ตอนที่ 10
10
“ถ้าเป็นแม่มดได้จริงๆ ตะวันจะสาปคุณเกลให้ผีเสื้อ...มีชีวิตอยู่เพียงไม่นาน” จะได้ไม่ต้องมาทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ เช่นนี้
“จะให้เป็นอะไร ฉันไม่เกี่ยง ถ้าจะมีเธออยู่ข้างๆ คอยเติมเต็มรสสวาทให้ไม่อั้นอย่างนี้” เกเบรียลคำรามบอก พร้อมกระแทกกายถี่รัวเร็ว
ภูตะวันได้แต่ส่ายสะบัดกายด้วยเสียวซ่านปั่นป่วน ท้องน้อยบีบตัวตอบรับกายใหญ่ที่โหมรุกล้ำอย่างหนักหน่วง
เกเบรียลรู้ว่าหญิงสาวต้องการสิ่งใด ปากหนาเคลื่อนไหวประพรมจุมพิตไปตามใบหน้าเนียนนุ่มไล่ไปจนถึงใบหูเล็ก ปลายลิ้นสากร้อนเย้าแหย่ในช่องหูสลับขบเม้ม ก่อนจะลากไล้จุมพิตร้อนผ่าวลงไปตามลำคอ ในขณะที่มือเขาก็วนเวียนฟอนเฟ้นเนินถันเนื้อนุ่ม และปากหนาก็เคลื่อนไปจนถึงมัน ปลายลิ้นสากร้อนตวัดปลายยอดถันข้างหนึ่งเข้าปาก ขณะส่งมือเข้าไปครอบครองถูไถกดคลึงอีกฝั่งอย่างไม่ยอมให้มันน้อยใจ
ร่างบางสั่นระรัวและแอ่นโค้งเหมือนคันศร จนสองปทุมถันคู่งามจมหายไปในปากและมือใหญ่ กายส่วนล่างก็ตอบรับแรงกดที่หนักหน่วงและรุนแรงถี่ยิบ
“ตะวัน...ยอดเยี่ยมที่สุดเลย”
กายบอบบางบีบรัดทำเอาเกเบรียลถึงกับใบหน้าเหยเก สะโพกแข็งแกร่งเคลื่อนระหว่างใจกลางดอกไม้อย่างหนักหน่วงและรุนแรง สองมือบีบเคล้นเคล้าคลึงปทุมถัน จากฐานจนถึงปลายยอด
“ตะวัน...สาวน้อย...อื้ม...”
ชายหนุ่มผลักดันให้หญิงสาวเคลื่อนกายขึ้นนั่งเหนือเขา สองมือลูบไล้พลางกดแผ่นหลังเนียนให้โน้มลงมา เพื่อเขาจะได้สัมผัสกับปทุมถันสีขาวดุจหิมะตัดกับปลายยอดสีชมพูอย่างถนัดถนี่ ปากหนาขบกัดสลับดึงแล้วปล่อย ในขณะที่อาวุธร้ายก็จู่โจมเข้าหาดอกไม้ขาวสะอาดอย่างหนักหน่วงและรุนแรง
“คุณ...เกล...ขา...”
ภูตะวันสั่นสะเทือนไปทั่วกายที่เบาหวิวด้วยถูกเกเบรียลส่งไปท่องสวรรค์เรียบร้อยแล้ว แต่เขายังไม่ถึงเศษเสี้ยวหนึ่งของเส้นทางที่จะเดินไปพบความสุขเลยด้วยซ้ำ มือแข็งแรงจับร่างบอบบางน็อกคว่ำลง
ใบหน้าสวยแนบชิดกับหมอนใบโต ในขณะที่สะโพกกลมมลก็ถูกยกจนลอยโด่งขึ้นมา เกเบรียลก็ไม่รอช้าสอดแทรกกายแกร่งก็ลงไปอย่างรวดเร็วด้วยความหนักหน่วงและรุนแรงอย่างไม่กลัวว่ากายอ่อนเยาว์นั้นจะบอบช้ำ
กายบางไหวโอนโยกไปตามแรงถาโถม เสียงหวานเชื่อมไม่ห่างหายจากริมฝีปาก ท้องน้อยบีบรัดอาวุธร้ายที่เคลื่อนไหวเข้าหา น้ำหวานเชื่อมไหลซึมออกมาตามลำขาเรียวที่สั่นระริก
“ตะวัน...ยายแม่มด...”
ริมฝีปากหนาขบเม้มตามแผ่นหลังและไขสันหลัง มือใหญ่เคลื่อนไปฟอนเฟ้นปทุมงาม พลางกดสะโพกสอบพาตัวเองและภูตะวันกระโจนไปพำนักกลางหมู่มวลดอกไม้งาม ที่กำลังชูช่อรอแสงตะวัน สายลมแผ่วพลิ้วพัดมาแตะต้องสองกาย ให้ได้รับแค่ความหอมจรุงใจ สองกายสอดประสานหล่อหลอมกันเป็นหนึ่งเดียว
“ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยซิตะวัน” ชายหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงครื้นเครง แขนใหญ่โอบรอบสะเอวคอดกิ่ว ขณะกดจุมพิตบนแก้มเนียนที่แดงระเรื่อด้วยความอาย เห็นแล้วเขามีความสุขและกระปรี้กระเปร่าอยากที่จะพาหญิงสาวกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง เมกเลิฟกับเธอให้นานที่สุด มากกว่าที่จะพามาเที่ยวแบบนี้
วันนี้เขาเลือกที่จะพาหญิงสาวมาเที่ยว แทนการที่จะพาเธอไปยังที่ทำงาน เพราะอะไรนะหรือ คำตอบก็ง่ายๆ เพราะหญิงสาวยังเป็นของใหม่ และเขาอยากให้เธอจดจำวันคืนดีๆ ที่มีร่วมกันระหว่างการเดินทางในดินแดนที่ได้ชื่อว่าดินแดนแห่งความฝัน ความรักและโรมานซ์
“ฉันพาเธอมาเที่ยวให้สบายใจนะ หรือว่าเธอไม่ชอบเที่ยว อยากที่จะอยู่ในห้องอย่างเดียว” ชายหนุ่มถามยิ้มๆ เมื่อเห็นดวงตากลมโตเป็นประกาย แต่จำต้องปกปิดหลบซ่อนไว้ให้พ้นจากสายตาของเขา
“บ้า...ใครจะเป็นเหมือนคุณเกลล่ะ” ภูตะวันค้อนเกเบรียลวงโต ก่อนจะหันมองรายรอบข้างอย่างตื่นตะลึง มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ สถาปัตยกรรมล้ำค่าที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สถานที่ซึ่งเธอเคยวาดฝันไว้นานแล้วว่าอยากจะมาท่องเที่ยว แต่เมื่อได้มาจริงๆ เธอกลับไม่มีอิสระที่จะทำอะไรได้เลย แม้กระทั่งกล้องถ่ายรูปคู่ใจก็ได้หายไปด้วย
หญิงสาวมองไปยังป้ายขนาดใหญ่ ที่บอกเล่าประวัติของสถานที่ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (Basilica of Saint Peter) ที่ชาวอิตาลีเรียกกันว่า Basilica di San Pietro in Vaticano หรือเรียกสั้นๆ ว่าเซนต์ปีเตอร์บาซิลิกา (Saint Peter’ s Basilica) มหาวิหารหนึ่งในสี่ของมหาวิหารหลักในกรุงโรม
ภูตะวันให้เสียดายที่สุด ด้วยอยากจะถ่ายภาพที่นี้ไว้เป็นที่ระลึก บ่งบอกว่าเธอได้มาที่นี่จริงๆ หาใช่ความฝัน แต่...ริมฝีปากอวบอิ่มอ้าออกแล้วก็ต้องปิดลงอีก เมื่อได้เห็นสายตาวามวามของอีกฝ่าย ที่มองเธอราวกับเป็นอาหารหวาน หลังจากที่เขาได้ทานอาหารหลักมาแล้วเมื่อตอนเช้า
ภูตะวันเดินตามเกเบรียลไปเรื่อยๆ ในสมองก็ครุ่นคิดตามคำพูดแปลกๆ ของชายหนุ่มที่พูดใส่หน้า ตอนแรกเขาก็หาว่าเธอเป็นโสเภณีที่มาขายบริการให้ แต่ตอนนี้เขากลับไม่เคยพูดถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว แต่กลับพูดแปลกๆ เรื่องงานแทน เธออยากคนหาความจริงที่สงสัยใคร่รู้ แต่กลัวจะยิ่งทำให้เรื่องที่เลวร้ายอยู่แล้วยิ่งร้ายไปกว่าเก่า
ภูตะวันหยุดมองลานลำหรับประกอบพิธีการทางศาสนาซึ่งล้อมรอบด้วยเสาหิน ปลายยอดของเสาจะมีรูปแกะสลักของบรรดาพระคริสต์ ซึ่งเธอจำได้ว่าเป็นฝีมือของช่างนาม เบอร์นินี่ ช่างชื่อดังของอิตาลี ใกล้ๆ กับที่เธอยืนอยู่ไม่ไกลมีกลุ่มคนขนาดใหญ่กำลังถ่ายรูปกันอยู่
ร่างคนเอเชียและฝรั่งต่างกันอยู่ แล้วกลุ่มคนที่ถ่ายรูปอยู่นั้น ดูยังไงก็มีลักษณะไปทางคนเอเชียที่น่าจะให้ความช่วยเหลือเธอได้
ภูตะวันเหลียวมองหาเกเบรียลแล้วก็ต้องยิ้มกว้าง เมื่อเห็นว่าตอนนี้ชายหนุ่มไม่ได้สนใจเธอ คิดว่าพอจะเป็นโอกาสให้หนีได้อยู่ เธอจึงค่อยๆ สาวเท้าก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ
หมับ!!
“จะไปไหนละภูตะวัน”
คนที่กำลังดีใจว่าจะสามารถหนีเอาตัวรอดจากชายใจร้ายได้หัวใจแทบจะหยุดเต้น เธอหลุบตามองมือที่จับแขนเรียวยาวไว้ พร้อมกดน้ำหนักลงมาแรงๆ
“หือ...เธอยังไม่ตอบฉันเลยนะตะวัน คิดจะไปไหน” เกเบรียลถามย้ำอีกครั้งอย่างเกรี้ยวกราดและขู่เข็ญ
“ไป...ไปห้องน้ำค่ะ” หญิงสาวรีบตอบอย่างรวดเร็ว เมื่อได้เห็นสายตาโกรธเกรี้ยว ใบหน้าคมคร้ามเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ “ตะวันจะไปห้องน้ำ” หญิงสาวตอบย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
“แล้วเธอรู้หรือว่าห้องน้ำอยู่ตรงไหน”
“ไม่...ไม่รู้ค่ะ” หญิงสาวสั่นศีรษะจนเส้นผมกระจายออก หนทางหนีของเธอปิดลงอีกครั้ง เมื่อถูกเกเบรียลจับได้ ดูเหมือนว่าชายหนุ่มเองก็รู้ ว่าเธอกำลังจะหนีไปขอความช่วยเหลือ แต่เขากลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และยังจะพาเธอยังห้องน้ำอีกด้วย
“ทำธุระให้เรียบร้อยนะตะวัน แล้วถ้าฉันจับได้อีกครั้งว่าเธอคิดหนีละก็…คราวนี้ฉันจะพาเธอกลับห้อง” เกเบรียลไม่พูดเปล่า ชายหนุ่มยังกวาดสายตามองภูตะวันตลอดทั้งตัวแล้วกลับขึ้นมาใหม่
“เธอคงจะรู้นะว่าบทลงโทษที่จะได้รับมันเป็นยังไง” ชายหนุ่มแนบจุมพิตลงไปบนเรียวปากนุ่ม ปลายลิ้นสากร้อนไล้ไปตามเรียวปากอวบอิ่ม มือใหญ่ดึงรั้งร่างบอบบางที่สั่นระริกเข้ามาหา มือใหญ่ค่อยๆ สอดเข้าไปในตัวเสื้อ ปลายนิ้วร้อนไล้วนตามผิวเนื้อเนียนนุ่มจนถึงทรวงอกอวบอิ่ม แม้ว่ามันจะซ่อนอยู่ในชั้นในตัวเล็กแต่เขาก็มือใหญ่กดคลึงฟอนเฟ้นมันได้
ภูตะวันตัวสั่น สองขาแทบจะยืนทรงตัวไม่อยู่ เมื่อถูกจุมพิตสูบเอาลมหายใจออกจากร่างกาย สองมือจิกลงไปบนลำแขนเรียวยาว แล้วแขนเรียวก็ค่อยๆ เคลื่อนขึ้นไป เพื่อโอบรอบลำคอแกร่ง เรียวปากอวบอิ่มอ้าออก ให้ชายหนุ่มได้ส่งลิ้นสากร้อนมากวัดเกี่ยวกับปลายลิ้นเล็กของเธอ
