บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1 เปิดตัวลูกชาย

เปิดตัวลูกชาย

 

ณ โรงพยาบาลโยธินนารัตน์

 

รถหรูแล่นเข้ามาจอดยังหน้าตึกผู้บริหารของทางโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งนี้ ชายหนุ่มรูปงาม ใบหน้าฟ้าประทานมาดุจเทพในนิยาย แต่งองค์ทรงเครื่อง สวมเพียงแค่เสื้อยืดธรรมดาสีขาวสะอาดตา ทับกับกางเกงยีนส์พอดีตัวสีนิล กับรองเท้าผ้าใบสีเดียวกันกับเสื้อ พร้อมทั้งแว่นกันแดด และหมวกแก๊ปสวมทับศรีษะอีกทีเพื่ออำพรางใบหน้าอันหล่อเหล่าไว้เพียงเล็กน้อย เท้ายาวก้าวลงมาจากรถหรูคันดังกล่าว แล้วเดินเข้าไปภายในตึก ตรงดิ่งไปยังลิฟต์ทันที

 

“เอ่อ...คือเข้าไม่ได้น่ะครับ ที่นี่ใช้เฉพาะผู้บริหารเท่านั้น” ลุงชิต รปภ.(เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย) ภายในตึกเดินเข้ามาถาม แล้วเอ่ยขึ้นห้ามทันที ที่เห็นชายหนุ่มเดินเข้ามายังลิฟต์

 

“แล้วถ้าผมบอกว่า...ผมคือลูกชายของผู้บริหารที่นี่ล่ะครับ” ชายหนุ่มคนดังกล่าวพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง พร้อมกับมือทั้งสองข้างที่ล้วงกระเป๋ากางเกง

 

“แต่งตัวแบบนี้เหรอ คือของลูกชายท่านผู้บริหาร...นี้เล่นขายของกันอยู่หรือเปล่าครับคุณ” ลุงชิตพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกเหยียดหยาม พร้อมกับมองสำรวจร่างสูงตั้งแต่หัวจรดเท้า

 

“เสียงดังเอะอะโวยวายอะไรกัน...ทีม!” เสียงดังเข้มของ ‘ศาสตราจารย์นายแพทย์นฤบดินทร์ อัครโยธินนารัตน์’ อาจารย์หมอ หรือ หมอโปรดที่ทุกคนรู้จัก ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้บริหารของโรงพยาบาลแห่งนี้นั้นเอง

 

“อาจารย์หมอ!...เอ่อ...รู้จักผู้ชายคนนี้ด้วยเหรอครับ” ลุงชิตเอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เริ่มเปลี่ยนไป และแปลกใจที่หมอโปรดเรียกชื่อของชายหนุ่มตรงหน้า

 

“อ่อครับ...น้องทีมลูกชายผมเองครับ พึ่งจะกลับมาจากต่างประเทศเมื่อสัปดาห์ก่อน เดี๋ยวอีกหน่อยก็จะเข้ามาทำงาน และบริหารงานที่นี่แหล่ะครับ” หมอโปรดพยักหน้ารับ และแนะนำกับลุงชิตซึ่งเป็น รปภ. เข้ามาทำงานที่นี่ได้ 5 ปีแล้ว

 

“คือ...ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนน่ะครับ เชิญคุณหมอตามสบายเลย ขอโทษคุณทีมด้วยน่ะครับ” ลุงชิตชายสูงวัยตาลุกวาวขึ้นมาทันที ที่ได้ยินคำว่าลูกชาย แล้วจึงขอตัวเดินออกไปทันที

 

“ทีม...ทำไมแต่งตัวแบบนี้ เข้ามาที่นี่” หมอโปรดหันไปดุลูกชายเพียงน้อย แล้วถามถึงที่มา ที่เห้นลูกชายแต่งตัวลุคเพลย์บอยสบายขนาดนี้มาที่นี่

 

ทีม หรือ ‘นายแพทย์ทินกร อัครโยธินนารัตน์’ ศัลยแพทย์เอกด้านออร์โธปิดิกส์(Orthopedics) หรือเรียกง่ายๆว่า หมอกระดูกและข้อ แพทย์หนุ่มวัยเพียง 27 ปี ซึ่งเป็นลูกชายบุญธรรมของผู้บริหารโรงพยาบาลแห่งนี้ กับ ปิ่นลดา ซึ่งเรียงตามบรรดาศักดิ์ ก็คือ พี่น้องในสายเลือดตามกันมา แต่ต่างมารดาเท่านั้น ซึ่งมีอายุห่างกันตั้ง 15 ปี หรือเรียกง่ายๆว่า พี่น้องต่างแม่นั้นเอง ทั้งคู่เป็นลูกกำพร้าพ่อแม่เสียชีวิตทั้งคู่ตั้งแต่ยังเด็ก จึงได้หมอโปรดในตอนนั้นรับเลี้ยงดูและอุปการะส่งเสีย และต่อมาพี่สาวต่างแม่แต่งงานกันกับหมอโปรด แล้วรับชายหนุ่มมาเป็นลูกบุญธรรม แล้วมาใช้นามสกุลของ อัครโยธินนารัตน์ มาถึงทุกวันนี้

 

“สวัสดีครับพ่อโปรด...พอดีโดนแม่ปิ่นยึดกุญแจห้องกับคีย์การ์ดคอนโดไว้ครับ ยังดีหน่อยที่ไม่ยึดกุญแจรถไว้ด้วย” ทินกรยกมือไหว้ทำความเคารพพ่อ แล้วเอ่ยบอกเหตุผล ด้วยท่าทางที่รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย

 

“เที่ยวดึกสิท่า...เลยถูกทำโทษ จึงถ่อมาหาพ่อถึงที่นี่” หมอโปรดเค้นหัวเราะในลำคอ แล้วยืนกอดออกถามต่อ

 

“พ่อโปรดครับ...ทีมเป็นผู้ชายน่ะครับ ก็ต้องมีความต้องการเป็นเรื่องธรรมดา” ทินกรเอ่ยตอบ พร้อมกับเดินตามหมอโปรดเข้าไปในลิฟต์

 

“เป็นผู้ชายก็ไม่ใช่ว่าจะทำอะไรก็ได้ ที่อยากทำน่ะ...ทีมก็รู้ว่าแม่เขาไม่ชอบเรื่องพวกนี้” เสียงเข้มของหมอโปรดพูดขึ้นมาตลอดทางขณะที่เดินไปด้วยจนถึง และเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัว

 

“แต่ทีมป้องกันอย่างดีเลยน่ะครับพ่อโปรด...”

 

“อย่าให้รู้น่ะว่าแอบ...ไปไข่ไว้ที่ไหน ไม่งั้นพ่อจะตัดหางปล่อยวัดเลย” หมอโปรดจ้องหน้าอย่างคาดโทษเอาไว้ เมื่อเข้ามาถึงภายในห้อง

 

“ผมไม่เคยสดน่ะครับพ่อ...นอกเสียจาก เอ่อ ครั้ง...แรก” ทินกรเอ่ยขึ้นมาอย่างรังเรเล็กน้อย พร้อมกับจ้องมองพ่อ เพื่อดูปฏิกิริยาต่อ

 

“พ่อล่ะอยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นจริงๆเลย...อะไรทำให้แม่หนูคนนั้น หน้ามืดตามัวมาได้ครั้งแรกของลูกชายพ่อไป” หมอโปรดพูดขึ้นมา พร้อมกับสำรวจดูทินกร แล้วพูดเชิงตัดเพ้อใส่บ้างเพียงเล็กน้อย

 

“พ่อหยุดพูดเถอะครับ...ตอนนั้นผมเมามาก จนหักห้ามใจตัวเองไม่ เลยเผลอทำไม่ดีกับน้องเขาไป ดีน่ะที่ไม่โดนข้อหาพรากผู้เยาว์ไป” ทินกรพูดด้วยอย่างรู้สึกทุกครั้งที่พูดถึงหญิงสาวคนนั้น

 

“พ่อถามจริงเถอะ...แม่สาวน้อยคนนั้นเป็นใครกัน ทำไมไม่ยอมบอกพ่อ เผื่อพ่อจะช่วยตามหาเธอให้อีกแรง นี่ก็ผ่านมาตั้ง 5 ปีแล้ว” หมอโปรดที่รับรู้เรื่องนี้มาโดยตลอด เพราะชายหนุ่มไปเรียนที่ต่างประเทศ 7 ปี แต่เรื่องเกิดเมื่อ 5 ปีหลัง ตอนชายหนุ่มกลับมาพักผ่อนที่บ้าน และพยายามถามทินกรอยู่ตลอดเวลา ในระยะ 5 ปี ที่ผ่านมา แค่ทินกรก็ไม่ยอมปริปากบอกเลยว่าหญิงสาวคนนั้นเป็นใคร

 

“ทีมขอเก็บไว้ในความทรงจำดีกว่าครับ...ถึงจะเมาแต่ก็พอมีสติกันทั้งคู่น่ะ แถมทำให้ทีมมีความสุขมากเลย” ทินกรเอ่ยบอกด้วยใบหน้าที่ดูเศร้าขึ้นมา

 

“ทีมมีอะไรกัน โดยไม่ป้องกัน ลูกไม่คิดบ้างเหรอว่าเธอจะท้องหรือเปล่า” หมอโปรดถามลูกชายขึ้นมาในข้อข้องใจ เพราะหญิงสาวยังเด็กมาก อาจจะยังไม่รู้จักวิธีป้องกัน เพราะทินกรบอกว่าสาวน้อยคนนั้น อายุเท่ากันกับลูกสาวเขา ซึ่งก็คือ ตอนนั้นหญิงสาวมีอายุแค่ 18 ปีเท่านั้น ที่ทินกรไปพรากความบริสุทธิ์ *ไม่สิต้องต่างคนต่างพรากความบริสุทธิ์ของกันและกันสิถึงจะถูก*

 

“เธอคงไม่ท้องหรอกครับพ่อโปรด...เธอหนีหายจากผมไปตั้ง 5 ปีแล้วน่ะ หากเกิดเธอท้องขึ้นมาจริงๆ เธอคงจะติดต่อผมมาบ้างสิ แต่นี้ดันหายเงียบไปเลย” ทินกรเอ่ยตอบออกมาอย่างมั่นใจ เพราะหากเกิดหญิงสาวคนนั้นท้องขึ้นมาจริงๆ จะมีผู้หญิงคนไหน ที่จะยอมอุ้มท้องเลี้ยงลูกคนเดียวในวัยเพียงแค่นั้น ทินกรคิดแบบนี้เสมอมา

 

“แล้วตอนนี้...ลูกมีความรู้สึกยังไง” หมอโปรดมองหน้าลูกชายแล้วถามต่อ

 

“...” ทินกรได้แต่เงียบ เมื่อเจอเข้ากับคำถามนี้ เพราะเขาก็ไม่เข้าใจตัวเอง และไม่รู้จะตอบพ่อไปแบบไหนเหมือนกัน

 

“แล้วที่ออกไปเที่ยวทุกคืนล่ะตั้งแต่กลับ...คือยังไงไม่ได้ไปติดสาวทางอื่นอยู่หรอกเหรอ” หมอโปรดเอ่ยถาม เพราะเห็นลูกชายออกไปเที่ยวทุกคืน เพราะคิดมาตลอดว่าทินกรกำลังติดสาวอยู่

 

“ไม่มีสาวๆ อะไรทั้งนั้นแหล่ะ ทีมแค่อยากลืมเธอครับ...” ทินกรเอ่ยบอก พร้อมกับหลบสายตาไปทางอื่น

 

“แล้วลืมได้ไหม...” หมอโปรดถามขึ้นมาต่อ

 

“หน้าเธอลอยมาทุกครั้งที่ทีมทำเรื่องอย่างว่าเลยครับ...” ทินกรเอ่ยบอกไปตามตรง เพราะเขาฝืนใจทุกครั้งที่พยายามปลดปล่อย แต่หน้าหญิงสาวเมื่อ 5 ปี ก็ยังวนเวียนอยู่ในใจเขามาตลอด

 

“นี้ก็ถือว่าเป็นรักแรกเลยหรือเปล่าน่ะ...” หมอโปรดเอ่ยขึ้นมาเบาๆ

 

“...”

 

“ถ้าอย่างนั้นทำไม...ไม่ลองเปิดใจให้สาวๆดูบ้างล่ะ เผื่อจะลืมแม่สาวน้อยคนนั้น”

 

“ไม่ดีกว่าครับ...”

 

 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel