Chapter 7 อาการของคนนอนไม่หลับ
คีรติสวมแว่นสีชาเดินเข้าบริษัทในตอนเช้าเหมือนอย่างปกติทุกวัน เขาชอบมีอะไรปกปิดดวงตา เพื่อที่จะสามารถสำรวจรอบ ๆ โดยที่ไม่มีใครมองเห็นจุดโฟกัสสายตาของเขา
แต่วันนี้แว่นสีชาของเขาทำหน้าที่อีกอย่าง เขาใช้มันปกปิดความบวมช้ำจากการอดนอนและความอิดโรยบนดวงตาแทน
วันนี้มีประชุมเช้า แสงระวีต้องจัดเตรียมการประชุมรอเจ้านาย
"สวัสดีค่ะบอส" แสงระวีส่งเสียงใสทักทาย เมื่อเห็นเจ้านายเดินผ่านหน้าโต๊ะ เธอกำลังง่วนอยู่กับกองเอกสาร เธอต้องเตรียมสำรองเผื่อ หากว่าเจ้านายถามถึง เพราะคีรติเป็นคนละเอียดและรอบคอบกับข้อมูลมาก
"ผมขอออเรนจ์อเมริกาโน่ดับเบิลช็อต" เขาสั่งเสียงเข้มและเดินผ่านเข้าห้องโดยไม่ได้หยุดมอง หรือตอบรับคำทักทายของเลขาสาว
คีรติอยากได้ความขมของกาแฟเข้มข้นเพื่อปลุกให้เขาตื่น น้ำส้มคั้นสดจะทำให้เขาสดชื่นในเช้านี้
"ค่ะบอส" แสงระวีตอบกับเจ้านาย ในจังหวะที่ประตูห้องถูกปิดลง
คีรติถอดแว่นกันแดดเสียบไว้ในกระเป๋าเสื้อสูท ดวงตาของเขาบวมช้ำแสดงให้เห็นถึงการอดนอนอย่างชัดเจน เอื้อมมือไปเปิดสวิตช์คอมพิวเตอร์
"ก๊อก ๆ" เสียงเคาะประตูดังขึ้น จากนั้นประตูก็ถูกเปิดออก แสงระวีเดินเข้ามาพร้อมกับกาแฟของเจ้านายและแซนด์วิชแฮมชีส
แสงระวีวางแก้วลงบนโต๊ะทำงาน เมื่อเห็นดวงตาของเจ้านายชัดเจน เธออดที่จะทักอย่างแปลกใจไม่ได้
"ใบหน้าบอสดูเหนื่อยและอิดโรย เมื่อคืนนอนไม่หลับอีกแล้วใช่ไหมคะ" เลขาสาวถามอย่างห่วงใย ไม่มีใครรู้ว่าอาการเหนื่อยล้าของเขาเกิดจากอะไร เพราะคีรติมักยกข้ออ้างว่านอนไม่หลับทุกครั้ง
"อืม…" เขาครางตอบรับในลำคอ เพราะไม่อยากอธิบายยืดยาว
"ระวีว่าบอสหาเวลาไปพบแพทย์ดีไหมคะ นอนไม่หลับอย่างนี้เป็นอันตราย เสียสุขภาพด้วยค่ะ" แสงระวีแนะนำด้วยความเป็นห่วง บ่อยครั้งที่เธอเห็นเจ้านายมาทำงานในสภาพแบบนี้ แม้ว่าเขายังทำงานได้เต็มประสิทธิภาพไม่บกพร่อง แต่เธอก็เป็นห่วงสุขภาพของเขาอยู่ดี
คีรติแทบสำลักกาแฟ เมื่อคืนเขาหลับเป็นตายเลยต่างหาก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามินนี่ออกไปตอนไหน ยอมรับว่าเธอเก่งกว่าเขามาก อ่อนเพลียขนาดนั้นเธอยังสามารถลุกออกไปได้
"ขอบใจมาก เอาเป็นว่าผมจะหาเวลาไปนะ" คีรติเงยหน้าขึ้นยิ้มให้เธอเล็กน้อย นับว่าเป็นยิ้มครั้งที่ 4 ในรอบการทำงาน 3 ปีก็ว่าได้ คีรติขึ้นชื่อว่าเป็นเสือยิ้มยาก ใครที่ได้รับรอยยิ้มของเขา นับว่าเธอได้โชค 2 ชั้นเลยทีเดียว
"บอสอยากได้อะไรเพิ่มอีกไหมคะ ระวีจะขอออกไปเตรียมเอกสารต่อ"
"ไปเถอะ เดี๋ยวผมขออ่านข้อมูลการประชุมสักครู่ คุณส่งเข้ามาแล้วใช่ไหม"
"ส่งมาในไฟล์แล้วค่ะ บอสจะให้ระวีปริ้นให้ไหมคะ"
"ไม่ดีกว่า ลดโลกร้อน ประหยัดงบบริษัทด้วย คุณมีอะไรจะทำก็ไปทำเถอะ" เขาโบกมือให้เธอ
"ค่ะ บอส"
หลังจากเลขาสาวเดินออกไป คีรติก็ต่อสายหาลูกพี่ลูกน้อง ทิพย์สุภาเป็นญาติที่เขาสนิทที่สุด เพราะมีนิสัยเถรตรงในหน้าที่เหมือนกัน
ทิพย์สุภา : สวัสดีค่ะท่านประธาน (ปลายสายเอ่ยประโยคทักทายอย่างหยอกเย้า)
ทั้งคู่สนิทกันมาก และอายุห่างกันเพียงแค่ปีเดียว ทั้งคู่เติบโตมาด้วยกันจากการดูแลของย่า เพราะแม่ของเธอมัวแต่ตามจับสามีที่ไปมีบ้านเล็กบ้านน้อย ในขณะที่กิตติกรถูกส่งไปเรียนที่ต่างประเทศตั้งแต่เด็ก เขาเป็นพี่คนโตและมีอายุห่างจากทั้งคู่หลายปี
คีรติ : ล้อเล่นกับผมอีกแล้วนะ
ทิพย์สุภา : ตอนนี้เวลางาน อยู่ในบริษัท เรียกว่าท่านประธานผิดด้วยเหรอ
คีรติ : แต่ผมก็ใช้โทรศัพท์ส่วนตัวโทรไปนะ (คีรติเถียงกลับทันที)
ทิพย์สุภา : โทรหาพี่มีอะไรหรือเปล่า
คีรติ : อยากจะฝากงานเด็กสักคน ผมรู้ว่ามันไม่เหมาะที่จะก้าวก่ายงานของพี่ทิพย์ แต่ผมก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่อยากทำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กลายเป็นปัญหา
ทิพย์สุภา : คนในครอบครัวพี่ใช่ไหม(ทิพย์สุภาถามดักคอ)
คีรติ : กิรนา
ทิพย์สุภา : เด็กคนนั้นไม่ได้น่ารักเหมือนอย่างภาพที่พยายามแสดงออกให้ทุกคนเห็นนะ พี่ไม่เคยใจร้ายใจดำกับญาติพี่น้อง แต่คนที่คิดว่าจะมีปัญหา พี่แค่ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมแค่นั้นเอง
คีรติ : ผมรู้จักพี่ทิพย์ดีครับ อย่างนั้นผมถึงเกรงใจที่จะฝาก
ทิพย์สุภา : ถ้าคีย์เห็นว่าพี่ควรรับ เดี๋ยวพี่หาตำแหน่งให้ กลัวแต่ว่าน้องจะใช้อภิสิทธิ์ว่าเป็นลูกของคุณพ่อทำตัวไม่น่ารักกับพนักงานคนอื่นในบริษัท พี่ไม่อยากให้พนักงานคนอื่นรู้สึกไม่ดี เพราะคิดว่าบริษัทเราใช้ระบบเส้นสาย คีย์ก็รู้ว่าคุณปู่สร้างชื่อเสียงเอาไว้ดีทุกด้าน
น้ำเสียงของคนเป็นพี่ทำให้คีรติคิดหนัก เขาเองก็ต่อต้านเรื่องแบบนี้ไม่แพ้ทิพย์สุภา
คีรติ : พี่ทิพย์ส่งมาเป็นผู้ช่วยแสงระวีก็ได้ครับ อย่างน้อยอยู่ใกล้ผม คงจะไม่กล้าออกฤทธิ์ออกเดชมากมาย
ทิพย์สุภา : งั้นก็ตามใจจ้ะ คีย์แจ้งฝ่ายโน้นให้มากรอกใบสมัครตามระเบียบของบริษัทด้วยนะ
คีรติ : ขอบคุณมากพี่ทิพย์
ทิพย์สุภา : พี่เสียอีกที่ต้องขอบคุณ ขอโทษที่ครอบครัวของพี่ทำให้คีย์ต้องอึดอัดใจด้วยนะ
คีรติ : เราเป็นครอบครัวเดียวกันครับพี่ทิพย์ ผมจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อลดปัญหาและความตึงเครียดให้มากที่สุด
"เฮ้อ!" คีรติถอนหายใจออกมาหลังจากวางสายจากลูกพี่ลูกน้องสาว เริ่มต้นทำงานของเขาทันที
อันดาชวนวิเวียนมาเดินห้าง ในช่วงปิดภาคเรียนทำให้เธอรู้สึกเหงา ยิ่งเหงามากขึ้นไปอีกเมื่อรู้ว่าจะไม่ได้เจอวิเวียนเกือบทุกวันเหมือนอย่างเมื่อก่อน
ปิดเทอมอันดากลับไปเยี่ยมบ้านที่แม่สอด เธอมีป๊ากับม๊าที่เข้มงวด มีพี่ชายที่แสนดุ ทำให้ต้องรีบหาเรื่องกลับมาที่กรุงเทพฯ ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนเรียนจบไปแล้วจะใช้ชีวิตอยู่แม่สอดอย่างไรถึงจะมีความสุขดี เธอเป็นผู้หญิงติดแสงสีเมืองกรุงเข้าไปแล้ว
"ไงแก! ขี้ไม่ออกหรือไง ลงเครื่องก็โทรหาฉันให้มารับเลย ทำไมไม่อยู่กับป๊ากับมาให้มันนานกว่านี้หน่อยวะ" วิเวียนตบบ่าถามเพื่อนสาว
“แกลองไปอยู่ดูไหมล่ะ”
“นั่นมันบ้านแกนะ”
“ขอใช้ชีวิตอิสระอีกหน่อยไม่ได้หรือไง เหลือโค้งสุดท้ายฉันจะปาร์ตี้ให้เปรม”
“ดูพูดเข้า”
"แกไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือไง ปิดเทอม กลับแม่สอดเดือนนึงฉันทั้งเหงาและว้าเหว่"
