ตอนที่ 2
“ริคกี้...”
หลินหลินตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินเพื่อนชายบอกเช่นนั้น เธอมองสบสายตาอ้อนวอนของเขาอย่างเห็นใจ ในชีวิตนี้คงมีผู้ชายเพียงสองคนที่รักเธอสุดหัวใจเช่นนี้ คนหนึ่งคือหลี่เจิ้งสามีผู้จากไป อีกคนคือ ริคคาโด้คนนี้ น่าเสียดายหัวใจของเธอมอบให้หลี่เจิ้งผู้เป็นสามีไปหมดแล้ว และไม่อาจมอบใจของตนให้ริคคาโด้ได้ หลายสิบปีผ่านไปริคคาโด้ยังคงเป็นเพื่อนผู้แสนดี คอยห่วงใยไต่ถามทุกข์สุขของเธออย่างสม่ำเสมอ ยามนี้เพื่อนผู้แสนดีกำลังถูกโรคร้ายคุกคาม เธอจึงรู้สึกใจหายไม่น้อย
“ได้โปรดนะลิลลี่ ได้โปรดทำตามคำขอร้องของคนใกล้ตายอย่างผมสักครั้ง ได้โปรดทำตามความปรารถนาสุดท้ายของเพื่อนคนนี้ได้ไหมครับ” เป็นคำขอร้องที่เจ้าตัวพยายามบีบบังคับทางอ้อม จนคนฟังรู้สึกหนักใจ
“ริคกี้คะ ฉันอยากรับปากคุณนะคะ แต่หนูเจสหลานสาวของฉัน แกไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครบังคับใจได้ง่ายๆ”
หลินหลินกุมมือเพื่อนชายบีบเบาๆ ให้กำลังใจ เมื่อเห็นอีกฝ่ายสีหน้าหม่เศร้าจนเห็นได้ชัด แม้ภายนอกริคคาโด้ดูแข็งแรงกระฉับกระเฉง กว่าคนในวัยเดียวกัน แต่โรคร้ายภายในทำให้เขาดูอ่อนแอลงอย่างไม่น่าเชื่อ
“ขอให้หนูเจสสิก้า ได้พบกับเบนก่อนได้ไหม ผมเชื่อว่าสองคนนั้นเขาเกิดมาเพื่อกันและกัน ตอนนี้ลูกชายผมกำลังคุยงานอยู่ที่โรงแรมฟีนิกซ์ ผมจะพาเขามารู้จักกับหลานสาวของคุณ”
ความเชื่อของคนใกล้ตาย ทำให้คนแอบฟังทำหน้ามุ่ย ร่างบางเบือนสายตาจากคนแก่สองคนในศาลาแล้วถอนหายใจแรงๆ
“คุณตานี่ดื้อจังแฮะ อยากได้เราไปเป็นสะใภ้โดยไม่ถามสักคำว่าเรายอมหรือเปล่า อยากเห็นหน้าลูกชายของแกนักว่าจะหน้ายังไง พ่ออายุปูนนี้ลูกคงแก่หงำเหงือก”
ริมฝีปากสีแดงสดเบะนิดๆ เมื่อเจ้าตัวเผลอจินตนาการถึงลูกชายของคุณตาเพื่อนของคุณยาย ว่าที่คู่หมายตา ด้วยเข้าใจว่าอีกฝ่ายคงมีวัยใกล้เคียงกับบิดามารดาของตน เสียงสนทนาดังแว่วมา ทำให้เหม่ยเฟิ่งหันไปสนใจฟังต่อ
“ตอนนี้หนูเจสอยู่ที่ญี่ปุ่นค่ะ แกโทรมาว่าจะมาเยี่ยมฉันในอาทิตย์นี้ แต่ไม่รู้วันไหน ยังไงก็รอให้แกมาก่อนนะคะ ฉันจะแนะนำให้คุณรู้จักแกค่ะ” หลินหลินบอกริคคาโด้ ด้วยสีหน้าหนักใจ
“ไม่เป็นไร ผมจะอยู่รอ ตาเบนแกมาติดต่องานกับลูกค้าที่มาเก๊าคงอยู่อีกหลายวัน” ริคคาโด้ ยิ้มออกเมื่อได้ยินคำตอบรับแกมเกรงใจจากเพื่อน
เหม่ยเฟิ่งเบือนหน้าหนีจากสองตายาย ดวงตาคู่สวยฉายแววบางอย่างเมื่อเจ้าตัวเกิดความคิดอยากไปยลโฉมลูกชายคุณตาริคกี้ขึ้นมา หญิงสาวจึงไม่ปล่อยให้ความคิดของตัวเองต้องเป็นหมัน
“อีตาเบนนีโต้ ฉันจะขอดูหน้าของนายหน่อยเหอะ” เหม่ยเฟิ่งย่นจมูก ขณะเอ่ยชื่อคู่หมายที่ไม่เคยเห็นหน้าอย่างรังเกียจ
ร่างเพรียวบางเคลื่อนตัวกลับเข้าไปในตึก ก่อนจะซอยเท้าวิ่งออกมายังรถที่จอดอยู่ด้านหน้าตึกแล้วขับออกไปทันที ท่ามกลางสายตาแตกตื่นแกมมึนงงของบรรดาคนรับใช้ เป้าหมายของรถคันหรูคือโรงแรมฟีนิกซ์ โรงแรมในเครือของตระกูลหลี่ ซึ่งตั้งอยู่ในย่าน จิมซาจุ่ย...
ช่วงเวลาเดียวกัน ณ ประเทศญี่ปุ่น
ร่างของชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่าในชุดสูทแบรนด์ดัง กำลังเดินออกมาจากลิฟต์ของโรงแรมหรูพร้อมบอดี้การ์ดคู่ใจสองคน ขณะกำลังก้าวเข้าไปนั่งในรถส่วนตัวที่มาจอดรอรับตรงทางเข้าด้านหน้าล็อบบี โทรศัพท์มือถือซึ่งถูกตั้งระบบสั่นก็ส่งสัญญาณดังครืดๆ ทำให้คิ้วดกหนายกขึ้นเล็กน้อยมือเรียวยาวหยิบโทรศัพท์มาดู ก่อนจะนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นหมายเลขปลายสาย เขารีบกดรับทันที
“มีอะไรครับคุณแม่” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนปลายสายด้วยน้ำเสียงสุภาพ ดวงตายาวเรียวกระตุกวาบเมื่อได้ยินคำพูดของคู่สนทนา
“เรียวสุเกะ เมื่อครู่พ่อของลูกโดนลอบยิง แต่ไม่ต้องห่วงนะตอนนี้ปลอดภัยแล้ว กระสุนไม่ถูกจุดสำคัญ” เจนนิเฟอร์ ลี บอกข่าวร้ายพร้อมปลอบลูกชายให้คลายกังวล
เรียวสุเกะนิ่งเงียบตกใจกับข่าวร้าย ก่อนจะพ่นลมออกทางปากเมื่อได้ยินว่าบิดาของตนปลอดภัย นับตั้งแต่จำความได้ชีวิตของเขาก็อยู่ในแวดวงของผู้มีอิทธิพลที่เรียกว่ามาเฟียและยากูซ่ามาโดยตลอด เจนนิเฟอร์ ลี มารดาของเขาเป็นน้องสาวคนเดียวของหลี่ไท่หยาง หรือ โจนาธาน ลี หัวหน้าแก๊งหงส์ไฟมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลของเกาะฮ่องกง ในขณะที่ ทาคาฮาชิ ริวอิจิ บิดาของเขา เป็นทายาทของแก๊งมิสึโยชิแก๊งยากูซ่าอันดับสองของญี่ปุ่น ทั้งสองแต่งงานกันและมีทายาทเป็นฝาแฝดชายหญิง คือตัวเขาและเหม่ยเฟิ่ง หรือเจสสิก้าน้องสาวที่เพิ่งเดินทางไปเยี่ยมผู้เป็นยายที่ฮ่องกง
การปะทะกับศัตรูต่างแก๊งเป็นเรื่องปกติ เมื่อแก๊งยากูซ่านอกรีดที่เพิ่งรวมตัวกันต่างต้องการขยายอิทธิพลแข่งกับบรรดาแก๊งใหญ่ทั้งสามแก๊ง ที่เริ่มผ่อนปรนท่าทีของตนลงไม่ให้สังคมเกิดความรังเกียจ โดยการทำธุรกิจสร้างรายได้แทนการทำผิดกฏหมายเหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ยังคงมีบางส่วนรับหน้าที่ดูแลคุ้มครองร้านค้าและกิจการในเขตของตนเองอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้เขตอิทธิพลของตนถูกแก๊งอื่นรบกวน รวมถึงสร้างฐานอำนาจทางเศรษฐกิจและการค้า รวมถึงส่งเงินอุดหนุนพรรคการเมืองอย่างลับๆ เพื่อเป็นฐานอิทธิพลของตัวเอง
แม้จะมีการขัดแย้งและบาดหมางกันอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนเหมือนครั้งนี้เมื่อฝ่ายตรงข้ามส่งคนมาลอบทำร้ายริวอิจิหัวหน้าแก๊ง ซึ่งกำลังจะสละตำแหน่งให้เรียวสุเกะผู้เป็นลูกชาย หลังจากรับหน้าที่เป็นหัวหน้าแก๊งมาหลายปี เทียบเท่าอายุของลูกชายและลูกสาวฝาแฝด ริวอิจิไม่ได้ต้องการเป็นยากูซ่าแต่ถูกบิดาขอร้องแกมบังคับให้รับตำแหน่งนี้แทน เขายอมทำตามความต้องการของบิดาผู้เป็นอดีตหัวหน้าแก๊ง จนกระทั่งเรียวสุเกะลูกชายยินดีสืบทอดตำแหน่งนี้แทนอย่างเต็มใจในฐานะทายาทรุ่นล่าสุดริวอิจิจึงยอมวางมือ แต่เกิดเหตุร้ายขึ้นเสียก่อน
“ฝีมือใครครับ” เรียวสุเกะเอ่ยถาม ใบหน้าที่เรียกว่าหวานเกินชายเครียดเคร่งขึ้นมา
“แม่ว่า ลูกมาคุยกับอาเบะเถอะ เรื่องนี้อาเบะเขารู้ดีที่สุด” มารดาไม่ยอมตอบคำถามนี้ แต่ให้ลูกชายมาคุยกับคนสนิทของบิดาแทน
คำพูดของมารดาทำให้คนเป็นลูก รู้ว่าคนสนิทของบิดารู้ตัวคนร้ายแล้ว และคงรอให้เขาไปจัดการด้วยตัวเอง ชายหนุ่มจึงพูดคุยกับมารดาอีกสองสามคำก่อนวางสาย แล้วสั่งให้คนขับรถเปลี่ยนทิศทางมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลที่บิดารักษาตัวอยู่
เหม่ยเฟิ่งขับรถมาจอดบริเวณชั้นใต้ดินของโรงแรมฟีนิกซ์ หญิงสาวอาศัยความเป็นหลานสาวของผู้บริหารบังคับให้ ผู้จัดการโรงแรมนำกุญแจสำรองห้องพักของสองพ่อลูก ตระกูลมาร์คเคซิโอ้มาให้ เจ้าตัวแอบปลอมตัวเป็นพนักงานของโรงแรมเพื่อเข้าไปสำรวจห้องพักของเบนนีโต้ ขณะที่เจ้าของห้องยังไม่กลับมายังห้องพัก
เหม่ยเฟิ่ง แอบเปิดดูตู้เสื้อผ้า และสำรวจข้าวของใช้ส่วนตัวของเบนนีโต้ เสื้อผ้าและของใช้มักบ่งบอกนิสัย รสนิยมของเจ้าของ จากการดูเสื้อผ้าข้าวของของชายหนุ่ม ทำให้เหม่ยเฟิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายเนี๊ยบแค่ไหน หากไม่มีแม่บ้านมาช่วยดูแลให้ ผู้ชายส่วนมากจะไม่สนใจเก็บเสื้อผ้าจัดข้าวของให้เป็นระเบียบ หญิงสาวสอบถามพนักงานที่ดูแลพบว่าเบนนีโต้ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับตนเอง เขาไม่รับบัตเล่อร์ที่ทางโรงแรมจัดไว้บริการลูกค้าระดับวีไอพีมาดูแล ไม่ยอมแม้แต่ให้ใครเข้ามาจัดข้าวของส่วนตัว นอกจากยอมให้แม่บ้านมาทำความสะอาดตอนที่เขาไม่อยู่เท่านั้น
“อีตาเนี่ย ท่าทางจะสำอางไม่เบา เสื้อผ้าข้าวของเป็นระเบียบกริ๊บ อายุก็มากแล้วยังไม่ยอมแต่งงาน สงสัยจะเป็นชายเหนือชาย ไม่สนผู้หญิงล่ะมั้งเนี่ย”
มือเรียวกรีดไปบนเสื้อที่เรียงเป็นระเบียบอย่างหมั่นไส้ พลางเบะปากแอบนินทาว่าที่คู่หมายของตนไปด้วย
