1
บั้นท้ายกลมกลึงตึงเปรี๊ยะส่ายดุ๊กดิ๊กไปตามการเคลื่อนไหว เมื่อผู้เป็นเจ้าของคลานเข่าอยู่บนพื้นพรม พยายามเอื้อมมือไปควานหาของบางอย่าง ที่กลิ้งหลุน ๆ หนีหายไป หล่อนมั่นใจว่าต้องอยู่ใต้โซฟาในห้องรับแขกแน่ ๆ ....แต่ก็พบแค่เพียงความว่างเปล่า
“หาไอ้นี่อยู่หรือเปล่า”
เสียงทุ้มของชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ วัยสามสิบต้น ๆ ผู้ที่มีเลือดผสมไทย อังกฤษดวงตาสีเทาเข้มดั่งมีมนตร์สะกดนั้น หล่อนจำได้ดี
“พี่เลโอ !...” เสียงที่เปล่งออกมาราวกับละเมอ แก้มใสประหลาดใจเหมือนกับเห็นมนุษย์ต่างดาวตัวเป็น ๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาจนตายิบหยี หัวใจเต้นถี่ขึ้นมาอย่างประหลาด
“ของน้องแก้ม ใช่หรือเปล่าครับ” มือใหญ่ ยื่นแหวนวงเล็กประดับทับทิมเม็ดจิ๋ว ๆ เรียงเป็นแถว แลดูกระจุ๋มกระจิ๋มส่งให้ พลางลอบมองสาวน้อยแก้มใส ที่ใส่เสื้อเชิ้ตตัวโคร่งสีขาว ตัดกับกางเกงขาสั้นสีสดใส อวดช่วงขาเพรียวสวย อย่างไม่ค่อยชอบใจ ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้หงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ....มันน่าจับมาฟาดก้นนัก...........
“ชะ...ใช่ค่ะ...แก้มหาตั้งนาน นึกว่าอยู่ใต้โซฟาซะอีก” ทำไมต้องเขินจนพูดจาตะกุกตะกักด้วยนะ หลังจากวันที่ชายหนุ่มมาส่งในคืนนั้น ก็ไม่คิดว่าจะได้เจอะเจอกันอีก แต่ก็ยังเก็บเอาเขาไปฝันถึงอยู่บ่อย ๆ .....ก็เขาเท่ห์ ระเบิดระเบ้อถึงเพียงนี้ ใครจะอดใจไหว....แต่ว่า...ทำไมวันนี้ถึงดูดุจัง.....
แก้มใสยื่นมือไปรับแล้วใส่กลับไปที่นิ้วกลางข้างซ้าย ก่อนจะกระพุ่มมือไหว้ขอบคุณอย่างสวยงาม ดั่งผู้ที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี
“พี่เลโอ มาได้ยังไงคะ อย่าบอกนะว่ามาหาแก้ม” หญิงสาวฉีกยิ้ม ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ ทำเป็นไม่รับรู้สายตาดุ ๆ นั่น ถึงจะดูดุยังไง แต่แก้มใสก็รู้ว่าเขาใจดีอย่างที่พี่กวางบอกจริง ๆ หล่อนยังจำวันแต่งงานของสมาชิกในแก๊งสี่สาวได้ ที่เขาคอยดูแลอย่างดี ถึงแม้จะไม่ค่อยยอมพูดจาก็ตาม แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการหงุดหงิดรำคาญออกมาให้เห็น .....เอิ่ม....ความจริงก็ไม่ได้แสดงอารมณ์อื่นใดออกมาด้วยนั่นแหละ....ก็หน้าคุณชายนิ่งซะขนาดนั้น
เลโอเลิกคิ้วสูง แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร พี่แจ่มสาวใช้อารมณ์ดีก็เดินเข้ามาหาเสียก่อน
“คุณท่านให้มาเชิญคุณเลโอ ไปที่ห้องทำงานค่ะ”
ชายหนุ่มทำเพียงพยักหน้ารับรู้ แล้วก็เดินออกไป ไม่แม้แต่จะหันมามองคนที่ยืนยิ้มหน้าบานแฉ่งด้วยซ้ำ
“ยิ้มอะไรคะ คุณแก้ม” ถึงแม้หญิงสาวคนนี้จะเป็นแค่เพียงเด็กกำพร้าที่คุณหญิงกษมา รับมาเลี้ยงตั้งแต่แบเบาะแต่ทุกคนในบ้านก็ปฏิบัติกับเธออย่างให้เกียรติเยี่ยงเจ้านายคนหนึ่ง ไม่ต้องรอให้ใครสั่งเพราะคุณหญิงดูแลน้องแก้มใสราวกับลูกในไส้ ซ้ำยังส่งเสียให้ได้เรียนโรงเรียนดี ๆ อีกต่างหาก
“เอ่อ...พี่เลโอเขามาทำไมหรือคะ”
“คุณแก้มรู้จักคุณเลโอด้วยหรือคะ” พี่แจ่มถามอย่างแปลกใจ เพราะลูกชายของท่านนายพลคนนี้ นาน ๆ จะมาหาผู้เป็นพ่อสักที และมาแต่ละครั้งก็อยู่ไม่เกินครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ และที่สำคัญ เขาไม่เคยเจอกับแก้มใสเลยสักครั้งเดียว
“เคยเจอกันเมื่อไม่นานนี้เองค่ะ ก็คนที่มาส่งแก้มคืนนั้นไงคะ”
“อ๋อ...คืนที่คุณแก้มไปงานแต่งของเพื่อน ๆ ใช่ไหมคะ...อ้าว ! คุณแก้มไม่รู้หรือคะว่าคุณเลโอ เป็นลูกชายของคุณท่านน่ะค่ะ”
“อะไรนะคะ พี่แจ่ม...ลูกชายเหรอคะ” แก้มใสหน้าสลดลง จากความจริงที่เพิ่งได้รับรู้ ถ้าอย่างนั้น วันนี้เขาก็ไม่ได้มาหาหล่อนน่ะสิ...ตายแล้ว...ยัยแก้ม...ปล่อยไก่อีกจนได้ กล้าคิดนะว่าเขามาหาตัวเอง....เฮ้อ......
“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณแก้ม”
“ไม่มีหรอกค่ะ ไปช่วยกันเตรียมของในครัวดีกว่า เย็นนี้แขกคงจะเยอะ ” แก้มใส ตัดบท เพราะเย็นนี้มีงานเลี้ยงฉลองอายุครบหกสิบปีของท่านนายพล ที่ปีนี้จัดงานใหญ่ เพราะถือเป็นการเลี้ยงขอบคุณเพื่อนพ้อง และผู้ใต้บังคับบัญชาไปในคราวเดียวกัน เนื่องจากท่านจะเกษียณอายุราชการในเดือนหน้านี้แล้ว
ภายในห้องทำงานของพลเอกชาญณรงค์ ที่บัดนี้ยืนตัวตรงเอามือไพล่หลัง เหม่อมองไปนอกหน้าต่าง หันหลังให้กับประตูปล่อยความคิดล่องลอยไปในอดีต....อดีตที่เขาไม่อาจหวนคืนกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก
“คุณพ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ” เลโอเข้ามายืนตรงข้ามกับบิดา โดยมีโต๊ะทำงานตัวใหญ่กั้นกลาง
ท่านนายพล หันกลับมาช้า ๆ สีหน้าแม้จะเรียบเฉย แต่ก็มิอาจปิดบังความยุ่งยากใจในแววตาได้
“ลูก จะไม่ยอมออกจากเกาะนั่นจริง ๆ ใช่ไหม”ท่านนายพลเอ่ยถามในสิ่งที่ตัวเองได้ถามไปแล้วหลายครั้ง เพียงแค่หวังว่าจะมีสักครั้งที่คำตอบที่ได้จะแตกต่างกันออกไป
“ครับ เพราะเกาะนั่น มันคือชีวิตและจิตวิญญาณของผม ที่ที่แม่ผมรัก อย่าพยายามอีกเลย มันไม่สำเร็จหรอก” ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงขื่น ๆ ตลอดหลายปีมานี้ บิดาพยายามหว่านล้อมให้เขาเข้ามากอบกู้ธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ อันเป็นมรดกเก่าแก่ของตระกูล ที่เคยยิ่งใหญ่แต่มาบัดนี้ง่อนแง่นเต็มที
“แกยังโกรธพ่อ” ผู้ชายสูงวัยทอดถอนหายใจ เมื่อคำตอบไม่เป็นไปในแบบที่หวัง เพราะท่านนายพลเชื่อมั่นว่า มีเพียงลูกชายคนนี้เท่านั้น ที่จะมาพลิกฟื้นมันขึ้นมาได้ เห็นได้จากการที่ลูกชายของเขาสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวจนร่ำรวยมหาศาล ประสบความสำเร็จด้วยวัยแค่สามสิบต้น ๆ
“เราเลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะครับ” เลโอ เบื่อเต็มทนแต่ที่จำต้องไปมาหาสู่บิดา เพราะคำสั่งเสียของผู้เป็นแม่ที่ขอให้เขาอภัยให้กับผู้ให้กำเนิด
“ก็ได้ฉันยอมแพ้ แต่หวังว่าวันนี้แกจะอยู่ร่วมงานกับพ่อได้นะ” น้ำเสียงเจือด้วยการขอร้อง
“ครับ”
“ขอบใจมาก” ท่านนายพลมองลูกชายด้วยความรู้สึกเสียดาย ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีแต่ท่านเท่านั้นที่เรียกร้องเอาจากลูกชายคนนี้ ทั้งที่ไม่เคยได้เลี้ยงดูอุ้มชูเขาเลยแม้แต่น้อย การที่ยังมีเยื่อใยต่อกันบ้าง แม้จะบางเบาเต็มทีถือว่าดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว
