บท
ตั้งค่า

บทที่1

"ลูกคุณเป็นโรคคาวาซากิครับ"

"โรคคาวาซากิ" หญิงสาวเจ้าของใบหน้าสะสวยรูปร่างผอมเพรียวในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ขายาวดูธรรมดาหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความสงสัยกับโรคที่ฟังดูไม่คุ้นหูจากปากหมอวัยกลางคน เธอไม่เคยได้ยินโรคนี้มาก่อนเลย “มันคือโรคอะไรเหรอคะดิฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน”

"โรคคาวาซากิมักพบในเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 5 ปี เป็นกลุ่มอาการที่มีการอักเสบของหลอดเลือดขนาดกลางและขนาดเล็กทั่วร่างกาย มีไข้สูง ร่วมกับมีการเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง เยื่อบุผิว และต่อมน้ำเหลืองที่คอโต สาเหตุที่แท้จริงของโรคยังไม่ทราบแน่ชัด แต่อาจเกี่ยวกับการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของร่างกาย โรคนี้ทำให้เกิดการอักเสบของหัวใจและหลอดเลือดที่เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้หลอดเลือดหัวใจมีลักษณะโป่งพอง กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบในระยะเฉียบพลัน หัวใจเต้นเร็ว คลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ ลิ้นหัวใจอักเสบ เยื้อหุ้มหัวใจอักเสบครับ"

"ค่ะ" วารีพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แล้วเปล่งเสียงถามต่อด้วยความกังวล "แล้วอันตรายไหมคะ"

"ลูกคุณต้องได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุดครับเพราะอาการค่อนข้างรุนแรง ปล่อยไว้อาจอันตรายถึงชีวิตได้" ราวกับฟ้าผ่าลงกลางศีรษะดังเปรี้ยงเมื่อได้ยินที่หมอบอก หัวใจของคนเป็นแม่อย่างเธอแทบจะขาดร่อน ๆ เมื่อรับรู้ว่าลูกน้อยวัยเพียงสามขวบเศษ ๆ เป็นโรคที่อาจจะทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ เธอกลืนก้อนสะอึกลงลำคออย่างยากลำบากก่อนเผยอริมฝีปากสั่นเครือถามต่อ "ค่าใช้จ่ายในการรักษาเท่าไรคะคุณหมอ"

"หมอจะรักษาโดยการใช้ยาก่อนนะครับหากได้ผลก็ไม่ต้องผ่าตัดค่าใช่จ่ายประมาน 200,000 - 300,000 ครับ แต่ถ้าต้องผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 500,000 - 900,000 บาทครับ"

"หะ..ห้าแสนถึงเก้าแสน" สิ้นเสียงตอบใบหน้าสวยถึงกับถอดสีความกังวลฉายขึ้นในแววตาคู่สวยอย่างชัดเจน เงินเกือบล้านเธอจะไปหาจากที่ไหนได้ทุกวันนี้ก็มีแค่พอกินพอใช้

มือเรียวที่วางบนหน้าตักประสานเข้าหากันแน่นความเครียด ความกดดันถาโถมเข้ามาจนนั่งไม่ติด แต่ไม่ว่ายังไงเธอจะต้องรักษาชีวิตบุตรสาวไว้ให้ได้เพราะเป็นสิ่งมีค่าสิ่งเดียวในชีวิตที่ทำให้เธอก้าวเดินต่อไปในโลกอันโหดร้ายนี้ได้ อีกทั้งยังเป็นตัวแทนความรักจากผู้ชายอันเป็นที่รัก เธอหลับตาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนปรือตาขึ้นตอบ "คุณหมอรักษาได้เลยค่ะ"

"โอเคครับหากมีอะไรเพิ่มเติมหมอจะแจ้งให้คุณแม่ทราบอีกทีนะครับ"

"ค่ะหมอ" วารีพยักหน้ารับน้อย ๆ แล้วยกมือไหว้ขอบคุณ จากนั้นก็ลุกเดินออกจากห้องหมอกลับไปหาลูกที่ห้องพักผู้ป่วยด้วยสมองหนักอึ้ง และจิตใจที่ล่องลอย

เธอค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไปในห้องอย่างหมดเรี่ยวแรง เดินไปหยุดข้างเตียงจับจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มของบุตรสาวที่นอนหลับจมูกมีสายออกซิเจนสอดอยู่ด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ น้ำสีใสพลันเอ่อคลอดวงตากลมโตอย่างกลั้นไม่อยู่ เธอช่างเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลยอยู่กับบุตรสาวมาตั้งแต่แรกเกิด

"ไม่อะเงินเก็บแกกว่าจะหามาได้สักบาทเหนื่อยสายตัวแทบขาด ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก"

"คิดมากทำไมเราเพื่อนกัน" ไวน์ยกมือขึ้นตบบ่าเพื่อนสาวเบา ๆ เชิงให้กำลังใจแกล้มปลอบประโลม

"ถ้าฉันหาไม่ได้จริง ๆ จะยืมของแกแล้วกัน" วารีมองหน้าเพื่อนสาวด้วยความซาบซึ้งใจไม่มีครั้งไหนเลยที่เธอลำบากแล้วเพื่อนสาวจะไม่ยื่นมือเข้าช่วยจนบางครั้งก็เกรงใจถึงแม้จะเป็นเพื่อนกันก็ตาม “ยังไงก็ขอบคุณแกมากนะไวน์ที่คอยอยู่ข้างฉันตลอดเวลามีปัญหา”

"โอเค ๆ เอาที่แกสบายใจก็แล้วกัน" ไวน์เอ่ยอย่างอ่อนใจเลือกจะไม่พูดอะไรต่อ เดินไปหย่อนสะโพกนั่งลงที่โซฟาเงียบ ๆ

ส่วนวารียังคงยืนมองหน้าบุตรสาวอยู่อย่างนั้น ในสมองก็ครุ่นคิดเรื่องค่ารักษาไปด้วยตอนนี้เงินเก็บในบัญชีมีแค่สองแสนกว่าเท่านั้นไหนจะต้องกินต้องใช้อีก งานก็ไม่ได้ทำเพราะต้องอยู่ดูแลบุตรสาวมองทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด ไม่เห็นทางเลยว่าจะมีวิธีไหนที่ทำให้เธอหาเงินได้มากและเร็วที่สุด

"สวัสดีค่ะเสี่ย" ระหว่างที่เธอกำลังคิดไม่ตกเรื่องเงินเสียงของเพื่อนสาวที่รับโทรศัพท์ก็ดังแทรกเข้ามาในโสตประสาททำให้เธอหลุดจากภวังค์ คำว่าเสี่ยทำให้ความคิดบางอย่างผุดขึ้นในสมอง เธอยืนฟังเพื่อนสาวพูดโทรศัพท์กับคนปลายสายจนเสร็จจึงเดินไปนั่งลงข้าง ๆ แล้วถามไถ่ด้วยความอยากรู้เพราะนี่อาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเธอในตอนนี้ "ไวน์งานเอนเตอร์เทนที่แกทำรายได้ดีไหม แบบที่แค่ทานข้าว ดูหนัง ฟังเพลงอะ"

"ถามทำไมอย่าบอกนะว่าแกจะทำ ฉันไม่อยากให้แกทำงานแบบนี้เลยหากมีทางเลือกอย่าเลือกเดินเหมือนฉันนะวา" ไวน์มองหน้าเพื่อนสาวด้วยแววตาเศร้าเธออยู่ในวงการนี้มาตั้งแต่อายุสิบเจ็ดจนตอนนี้อายุยี่สิบหกรู้ดีว่าเป็นแบบไหน ถึงแม้จะแค่ทานข้าวมันไม่ดีต่อตัวเองสักนิดหากย้อนเวลากลับไปได้เธอจะไม่ขอเดินทางนี้เด็ดขาดดังนั้นจึงไม่อยากให้เพื่อนสาวพลาดเหมือนกับตัวเอง

"ฉันแค่ถามไว้ประกอบการตัดสินใจ แต่หากไม่มีทางเลือกจริง ๆ ฉันคงต้องทำ"

"อืม" ไวน์พยักหน้ารับน้อย ๆ นิ่งเงียบไปนานนับนาที ก่อนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง "งานเอนเตอร์เทนมีหลากหลายประเภทแบบที่ 1 เอนแบบธรรมดา เป็นการรับงานในลักษณะดูแล รับประทานอาหาร ดูหนัง เป็นเพื่อนเที่ยว เพื่อนดื่ม ชงเหล้าให้เท่านั้น ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 5,000 – 10,000 บาท

แบบที่ 2 เอนอัพ เป็นการให้บริการในงานปาร์ตี้เฉพาะกลุ่มมีการใช้สารเสพติด หรือที่เรียกว่าอัพยา ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 – 20,000 บาท

แบบที่ 3 เอนบิกินี่ เป็นปาร์ตี้ริมสระ เด็กเอนที่รับงานจะต้องใส่ชุดบิกินี่ให้บริการลูกค้า คือ ดูแล ชงเหล้า เป็นเพื่อนดื่มกิน หรือลงสระน้ำด้วย ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 15,000 – 30,000 บาท

แบบที่ 4 เอนแรง งานประเภทนี้จะมีความ 18+ ขึ้นมาอีกระดับ ผู้รับงานต้องใจกล้าเนื่องจากลูกค้าอาจมีการสัมผัสร่างกาย ถึงเนื้อถึงตัว แต่ไม่มีเซ็กส์ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 20,000 – 50,000 บาท

แบบที่ 5 เอนวี เป็นการดูแลลูกค้าที่ใช้บริการและต้องจบที่บนเตียง ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 60,000 – 200,000 บาท ราคาของงานเอนประเภทนี้จะสูงขึ้นได้อีก พิจารณาตามเกรดตัว หน้าตา ประสบการณ์การการทำงาน หรือความบริสุทธิ์ รวมถึงประวัติของผู้ให้บริการ เช่น เป็นดารา เป็นนางแบบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับลูกค้าด้วยว่าจะใจป๋ากระเป๋าหนักหรือเปล่าบางทีก็ได้เยอะกว่าที่พูดไป"

"ทำงานแค่ไม่กี่ชั่วโมงมันได้เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ" วารีเอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเธอก็พอรู้มาบางว่างานเอนเงินดี แต่ไม่คิดว่าจะมากมายขนาดนี้ ถ้าถามว่าอยากทำไหมตอบได้เลยว่าไม่อยากทำสักนิดถึงจะเงินดีมันก็ไม่คุ้มกับการต้องเสียศักดิ์ศรี

"เยอะแต่ต้องแลกมากับศักดิ์ศรีตัวเองมันไม่คุ้มหรอกวา"

"ใช่มันไม่คุ้มเลยจริง ๆ" ทั้งสองมองสบตาถอนหายใจออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย พวกเธอคบกันมานานกว่าเจ็ดปีแค่มองตาก็รู้ใจไม่ต้องมีคำพูดใด ๆ

ภายในห้องถูกปกคลุมด้วยความเงียบนานนับนาที ก่อนไวน์จะเอ่ยขึ้นอีกครั้งเมื่อเหลือบไปเห็นเวลาบนนาฬิกาแขวนฝาผนัง "งั้นฉันกลับก่อนนะวันนี้มีงาน"

"อือ ๆ" วารีเพียงพยักหน้ารับ หลังจากเพื่อนสาวกลับไปเธอก็เอนหลังพิงพนักโซฟา ก่อนค่อย ๆ หลับตาลงเพื่อพักผ่อนสายตาพลางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

 

2 วันต่อมา..

วารีนั่งจ้องหน้าจอมือถืออย่างใช้ความคิดตอนนี้หมอได้เริ่มทำการรักษาบุตรสาวแล้ว และแน่นอนว่าอีกไม่กี่วันก็ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลซึ่งจากการประเมินคร่าว ๆ ก็เกือบแสนเพราะตัวยาที่ใช้รักษาบุตรสาวค่อนข้างแพง อีกทั้งต้องรักษาอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะหายไม่รู้ว่าต้องใช้เงินอีกเท่าไร ไหนจะค่าห้องพิเศษ ค่าจิปาถะอีกเงินในบัญชีร่อยหรอลงทุกที

เธอถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ก่อนตัดสินใจกดเบอร์โทรหาเพื่อนสาวเพื่อพูดคุยเรื่องงาน เธอตัดสินใจแล้วว่าจะทำงานเอนเตอร์เทนเพราะเป็นงานเดียวที่ได้เงินเยอะและไว มันคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนร้อนเงินอย่างเธอ

(ว่าไงวาโทรหาฉันแต่เช้าเชียว)

"ฉันจะทำงานเอนเตอร์เทน แกช่วยหางานให้ฉันหน่อยได้ไหม"

(แกคิดดีแล้วเหรอวาว่าจะทำงานนี้จริง ๆ)

"ฉันไม่มีทางเลือกแล้วจริง ๆ ฉันคิดทบทวนดีแล้ว อีกอย่างฉันก็จะทำแค่งานเอนแบบธรรมดาไม่เปลืองเนื้อเปลืองตัวสักหน่อย"

(โอเค ๆ หากคิดดีแล้วฉันก็เคารพในการตัดสินใจของแก...เดี๋ยวฉันจะดูงานให้นะได้เรื่องยังไงจะโทรบอก)

"ขอบใจแกมากนะ" สิ้นเสียงพูดนิ้วเรียวก็กดวางสายทันที ก่อนจะลุกจากโซฟาเดินไปหาบุตรสาวที่นอนหลับอยู่บนเตียงจับจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มด้วยความรู้สึกสงสาร มือเรียวยื่นไปลูบเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนเบา ๆ ด้วยความรักใคร่ “แม่จะทำทุกอย่างให้ลูกหายจากโรคที่เป็นอยู่ แม่รักลูกมากนะคะ”

"อึก" น้ำสีใสเริ่มเอ่อคลอดวงตากลมโตอย่างกลั้นไม่อยู่พอนั่งมองหน้าบุตรสาวแล้วใบหน้าของอีกคนก็ผุดขึ้นในสมองเธอตลอดเพราะบุตรสาวมีส่วนคล้ายคนเป็นพ่ออยู่ไม่น้อยไม่ว่าจะเป็นคิ้วเข้ม ๆ จมูกโด่งสัน ดวงตาเด็ดเดี่ยวจะมีก็แต่ปากและผิวพรรณที่เหมือนเธอ

บุตรสาวเกิดมาจากความรักของเธอกับชายคนรักแต่เพราะเหตุผลบางอย่างทำให้ต้องพรากจากกัน เธอเชื่อว่าหากมีคนเป็นพ่ออยู่ต้องรักและดูแลบุตรสาวได้เป็นอย่างดี เขาเป็นผู้ชายที่แสนดีมากสำหรับเธอ

ครืด! ครืด!

ขณะที่เธอกำลังหวนคิดถึงเรื่องราวดี ๆ ของหนุ่มคนรักโทรศัพท์ก็แผดเสียงดังขึ้นดึงให้เธอหลุดออกจากภวังค์ความคิด ก่อนรีบลุกจากเก้าอี้เดินไปหยิบโทรศัพท์บนโซฟาขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์เพื่อนสาวจึงกดรับสายอย่างไม่รอช้า

"ว่าไงไวน์"

(ฉันหางานให้แกได้แล้วนะพรุ่งนี้แค่ทานข้าว เที่ยวเป็นเพื่อนลูกค้าเฉย ๆ เดี๋ยวเก้าโมงเช้าฉันไปรับแกมาแต่งตัวที่ห้อง)

"โอเค ๆ ขอบใจแกมากนะไวน์"

(อือ..ไม่เป็นไรเราเพื่อนกันนิ)

"อืม" เธอถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาด้วยความเหนื่อยใจหลังจากวางสายเพื่อนสาวแล้ว หากเลือกได้เธอก็ไม่อยากจะทำงานที่เสี่ยง และอันตรายต่อตัวเองแบบนี้แต่คนเราใช่ว่าจะมีทางเลือกมากนัก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel