บท
ตั้งค่า

ตอนที่2

ณ. บ้านหลังใหญ่ที่อยู่ห่างไกลจากความเจริญและเช้าถึงยากพอสมควรเพราะเจ้าของบ้านต้องการความเป็นส่วนตัวสูงแม้สถานที่ตั้งจะอยู่ห่างไกลจากความเจริญแต่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกก็ครบครันรวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยยังล้ำสมัยมากๆอีกด้วยเพราะมันเป็นบ้านที่เป็นที่อยู่ของทายาทมาเฟียตระกูลดังของญี่ปุ่นที่มากบดานรักษาชีวิตเอาไว้ที่ประเทศไทยนั่นเอง

ตอนนี้ชายหนุ่มวัย19หนุ่มลุกครึ่งไทยญี่ปุ่นเป็นลูกชายคนเดียวที่จะสืบทอดตระกูลมาเฟียของญี่ปุ่นคือตระกูล โอกินาวะ กำลังนั่งถอนหายใจกำมือแน่นอย่างไม่พอใจที่พ่อกับแม่ของเขาส่งเขาอยู่นอกประเทศบ้านเกิดตัวเองอีกเช่นเคยโดยให้เหตุผลว่าต้องการรักษาชีวิตของเขาเอาไว้เพื่อที่วันนึงเขาโตพอจะได้ขึ้นมาเป็นนายใหญ่ของตระกูลวันนั้นเขาจะไม่ต้องใช้ชีวิตแบบหลบๆซ่อนๆอีกต่อไปแต่เขาคิดว่าเขาโตพอที่จะดูแลตัวเองได้จึงไม่พอใจนักที่เขาจะต้องระหกระเหินมาอยู่ที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านตัวเองแบบนี้

“ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณพ่อกับคุณแม่ต้องการผลักไสผมทุกครั้งที่มีปัญหาด้วยครับคุณอา” แทนไทยเอ่ยเสียงแข็งกับอาของเขาในห้องที่มีแต่ความเงียบที่มีคนอยู่ในนี้เพียงไม่กี่คน

“ที่พวกเค้าทำแบบนั้นก็เพราะห่วงเรานะตาแทน” ฮิโรชิชายญี่ปุ่นวัย39ผู้มีศักดิ์เป็นอาของแทนไทเขายื่นมือตบบ่าหลานชายของเขาเบาๆ

“ยังไงผมก็ไมเข้าใจผมอยู่ที่โน่นผมก็เอาตัวรอดได้คนของเราก็ตั้งเยอะผมคิดว่าพวกเค้าคงอยากให้ผมอยู่พ้นหูพ้นตาไปมากกว่า” แทนไทเบื่อที่จะต้องใช้ชีวิตแบบนี้เต็มทนตั้งแต่เล็กจนโตเขาแทบจะไม่ได้อยู่กับครอบครัวด้วยซ้ำเพราะด้วยครอบครัวที่เป็นตระกูลมาเฟียจึงมีปัญหาที่ทำให้เขาต้องเอาชีวิตรอดบ่อยครั้งเมื่อพูดจบแทนไทก็เดินดุ่มๆออกไปจากห้องนี้ทันที

“แทน..แทน” ฮิโรชิส่ายหัวเบาๆในระหว่างที่มองตามหลังหลานชายของเขา

“ผมดูแลนายน้อยให้เองครับคุณฮิโรชิ” ริกิคนสนิทของแทนไทวัย 35 เขาเลี้ยงแทนไทยมาตั้งแต่แทนไทสิบขวบและเขารู้ดีว่าต้องจัดการกับนายน้อยของเขาเช่นไรจึงเอ่ยปากกับฮิโรชิว่าเขาจะดูแลนายน้อยของเขาเองตอนนี้คงต้องปล่อยให้แทนไทอารมณ์เย็นก่อนแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง

“น้าดาคะกลับมาแล้วค่ะ” ขวัญข้าวเดินเข้ามาในบ้านหลังเล็กของเธอที่อยู่ไม่ห่างจากถนนในหมู่บ้านมากนักเมื่อมาถึงก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยความเหนื่อยล้าเพราะต้องนั่งรถหลายต่อกว่าจะมาถึงบ้านเพราะตอนนี้รถมอเตอร์ไซต์คู่ใจของเธอนั้นยังซ่อมไม่เสร็จ

“มานั่งเลยจะน้าทำต้มยำกุ้งของโปรดไว้ให้ด้วยนะ” ดารากานยกถ้วยต้มยำกุ้งถ้วยใหญ่มาวางที่โต๊ะอาหารดารากานน้าสาวของขวัญข้าววัย 35เป็นสาวสวยที่ยังครองตัวเป็นสาวโสดเอาแต่ทำงานส่งหลานสาวของเธอได้เรียนสูงๆ

“ว้าว...น่ากินที่สุดเลย” ขวัญข้าวหันไปเห็นน้าของเธอวางถ้วยอาหารของโปรดก็ดีดตัวขึ้นไปนั่งที่เก้าอี้โต๊ะทานข้าวทันที

“พรุ่งนี้ขายของวันแรกไหวกันแน่ใช่ไหม” ดารากานค่อนข้างห่วงเรื่องที่หลานของเธอจะขายโจ๊กกับเพื่อนๆในตอนเช้าตรู่กลัวว่าเด็กๆจะเหนื่อยกันเกินไป

“แน่สิคะน้าดาพวกหนูตั้งใจแล้ว” ขวัญข้าวพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

“เดี๋ยวน้าช่วยนะ”

“ไม่ต้องค่ะเราแบ่งหน้าที่กันชัดเจนแล้วอีกอย่างน้าดาก็ตัดผ้าเย็บผ้าทุกวันแค่นี้ก็เหนื่อยแย่แล้วค่ะแถมยังต้องดูแลผักในสวนอีก” ขวัญข้าวรีบส่ายหัวปฏิเสธทันทีแค่ทุกวันนี้น้าเธอก็ไม่ได้มีเวลาพักเวลาหยุดแล้วในเมื่อพวกเธอตั้งใจแล้วยังไงก็ต้องทำมันให้ได้

“ถ้าไม่ไหวบอกน้าได้เลยนะ” ดารากานเห็นหลานของเธอตั้งใจแน่วแน่แล้วจึงไม่อยากขัดเธอเองก็อยากเห็นศักยภาพความรับผิดชอบของหลานเธอเหมือนกันว่าทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยมันจะดีทั้งสองอย่างหรือไม่แต่เธอก็ขอเกริ่นเอาไว้ก่อนว่าเธอช่วยได้

วันต่อมา

03.00 น.

ตอนนี้ขวัญข้าวและซินจางกำลังเตรียมของเพื่อช่วยกันขายที่หน้าบ้านของขวัญข้าวโดยซินจางเป็นคนเตรียมวัตถุดิบและขวัญข้าวนั้นเป็นคนเตรียมก่อเตาเพื่อตั้งหม้อต้มโจ๊กสองสาวทำงานอย่างมืออาชีพทั้งที่วันนี้เป็นการเปิดขายวันแรก

“นี่หลิวมันตื่นหรือยังเนี่ย” ซินจางขับรถของเธอมาถึงบ้านขวัญข้าวก็ลงมือหั่นเนื้อหมูไปชะเง้อมองหน้าบ้านไปว่าลลิลจะมาหรือไม่

“ขับรถออกมาจากบ้านหรือยังก็ไม่รู้ยิ่งหนาวๆแบบนี้ด้วยน่าจะไม่อยากตื่น” ขวัญข้าวรู้ดีว่าอากาศแบบนี้คงทำให้เพื่อนเธอตื่นยากพอสมควร

“นั่นไงพูดถึงก็มาพอดี” เมื่อขวัญข้าวพูดจบประโยคซินจางก็เห็นลลิลจอดรถมอเตอร์ไซต์คู่ใจของเพื่อนเธอที่หน้าบ้านพอดี

“โอ้ย...ทำไมมันหนาวแบบนี้เนี่ย” ลลิลลงรถเดินเข้ามาในร้านด้วยอาการตัวสั่นเพราะความหนาวขนาดใส่เสื้อผ้าห่อตัวมาเป็นมัมมี่แล้วมันก็ยังหนาวจนเธอสั่นอยู่ดี

“มานั่งข้างเตานี่สิจะได้อุ่นพวกฉันกำลังบ่นถึงแกอยู่พอดีว่าจะตื่นหรือเปล่า” ขวัญข้าวเห็นเพื่อนเธอตัวสั่นจึงเรียกให้มานั่งข้างเตาไฟก่อนเพื่อบรรเทาความหนาว

“ถึงฉันจะขี้เซาแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีความรับผิดชอบนะจ๊ะคุณเพื่อน” ลลิลหันไปบุ้ยปากใส่เพื่อนเธอทั้งสอง

06.30 น.

ตอนนี้ลูกค้าในหมู่บ้านเริ่มเดินมาซื้อโจ๊กตอนเช้ากันแล้วคราแรกสามสาวคิดว่าวันแรกคนน่าจะยังไม่เยอะมากแต่ตอนนี้มือเป็นระวิงกันเลยทีเดียวเพราะคนต่างก็อยากลองโจ๊กร้านใหม่ที่เปิดใกล้ๆหมู่บ้านกันทั้งนั้น

“โจ๊กถุงนึงค่ะพิเศษใส่ไข่นะคะ”

“ได้ค่ะ” ขวัญข้าวรับออเดอร์ตักโจ๊กใส่ถุงแล้วส่งให้ซินจางใส่เครื่องเสร็จแล้วก็เป็นหน้าที่ของลลิลที่ต้องคิดเงิน

“ของพี่ยี่สิบบาทค่ะ” ลลิลจับถุงโจ๊กใส่ถุงหูหิ้วละคิดเงินอย่างรวดเร็วทั้งสามแบ่งหน้าที่กันอย่างลงตัวแม้จะเป็นการรับมือกับลูกค้าวันแรกตอนนี้ทุกคนหายเหนื่อยกันเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นว่าของขายดีเอามากๆ

ไม่กี่นาทีผ่านมาโจ๊กที่เดือกเต็มหม้อก็หมดภายในพริบตายังดีที่ตอนนี้ยังเหลือให้พวกเธอได้เอาไว้กินตอนเช้ากันบ้าง

“ฉันดีใจจังเลยแกถ้าขายดีแบบนี้ทุกวันฉันตื่นตีสองก็ยังได้” ลลิลล้างหม้อโจ๊กไปยิ้มไปเธอภูมิใจเหลือเกินที่วันนี้เธอทำหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี

“ให้มันแน่นะ” ซินจางที่กำลังเก็บของเข้าเคาเตอร์ก็หันมาเอ่ยหยอกลลิล

“เอ่อ...ตีสามก็เช้าแล้วนะ” ลลิลขมวดคิ้วคิดเล็กน้อย

“ฮ่าๆๆ...ไปอาบน้ำเตรียมตัวไปมหาลัยกันเถอะ” ขวัญข้าวอดจะหัวเราะเพื่อนเธอไม่ได้เธอจัดการกับเตาไฟทำให้มันมอดเสร็จเห็นทุกคนเก็บของอะไรกันเรียบร้อยแล้วจึงให้ทุกคนรีบไปอาบน้ำเพราะตอนนี้มันเจ็ดโมงกว่าแล้วกว่าจะขับรถไปถึงมหาลัยอีกอาจจะสายได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel