่นอน แต่คุณต้องทำงานกับผมรอไปก่อนนะ รอจนกว่าทางตำรวจจะตามหากระเป๋าของคุณเจอ แล้วผมจะช่วยคุณตามหาพ่อของคุณเอง”
“จริงๆ นะคะ คุณจะช่วยฉันตามหาพ่อจริงๆ นะ” ร่างบางเขย่าแขนของชายหนุ่มอย่างลืมตัว
“จริงสิ ผมจะโกหกคุณทำไมล่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ แต่ว่างานอะไรเหรอที่คุณจะให้ฉันทำ แม่บ้านหรือว่าสาวใช้”
“เดี๋ยวพอแจ้งความเสร็จ ผมจะพาคุณไปที่ทำงานของผม คุณเป็นคนที่มีความรู้รอบตัวอยู่บ้างแล้วนี่ ไม่อย่างนั้นคุณคงจะไม่ออกตามหาพ่อมาจนถึงที่ฝรั่งเศสคนเดียวนี่ได้หรอก และผมมั่นใจว่าถ้าคุณได้ไปเห็นบริษัทที่ทำงานของผม คุณจะต้องร้องอ๋อแน่นอน”
“คุณคิดว่าฉันจะรู้จักบริษัทของคุณเหรอคะ”
“ใช่” ชายหนุ่มตอบอย่างมั่นใจ เพราะไม่มีใครที่ไม่รู้จักมาร์ติเนซกรุ๊ป บริษัทผลิตเครื่องสำอางใหญ่ยักษ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในปารีสหรือในฝรั่งเศส
“แต่ว่าฉันไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับปารีสสักเท่าไหร่หรอก”
“เดี๋ยวคุณก็จะรู้ แต่ว่าวันนี้ผมคงต้องพาคุณไปทำธุระหลายอย่างนะ ว่าแต่คุณอยากจะไปทำธุระอะไรที่ไหนก่อนหรือเปล่าล่ะ”
“ฉันอยากไปเอาเสื้อผ้าที่อพาร์ทเม้นท์ที่ฉันไปเช่า ได้หรือเปล่า”
“ถ้าจะไปเอาเสื้อผ้าไม่ต้องหรอก ผมจะพาคุณไปเลือกซื้อที่ห้างเอง”
“แต่ว่ามันจะทำให้ฉันเป็นหนี้คุณเพิ่มขึ้นนะคะ ฉันคงไม่มีปัญญามาใช้หนี้คุณได้ทั้งหมดหรอกค่ะ แค่กับข้าวที่ฉันกินที่บ้านคุณมื้อเดียว ฉันยังคิดเลยว่าจะทำงานชดใช้ให้คุณกี่เดือนถึงจะหมด”
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ รู้สึกว่าหล่อนจะดูเป็นกังวลไปเสียหมดทุกเรื่องเลย นี่ถ้าหล่อนรู้ว่าเขาจะพาเธอไปเป็นนางแบบโฆษณา อลิชชาคงจะโวยวายบ้านแตกแน่ เพราะท่าทางของหล่อนดูไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลยสักนิด
สงสัยเขาคงต้องฝึกว่าที่นางแบบโฆษณาคนนี้ด้วยตนเองเป็นพิเศษเสียแล้วล่ะมั้ง ว่าแต่เขาจะหาวิธีปั้นดินก้อนนี้ให้เป็นดาวได้ยังไงนะ จึงจะทำให้หล่อนกลายเป็นดวงดาวที่เจิดจรัสในช่วงเวลาเพียงไม่กี่คืนต่อจากนี้ไป คงต้องฝึกภาคปฏิบัติเยอะๆ สินะ ดาวดวงนี้ถึงจะเปล่งแสงออกมาได้ แล้วเอริคก็นึกไปถึงอเล็กซานดร้าขึ้นมา และกำลังนึกไปถึงผู้ใหญ่ที่แสนใจดีอีกคน ดวงตามันวับของเขาก็เต็มไปด้วยความหวังเรืองรองขึ้นมา
“คราวนี้เธอได้เกิดแน่ อริส”
เอริคพาอลิชชาไปพบญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ชื่อ ฟรังค์เดย์ ฌาร์เรวูร์ เจ้าของห้างสรรพสินค้าดังที่ใหญ่ที่สุดในปารีส
“สวัสดีครับคุณลุง”
“สวัสดีเอริค แล้วสาวน้อยคนนี้เป็นใครหรือ” สายตาของผู้สูงวัยทอดมองไปยังใบหน้าอ่อนเยาว์น่าเอ็นดูนั้นอย่างพิศวง ไม่รู้ว่าเจ้าหล่อนเป็นอะไรกับเอริคลูกชายของเพื่อนรักของเขา
“เธอกำลังจะมาเป็นนางแบบโฆษณาให้กับผมครับ ชื่อ อริส ครับ อริสนี่คุณลุงฟรังค์เดย์ เป็นเพื่อนรักของพ่อผม”
อลิชชาค้อมศีรษะให้ผู้อาวุโสยิ้มๆ และยื่นมือออกไปสัมผัสตามธรรมเนียมตะวันตก ทั้งที่ในใจยังอึ้งกับการกล่าวแนะนำสถานะของเธอต่อชายสูงวัยคนนี้จากปากของเอริค โดยที่เธอยังไม่ได้ตกลงอะไรกับเขาเลยสักคำ แต่เพื่อไม่ให้เสียมารยาท อลิชชาจึงต้องปล่อยเลยตามเลย
“ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะหนูอริส เรียกฉันว่าคุณลุงเหมือนที่เอริคเรียกฉันก็ได้นะ” น้ำเสียงของชราดูอ่อนโยนจนอลิชชารู้สึกได้
“ยินดีเช่นกันค่ะ คุณลุง”
