๙ ตามรักกลับมา (๒)
ประคองสติของตัวเองเพื่อขับรถกลับบ้าน ระหว่างทางก็เช็ดน้ำตาเป็นระยะไม่ให้บดบังการมองเห็น ร้องไห้จนคิดว่าขับรถไม่ไหวจึงจอดข้างทางเพื่อปล่อยน้ำตาให้ไหลได้ตามใจ ปล่อยโฮเสียงดังอย่างไม่นึกอายใคร อย่างไรกระจกที่ติดฟิล์มทึบก็คงบดบังคนข้างนอกไม่ให้มองเข้ามาข้างในได้
ทุบพวงมาลัยแล้วกรีดร้องปานจะขาดใจ เธอเชื่อคำพูดของพี่ชายว่าฌาร์มรักตน จนไม่เผื่อใจรับความเจ็บปวด
พอมาเห็นกับตาว่าเขากอดกับรักแรกก็เจ็บจนไม่อาจทนรับความจริงได้...
กว่าจะกลับมาถึงบ้านใช้เวลาพอสมควร เธอจอดรถหน้ารั้วแล้วพยายามสูดลมหายใจเข้าปอด มองหน้าตัวเองผ่านกระจกแล้วเห็นดวงตาที่แดงก่ำทั้งยังบวมปูด ปลายจมูกแดงตัดกับผิวหน้าสีขาว มองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“พี่ปราบ” เสียงเคาะประตูฝั่งคนขับ พอเหลียวมองก็พบหนุ่มนักบินส่งยิ้มให้ จำต้องเปิดประตูแล้วลงมาเพื่อคุยกับเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถึงสภาพของตนจะไม่พร้อมคุยกับใครก็ตาม
“น้องปลาย...เกิดอะไรขึ้น” รอยยิ้มหดหายเมื่อพบว่าดวงหน้าหวานเปื้อนรอยน้ำตา ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักจนเขาเผลอเอื้อมมือหวังจะเช็ดน้ำตาที่เหือดแห้ง ทว่าหล่อนกลับผินหน้าหลบแล้วยกมือขึ้นเช็ดเอง
กองปราบทำเพียงยิ้มจืดเจื่อน เริ่มคิดหนักว่าควรจะพูดออกไปดีหรือไม่ คิดว่าตลอดสามเดือนที่ผ่านมาตนน่าจะเข้าไปอยู่ในใจของหล่อนบ้าง
ทว่าวันนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้วล่ะ...
“เปล่าค่ะ ฝุ่นเข้าตา พี่ปราบมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ” ข้ออ้างของหล่อนฟังไม่ขึ้น แต่คาดคั้นไปก็คงไม่ได้รับคำตอบ จำยอมพยักหน้าเหมือนว่าเชื่อคำอ้างนั้น ค่อยจับมือบางมากอบกุมเอาไว้แล้วพูดในสิ่งที่ทำใจอยู่หลายชั่วโมง
อัตราการปฏิเสธมีมากกว่าตอบรับ แต่เขาก็ยังคิดจะเดินหน้าเหมือนเดิม บอกให้รู้ดำรู้แดงไปเลย ก่อนจะมีคนบอกตัดหน้า แล้วทำให้เสียหล่อนไปทั้งที่ยังไม่เคยบอกรักสักครั้ง...
“พี่มีบินติดกันหลายวันอาจจะไม่ค่อยได้มาหาปลาย พี่เลยอยากบอกความในใจแล้วก็ถามปลายแค่ประโยคเดียว” สูดลมหายใจลึกมองดวงหน้าหวาน เผลอบีบมือหล่อนแน่นแล้วค่อยคลายออกเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเจ็บ
“พี่ชอบปลาย...เป็นแฟนกับพี่นะ” เพียงแค่ประโยคเดียวก็ทำให้ปริณดาย้อนกลับไปคิดถึงวันที่ถูกใครบางคนขอเป็นแฟน น้ำตากลับรื้นอีกครั้งจนต้องเงยหน้ามองคนที่อยู่ในความจริง ดีกว่าคิดถึงอดีตที่ไม่อาจหวนกลับ
เธอควรเดินหน้าได้แล้ว...
“พี่ปราบ” เรียกชื่อเขาเสียงเครือ น้ำตาค่อยไหลลงเปื้อนแก้มจนร่างสูงต้องดึงเธอเข้ามากอดเอาไว้ สงสารหล่อนจับใจแต่ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง
ยิ่งอยากรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้เธอต้องเสียน้ำตา คนคนนั้นคงมีผลต่อจิตใจของปริณดาเป็นอย่างมาก...
นำของขึ้นมาเก็บบนห้อง สะสางหัวใจกับรักแรกที่ปิดฉากเรียบร้อย เธอแต่งงานและกำลังจะไปอยู่ต่างประเทศกับคนรัก ของที่เขาเคยให้ถูกนำมาคืน ไม่ว่าจะชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่
ครั้งก่อนที่หล่อนมาหาก็เพื่อเชิญไปงานแต่งอย่างเป็นทางการแต่เขาเลือกไม่ไป ยอมรับว่าตอนนั้นยังมีเยื่อใยกับญาดาอยู่บ้าง จนรู้สึกผิดกับปริณดาที่ตนกำลังคบหาเป็นแฟน เขาอยากอยู่คนเดียวเพื่อใช้เวลาคิดว่าจะเอาอย่างไรกับความรักที่ยุ่งเหยิง
ไม่คิดเลยว่าจะถูกตัดความสัมพันธ์...
พอมีเวลาสามเดือนเพื่ออยู่กับตัวเอง กลับคิดถึงเพียงน้องสาวของเพื่อนสนิท จึงรู้ใจตัวเองว่ามันไม่ได้อยู่ที่ภรรยาเก่าแล้ว
“ฮัลโหล ว่าไงต้น” เลือกทิ้งของทุกอย่าง ทั้งของที่ญาดาเคยเอาให้เขาที่ถูกซุกซ่อนไว้ในตู้เสื้อผ้าด้านในสุดซึ่งตนไม่เคยเปิด จัดการนำลงไปทิ้งขยะจนหมด แล้วค่อยขึ้นมาบนห้องพร้อมกับพรูลมหายใจอย่างโล่งอก
ไม่มีอดีตที่ติดค้างในใจอีกต่อไป เขาสามารถเริ่มต้นใหม่กับปริณดาได้แล้ว
‘ผลเป็นยังไงบ้าง’ ทรุดกายลงบนโซฟา คิ้วหนาขมวดเป็นปมด้วยความฉงนกับคำถามของเพื่อนสนิท
“ผลอะไร”
‘อ้าว นายยังไม่เคลียร์กับน้องสาวฉันอีกเหรอ ยัยปลายไปหานายหลายชั่วโมงแล้วนะ หรือมัวแต่สวีทเลยไม่ยอมบอก’ คนรอฟังผลอยู่บ้านอดใจไม่ไหวจนต้องโทรมาถามด้วยตัวเอง รอให้ทั้งสองกลับไปบ้านต้นตระการด้วยกันตั้งแต่เช้าก็ไร้วี่แวว
จากท่านั่งสบาย กลับดีดตัวลุกจากโซฟาทันที ตั้งแต่เช้าที่คุยกับญาดาก็ไม่เห็นปริณดามาหาตน จนต้องถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“ปลายมาหาฉันเหรอ”
‘ใช่สิ อย่าบอกนะว่าไม่เจอ’ พอฟังจากน้ำเสียงของฌาร์มก็เริ่มเป็นฝ่ายนั่งไม่ติด น้องสาวของตนออกไปตั้งแต่เช้า ตอนนี้บ่ายแก่แล้วยังไม่กลับบ้าน ตอนแรกนึกว่าเคลียร์กันเรียบร้อยจึงอยู่ที่คอนโดมิเนียมของอีกฝ่าย
ทว่าเหมือนจะไม่เป็นแบบนั้น...
“ไม่มี! ตอนเช้ามีแค่ญาดาที่เข้ามาบอกว่าจะไปต่างประเทศ แล้วก็คืนของที่ฉันเคยให้ ปลายไม่ได้มา...” พอย้อนไล่ลำดับเรื่องราวก็ต้องหยุดชะงัก คล้ายกับเห็นแผ่นหลังที่คุ้นตาของคนที่ตนคิดถึง แต่ไม่นึกว่าหล่อนจะมาจริง คิดเพียงว่าตนตาฝาดเท่านั้น
‘ฉิบหายแล้ว อย่าบอกนะว่ายัยปลายเห็นนายอยู่กับญาดา’ คราวนี้ร่างสูงไม่อาจอยู่เฉยได้ รีบกดวางสายอย่างรวดเร็วแล้วลงไปข้างล่างเพื่อสอบถามประชาสัมพันธ์ ดูกล้องวงจรปิดว่าเป็นปริณดาที่มาหาตนจริงหรือเปล่า
“แค่นี้นะ”
เมื่อกล่องโดยสารเปิดออก ก็รีบเดินมายังฝ่ายประชาสัมพันธ์ด้านหน้า หอบหายใจเพียงครู่เดียวแล้วตัดสินใจถามในสิ่งที่สงสัย
“ขอโทษนะครับ ตอนเช้ามีคนมาหาผมหรือเปล่า”
“มีค่ะ คุณปลายมาหาคุณฌาร์มแต่ว่าตอนนั้นคุณฌาร์มติดแขกอีกคน เธอเลยนั่งรออยู่ล็อบบี้” พนักงานที่เคยเอ่ยทักปริณดาบอกตามความจริง แต่เธอไม่ทันได้สังเกตว่าทั้งสองพบกันหรือเปล่าเพราะต้องคอยดูแลแขกอีกคน
ใบหน้าคมซีดเผือด พึมพำกับตัวเองเสียงเบาเมื่อคิดว่าหล่อนมาเห็นภาพที่ชวนเข้าใจผิด หากไม่ติดเรื่องญาดา ป่านนี้คงได้พูดคุยคืนดีกันแล้ว
เขาคิดเข้าข้างตัวเองว่าอย่างไร...ว่าเธอมาหาเพื่อคืนดี
“แย่แล้ว!” รีบเดินกึ่งวิ่งไปยังช่องจอดรถของตัวเอง ที่หมายคือบ้านต้นตระการเพื่อตามหาปริณดาและปรับความเข้าใจกับหล่อนอีกครั้ง
เรื่องของเราจะได้เริ่มใหม่อย่างถูกต้องสักที ความรู้สึกที่ตรงกันไม่ควรปล่อยเวลาให้ล่วงเลยโดยเปล่าประโยชน์
การที่เธอมายังคอนโดเขาแต่เช้า ทว่ายังกลับไม่ถึงบ้านก็สร้างความกระวนกระวายใจให้รองประธานรูปหล่อเป็นอย่างมาก อยากเหยียบคันเร่งให้เร็วกว่านี้ ติดที่ว่ารถในเมืองหลวงไม่เอื้ออำนวย ทำได้เพียงทุบพวงมาลัยระบายความอึดอัด
เมื่อไหร่จะถึงสักที!
รถยนต์คันหรูจอดหน้าบ้านต้นตระการ เขาปิดประตูเสียงดังตามอารมณ์ที่ร้อนรุ่ม ค่อยเดินเข้าไปข้างในโดยมีต้นเดือนคอยท่าอยู่แล้ว พี่ชายคนโตก็เดินเป็นหนูติดจั่นเช่นเดียวกันเมื่อทราบเรื่อง ร้อนรนนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้เพื่อรอเพื่อนสนิท
“ปลายอยู่ไหน” คำถามแรกเมื่อเจอหน้า คือเอ่ยถึงบุคคลที่สาม
“ไม่อยู่บ้าน”
“ไปไหน!” เสียงดังจนต้นเดือนยังสะดุ้ง
ไม่เคยเห็นฌาร์มในโหมดเกรี้ยวกราดขนาดนี้มาก่อน จนต้องพยายามอธิบายให้ฟังเพื่อคลายความข้องใจ
“ไม่รู้เหมือนกัน ฉันโทรหาก็ไม่ยอมรับสาย โทรบอกแค่หม่าม้าว่าจะออกไปเที่ยวสักสองสามวันถึงจะกลับ” พอรู้ว่าหล่อนจะไม่กลับบ้านก็ยิ่งวิตกมากกว่าเดิม ตนไม่รู้หญิงสาวไปอยู่ที่ไหน
เรื่องสำคัญคือหล่อนกำลังเข้าใจเขาผิด ทั้งยังไม่อยู่ให้อธิบายอีกด้วย...ฌาร์มถึงกับต้องเดินไปทรุดกายลงนั่งที่โซฟากว้างห้องรับแขก เพราะอยู่ใกล้กว่าห้องนั่งเล่นที่ตนนั่งประจำ
“สองสามวันเลยเหรอ”
“อือ พวกนายนี่จังหวะนรกกันจริงๆ แล้วญาดาจะมาอะไรตอนนี้ ร้อยวันพันปีไม่เคยจะโผล่มาหรอก” อดจะบ่นถึงหญิงสาวที่เป็นตัวต้นเรื่องไม่ได้ ห่างหายกันไปแล้วยังจะมาวุ่นวายกับเพื่อนเขา ต้องการเป็นนางเอกอะไรขนาดนั้น
ยิ่งคิดก็โมโหให้คนที่ไม่ยอมออกไปจากชีวิตของฌาร์มสักที ตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนาให้ออกไปจริงไม่ต้องกลับมาอีก
“เขาอยากมาขอโทษแล้วก็ลาด้วยดี แล้วฉันจะทำยังไงถึงจะตามปลายเจอ” ตอบเรื่องญาดาแบบขอไปทีไม่ได้สนใจ ไม่รู้ว่าหล่อนเจอตอนกอดลาด้วยหรือเปล่า
สำหรับเขาไม่ได้คิดอะไรมาก เมื่ออีกฝ่ายขอก็ยอมทำตาม...อย่างไรก็เป็นครั้งสุดท้ายคงไม่ได้เจอกันอีก
ใครจะคิดว่ามันสร้างความยากลำบากให้ตนในอนาคต...
“ไม่เจอหรอก เดี๋ยวน้องฉันก็กลับมาเองนั่นแหละ...เห็นแม่บ้านบอกว่าไปกับไอ้นักบินด้วย” ประโยคหลังพูดเสียงเบาแต่ร่างหนาก็ได้ยิน ผุดลุกจากโซฟาแล้วตะโกนถามเสียงดังอย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้
ไปกับกองปราบอย่างนั้นเหรอ!!
“ว่าไงนะ!”
“อย่าบอกนะว่าปลายไปหาฉันเพราะจะไปเอาของคืน” เริ่มคิดในแง่ร้าย
เขาถึงกับเข่าอ่อนจนต้องนั่งลงอีกครั้ง ตาลายคล้ายจะหน้ามืดเมื่อคิดว่าตนเป็นฝ่ายถูกทิ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า มองต้นเดือนที่รีบส่ายหน้าปฏิเสธแทนปริณดา
“ไม่ใช่ น้องฉันจะไปคุยให้รู้เรื่อง โดนฉันเกลี่ยกล่อมให้ไปหานายเองแหละ”
“บ้าเอ๊ย มันอะไรกันนักหนาวะ” คราวนี้ถึงกับทุบกำปั้นลงบนโซฟา ปวดหัวกับความบังเอิญที่สร้างเรื่องยุ่งยากให้ตัวเอง
ถ้าหล่อนไปกับกองปราบ...นั่นหมายความว่าสองคนนั้น
ไม่! ไม่มีทางเป็นไปได้
แต่ถึงเป็นไปได้เขาก็ไม่ยอม!
เขาอดทนรอตามที่เพื่อนสนิทได้บอก ให้เวลาปริณดาอยู่กับตัวเองสามวัน อยากโทรไปหาแต่หล่อนก็ยังบล็อกเบอร์และไลน์ของเขาเหมือนเดิม สุดท้ายทำอะไรไม่ได้สักอย่าง งานก็กองท่วมหัวจนต้องรีบเคลียร์เพราะอยากขอลาไปจัดการธุระส่วนตัว
ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งไม่เคยลาหรือขาดงานสักครั้ง รับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองเป็นอย่างดี ทว่าครั้งนี้จำต้องไปจัดการเรื่องความรักด้วยตัวเอง
“สามวันแล้วปลายยังไม่กลับอีกเหรอ ไหนนายบอกว่าจะกลับวันนี้ไง” มาถึงบ้านต้นตระการเพื่อถามถึงลูกสาวคนเล็กโดยเฉพาะ คิดว่าจะเจอหล่อนแต่พบเพียงต้นเดือนที่ยืนรออยู่ด้านหน้า สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เดินเข้ามากอดไหล่เพื่อนแล้วบอกสิ่งที่ทราบมาจากมารดา
“ม้าบอกน้องขอไปเที่ยวต่อ อาจจะอยู่อีกสักอาทิตย์ถึงจะกลับบ้าน”
“ปลายอยู่ไหน” เขาไม่อาจทนใจเย็นรอคอยให้ผ่านไปแต่ละวันได้ อยากไปหาหญิงสาวด้วยตัวเอง
“ฉันไม่รู้ หม่าม้าไม่ได้บอก...แต่ฉันขอเวลาไปสืบแล้วจะรีบมาบอกนายทันที” สองแรงช่วยกันอย่างแข็งขัน บอกไว้แล้วว่าน้องเขยต้องเป็นฌาร์ม ก็ยังคิดเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนจนต้องช่วยเหลือให้เพื่อนสมหวังกับน้องสาวของตน
เพราะความสุขของปริณดาคือคนตรงหน้า...
“ขอบใจมาก ฝากความหวังไว้ที่นายแล้ว” หลังจากนั้นจึงคุยเรื่องต่างๆ แล้วรีบกลับบ้านเพื่อสะสางงาน คาดว่าตนคงต้องลาหลายวันเพื่อไปตามง้อคนรัก
ครั้งนี้จะไม่ยอมปล่อยหล่อนอีกเด็กขาด เวลาล่วงเลยมานานโดยข้างกายไร้เงาคนรัก ต่อจากนี้จะกอดปริณดาเอาไว้ให้แน่น กระซิบรักที่ข้างหูหล่อนทุกวัน
ขอเพียงแค่หญิงสาวให้โอกาสกันอีกสักครั้ง
“ว่าไงบ้าง! สืบได้เรื่องหรือเปล่า” ผ่านไปเพียงวันเดียวก็ได้รับโทรศัพท์จากต้นเดือน รีบกรอกเสียงถามด้วยความตื่นเต้น วางงานทั้งหมดเอาไว้โดยไม่สนใจ
‘ปลายไปพักรีสอร์ทที่พ่อทำไว้อยู่น่าน นายจะไป...’ ยังไม่ทันที่ต้นเดือนจะถามจบ เขาก็ตอบกลับรวดเร็วพร้อมรอยยิ้มกว้างที่ฉีกแทบจะถึงใบหู
“ฉันจะจองตั๋วเครื่องบินเดี๋ยวนี้”
ไม่ยอมปล่อยเวลาเอาไว้ จัดการจองตั๋วเครื่องบินอย่างรวดเร็วพร้อมบอกเลขานุการว่าเขาลางานหนึ่งสัปดาห์!
