บ่วงรักร้อยเล่ห์

111.0K · จบแล้ว
ไอริส
39
บท
46.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ร.ต.อ.พันธวุธ นายตำรวจหนุ่มรูปหล่ออนาคตไกล กับ ขวัญชนก ครูสาวแสนสวย มีเหตุให้ ปะทะฉะดะ ตั้งแต่เห็นหน้ากันครั้งแรก ทว่านำมาซึ่งรักแรกพบ ที่ทำให้ผู้กองหนุ่มเจ้าเล่ห์ ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งรักแท้และใช่ว่าผู้กองหนุ่มจะผ่านอุปสรรคไปได้ง่ายๆ เพราะผู้กองหนุ่มต้องผ่านด่านพิสูจน์รักแท้จากครูสาวแสนสวย ด่านพ่อตาสุดโหดที่เป็นถึงท่านนายพลที่ขึ้นชื่อลือนามว่าหวงลูกสาวราวกับ งูจงอางหวงไข่ และที่สำคัญท่านนายพลเป็นแชมป์ยิงปืน 5 สมัยซ้อนแล้ว...ผู้กองหนุ่มแชมป์ยิงปืนแค่ 3 สมัยจะทำอย่างไร? เพื่อให้ผ่านด่านสุดหินเหล่านี้...มื่อถูกคนรักร้องขอให้เลือกระหว่างหน้าที่กับความรักผู้กองหนุ่มจะตัดสินใจเลือกสิ่งใด?...ระหว่างความรักที่บริสุทธิ์งดงามกับหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อันทรงเกียรติ

ตำรวจนางเอกเก่งสัญญาทางรักรักแรกพบพระเอกเก่งรักหวานๆโรแมนติก

บทที่ 1

ธิติการเนอร์เซอร์รี ...

โรงเรียนอนุบาลเอกชน รับดูแลและสอนเด็กตั้งแต่อายุ 3-6 ขวบ โรงเรียนอนุบาลตั้งอยู่บนเนื้อที่ 4ไร่ มีอาคารเรียนเป็นแบบอาคารชั้นเดียว 3อาคาร มีสระว่ายน้ำ สนามฟุตบอล และสนามเด็กเล่น มีเด็กนักเรียนทั้งหมด 160 คน ครูประจำชั้นอนุบาล 10 คน

ธิติการเนอร์เซอร์รี จะรับสอนนักเรียนเตรียมอนุบาลก่อนที่จะเข้าเรียนในระดับป.1 โรงเรียนได้รับมาตรฐานตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด ทั้งในเรื่องความสะอาด ปลอดภัย คุณครูที่สอนจะจบเอกปฐมวัยทุกคน รวมถึง ขวัญชนก ธิติการณ์กุล ครูสาวเจ้าของโรงเรียน

ขวัญชนก ธิติการณ์กุล หรือครูหลินที่เด็กๆ ทุกคนรัก เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของพลโทธิติกับคุณหญิงขวัญฤทัย ธิติการณ์กุล เธอมีพี่ชายหนึ่งคน คือพ.ต.ท.ปวรุตม์ ธิติการณ์กุล ซึ่งได้รับทุนให้ไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ หญิงสาวมีใบหน้างามรูปไข่สวยคมเข้ม จมูกโด่งได้รูปรับกับริมฝีปากบางเฉียบ ดวงตากลมโตภายใต้ขนตายาวงามงอน ผมสีดำขลับเงางามยาวถึงกลางหลัง

ขวัญชนกจบเอกปฐมวัยมาจากต่างประเทศ เมื่อกลับมาทำงานที่เมืองไทยก็สมัครเป็นครูสอนเด็กอนุบาลในโรงเรียนเอกชนชื่อดังในกรุงเทพฯ แต่ทำงานได้ไม่นานก็ต้องลาออกเพราะเจอเจ้าของโรงเรียนชีกอ จีบได้ไม่เลือกหน้า สุดท้ายเธอทนไม่ไหวก็เลยลาออกและเปิดโรงเรียนอนุบาลเอง

ตอนที่ขออนุญาตคุณพ่อกับคุณแม่เปิดโรงเรียนอนุบาล ท่านทั้งสองไม่เห็นด้วย เนื่องจากเกรงว่าลูกสาวจะทำไม่ได้ ท่านอยากให้ลูกสาวคนเดียวมาดูแลธุรกิจของครอบครัวซึ่งตอนนี้คุณลุงของเธอเป็นผู้ดูแลแทนอยู่ แต่ขวัญชนกปฎิเสธความต้องการของพ่อแม่ เธอเป็นคนรักเด็ก เวลาที่เธออยู่กับเด็กๆ เธอจะมีความสุขมาก เด็กๆ มีแต่ความใสซื่อบริสุทธิ์ ไม่เหมือนผู้ใหญ่...ซึ่งบางทีก็ใส่หน้ากากเข้าหากันตลอดเวลา หญิงสาวต้องอธิบายถึงสารพัดเหตุผลที่อยากตั้งโรงเรียนอนุบาลกว่าที่คุณพ่อกับคุณแม่จะยอมให้จัดตั้งโรงเรียน

ช่วงแรกที่เธอเปิดโรงเรียนมีผู้ปกครองฝากลูกหลานให้ดูแลไม่กี่คน เนื่องจากเห็นว่าเป็นโรงเรียนอนุบาลเอกชน ค่าเทอมคงจะแพง และที่ผู้ปกครองไม่ค่อยมั่นใจก็คือตัวเจ้าของโรงเรียน เนื่องจากเห็นว่าเป็นลูกของคนดัง นามสกุลไฮโซ ผู้ปกครองจึงคิดว่าขวัญชนกจะดูแลเด็กนักเรียนได้ไม่ดี

แต่ 1 ปี ผ่านไป ขวัญชนกก็พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเธอสามารถบริหารโรงเรียนและดูแลเด็กนักเรียนได้ดีขนาดไหน โรงเรียนของเธอได้รับรางวัลจากกระทรวงศึกษาธิการมากมายหลายรางวัล และมีนักเรียนเพิ่มขึ้นมากในทุกๆ ปี ค่าเทอมที่เรียกเก็บก็ไม่แพงเกินไปถูกกว่าโรงเรียนอนุบาลเอกชนอื่นๆ หลายสิบเท่า มีผู้ปกครองหลายๆ คนที่อยากให้ลูกเรียนที่โรงเรียนของเธอ แต่ขวัญชนกเปิดโรงเรียนอนุบาลเพราะใจรัก ไม่ใช่เพราะต้องการหากำไร เธอจึงรับนักเรียนในแต่ละภาคการศึกษารวมกันทั้งหมดไม่เกิน 160 คน เพื่อให้ครูสามารถดูแลนักเรียนได้ทั่วถึง เธอจะมาถึงที่โรงเรียนแต่เช้าและจะกลับเป็นคนสุดท้ายซึ่งจะเป็นแบบนี้ในทุกวัน

วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่ง เธอมาถึงโรงเรียนตั้งแต่เวลา 06.00 น. เดินสำรวจตามห้องเรียนแต่ละห้อง สนามเด็กเล่นเพื่อเตรียมความพร้อมของโรงเรียนก่อนที่ผู้ปกครองจะพาลูกๆ มาส่งที่โรงเรียน

ประมาณ 7 โมงเช้าหญิงสาวจะไปรอหน้าประตูโรงเรียนเมื่อผู้ปกครองเริ่มพาลูกมาส่งที่โรงเรียน เธอจะออกมารับนักเรียนทุกๆ คนที่หน้าโรงเรียนพร้อมกับครูเวรอีกหนึ่งคน วันนี้จะเป็นหน้าที่ของครูจ๋า

“สวัสดีค่ะ“ ขวัญชนกยกมือไหว้ผู้ปกครองที่มาส่งนักเรียน เธอรับกระเป๋ามาจากผู้ปกครองแล้วปล่อยให้ครูจ๋าพาเด็กๆ เข้าไปในโรงเรียน

“สวัสดีครับ คุณครูหลิน” น้องบลู เด็กน้อยที่มีนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเหมือนคุณพ่อ ยกมือไหว้และกล่าวสวัสดีคุณครู

“สวัสดีค่ะ น้องบลู ทำไมวันนี้น้าปุ้นมาส่งคะ” ครูหลินยิ้มหวานรับไหว้นักเรียนพลางเอ่ยถามเพราะปกติคุณพ่อโดมินิทจะเป็นคนมาส่งน้องบลูทุกๆ วัน

“คุณพ่อบลูไปอเมริกาครับ น้าปุ้นก็เลยมาส่งน้องบลูเอง” น้องบลูยิ้มแป้นตอบคุณครู

“ครูหลินครับ พี่อาร์ตมาถึงโรงเรียนหรือยังครับ” น้องบลูเอ่ยถามถึงเพื่อนสนิท

“ยังเลยค่ะ น้องบลูเข้าไปข้างในโรงเรียนก่อนนะคะ” ครูหลินรับกระเป๋ามาจากข้าวปุ้น

“ครับ! บ๊าย บาย น้าปุ้น” น้องบลูยิ้มยกมือบ๊าย บายให้น้าสาว

“ปุ้นกลับก่อนนะคะ เดี๋ยวบ่ายๆ ปุ้นจะมารับน้องบลูเอง” ณิชาดาหรือข้าวปุ้นน้าสาวของ น้องบลูยกมือไหว้คุณครูแล้วเอ่ยลา

ขวัญชนกรอรับนักเรียนจึงถึงเวลา 08.00 น. นักเรียนคนสุดท้ายก็มาถึงโรงเรียน

เด็กชายพันธวิศ ศิริวัฒน์ รีบลงมาจากรถเก๋งคันงามวิ่งกระหืดกระหอบมาหยุดอยู่หน้าครูหลิน

“สวัสดีครับ คุณครูหลิน” เด็กชายพันธวิศ หนีบกระเป๋านักเรียนไว้ระหว่างขาทั้งสองข้างแล้วยกมือไหว้กล่าวสวัสดีน้ำเสียงปนหอบ

“สวัสดีค่ะน้องอาร์ต วันนี้มาทันเข้าแถวพอดีเลยนะคะ” ครูหลินรับไหว้แล้วแซวนักเรียนด้วยสีหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มของความเอ็นดู

“ครับ เมื่อคืนคุณพ่อกับไม่ค่อยดึกเท่าไหร่ วันนี้คุณพ่อก็เลยตื่นแต่เช้ามาส่งน้องอาร์ตครับ” น้องอาร์ตยิ้มสดใสหันไปยกมือบ๊าย บายให้คุณพ่อที่นั่งอยู่ในรถ

ขวัญชนกเพ่งสายตามองเข้าไปในรถเก๋งคันงามที่ติดฟิล์มสีดำทึบจนคนภายนอกมองแทบไม่เห็นคนขับ หญิงสาวรู้สึกไม่ค่อยชอบผู้ปกครองของน้องอาร์ต เพราะขนาดว่ามาส่งลูกแต่เช้า น้องอาร์ตก็มาถึงโรงเรียนเวลา 8โมงเช้าเกือบทุกวัน บางวันก็มาถึงตอนที่เพื่อนๆ เข้าแถวเคารพธงชาติแล้ว

เธอเคยถามน้องอาร์ตว่าทำไมถึงมาโรงเรียนสาย เด็กน้อยจะบอกทุกครั้งว่าคุณพ่อกลับบ้านดึกเลยตื่นสายมาส่งน้องอาร์ตไม่ทัน เธอบอกให้คุณแม่มาส่งแทน น้องอาร์ตบอกว่าคุณแม่หนีน้องอาร์ตไปตั้งแต่น้องอาร์ตตัวยังเล็กๆ

หญิงสาวคิดว่าพ่อของน้องอาร์ตคงจะอยู่เที่ยวดึกเลยทำให้ตื่นสายมาส่งลูกไม่ทัน เธอเคยส่งจดหมายไปถึงคุณพ่อของน้องอาร์ตให้ช่วยพาน้องอาร์ตมาส่งที่โรงเรียนเร็วกว่านี้ เธอได้รับจดหมายเซ็นต์รับทราบตอบกลับคืน แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือด้วย น้องอาร์ตยังมาโรงเรียนสายทุกวัน

ขวัญชนกจ้องมองเขม่งไปยังรถเก๋งเมื่อคนขับเลื่อนกระจกรถลงแล้วยกมือบ๊าย บาย ให้ลูกชาย เธอมองเห็นพ่อของน้องอาร์ตไม่ชัดนักเนื่องจากระยะค่อนข้างไกลและอีกฝ่ายก็ใส่แว่นตากันแดดสีดำอันใหญ่ปิดบังใบหน้า เธอไม่เคยพบกับคุณพ่อของน้องอาร์ต ทุกครั้งที่เธอส่งจดหมายไปถึงผู้ปกครองเพื่อขอความร่วมมือในการมาประชุมผู้ปกครอง

เธอก็จะได้รับจดหมายแจ้งว่าไม่ว่าง...ติดงานสำคัญไม่สามารถมาได้ เธอต้องทำเป็นหนังสือแจ้งเรื่องที่ประชุมและผลการประชุมไปให้คุณพ่อของน้องอาร์ตทุกครั้ง และเวลามาส่งลูกชาย พ่อของน้องอาร์ตก็ไม่เคยลงมาจากรถเลย น้องอาร์ตจะแก้ตัวให้คุณพ่อทุกครั้งว่าเจ้านายคุณพ่อเรียกตัวคุณพ่อให้ไปทำงานสำคัญ ด่วนมากๆ คุณพ่อต้องรีบไป หญิงสาวจ้องมองคุณพ่อน้องอาร์ตจนอีกฝ่ายเลื่อนกระจกรถขึ้นและขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว

“ไปเข้าแถวกับเพื่อนดีกว่านะคะ เสียงกริ่งเรียกเข้าแถวดังแล้ว” ขวัญชนกจูงมือน้องอาร์ตเข้าไปในโรงเรียนเมื่อเสียงกริ่งเรียกเข้าแถวดังขึ้น

เมื่อนักเรียนเข้าแถวเคารพธงชาติเรียบร้อยแล้ว คุณครูประจำชั้นจะพานักเรียนแยกย้ายเข้าตามชั้นเรียนซึ่งมีทั้งหมด10 ห้อง นักเรียนห้องละ 16 คน แผนการเรียนการสอนที่เธอจัดไว้สำหรับแต่ละวันคือให้คุณครูสอนนักเรียนทำกิจกรรมร้องเพลง เรียนศิลปะ มีชั่วโมงทำกิจกรรมกลางแจ้ง เรียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษง่ายๆ เล่านิทานก่อนนอน การเรียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษเธอจะเป็นคนสอนเอง โดยจะสอนนักเรียนระดับอายุ 5-6 ขวบ เธอจะให้เด็กๆ รับประทานอาหารตั้งแต่เวลา 11.30 น. หลังจากมื้อกลางวันแล้วจะให้เด็กๆ เข้านอนถึงเวลา14.00 น.

หลังจากนั้นจะให้เด็กๆ ตื่นขึ้นมาทำกิจกรรมกลางแจ้งแล้วแต่ว่าครูประจำชั้นจะหาเกมส์อะไรมาให้เด็กๆ เล่นร่วมกัน เวลา15.30 น.จะเป็นเวลาที่ผู้ปกครองเริ่มมารับลูกกลับบ้าน

เนื่องจากใกล้จะสิ้นเดือนแล้ว วันนี้ขวัญชนกจึงไม่มีเวลาไปสอนภาษาอังกฤษ เพราะเธอต้องทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย เงินเดือนของคุณครูและลูกจ้าง รวมถึงทำรายงานผลการเรียนการสอนด้วย เธอนั่งทำงานเอกสารตั้งแต่เช้าจนลืมเวลารับประทานอาหารเที่ยง เวลาล่วงไปจนถึง15.30 น. ผู้ปกครองเริ่มมารับลูกๆ กลับบ้าน

ก๊อก...ก๊อก…

ขวัญชนกเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องทำงาน

“เข้ามาสิจ้ะ” ขวัญชนกเอ่ยอนุญาต เธอทำสีหน้าแปลกใจเมื่อเห็นครูจ๋าหน้าซีดเดินร้อนรนเข้ามาในห้อง

“เป็นอะไรไปจ๋า ทำไมหน้าซีดจังเลย”

“พี่หลินค่ะ น้องบลูหายไปจากโรงเรียนค่ะ” ครูจ๋าหน้าซีดเอ่ยตอบขวัญชนกด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก

ครูจ๋ารักขวัญชนกเหมือนพี่สาว เธอจึงเรียกขวัญชนกด้วยความสนิทสนม

“อะไรน่ะ! น้องบลูหายไป จ๋าเดินดูรอบๆ โรงเรียนหรือยัง” ขวัญชนกร้องถามด้วยความตกใจ มือเรียวบางรีบเก็บเอกสารบนโต๊ะทำงาน

“จ๋า เดินหาทั่วแล้วค่ะ แต่ไม่เจอน้องบลูเลย” ครูจ๋าเอ่ยตอบเสียงแผ่วเบา

“น้องบลูหายไปนานหรือยัง แล้วใครเป็นคนดูเด็กๆ” ขวัญชนกเดินออกมาจากห้องทำงาน ร่างบางระหงเดินลิ่วมายังบริเวณสนามหน้าโรงเรียนที่มีเด็กๆ กลุ่มใหญ่กำลังเล่นอยู่

“สักประมาณ 20 นาที ได้แล้วค่ะ จ๋าเป็นคนดูเด็กๆ เองค่ะ แต่เมื่อสักครู่น้องอาร์ตกับน้องต้นทะเลาะกัน จ๋ามัวแต่แยกเด็กทั้งสอง แล้วน้องกันก็ถ่ายใส่กางเกง จ๋าเลยพาไปเข้าห้องน้ำ พอกลับมาก็ไม่เจอน้องบลูแล้ว”

“น้องอาร์ตกับน้องต้นเจ็บมากมั้ย” ขวัญชนกอดที่จะเป็นห่วงเด็กนักเรียนคนอื่นๆ ไม่ได้ ใบหน้าคมสวยเครียดอย่างเห็นได้ชัด

“เจ็บนิดหน่อยค่ะ ครูส้มกำลังทำแผลให้อยู่ค่ะ พี่หลินค่ะ จ๋าขอโทษ ที่ดูแลนักเรียนไม่ดี” ครูจ๋ายกมือไหว้เอ่ยขอโทษเสียงสั่นเครือ ดวงตาสีดำสนิทที่ฉายแววเศร้าอยู่ตลอดเวลายิ่งเศร้าลงไปอีก

“ช่างมันเถอะ พี่รู้ว่าจ๋าทำดีที่สุดแล้ว มีใครรู้เรื่องน้องบลูหายไปมั้ย” ขวัญชนกปลอบขวัญครูสาวที่ทำท่าจะร้องไห้

“ยังไม่มีใครรู้ค่ะ” ครูจ๋าเอ่ยตอบ

“จ๋าไปส่งนักเรียนก่อน ผู้ปกครองเริ่มมารับลูกแล้ว จ๋าอย่าเพิ่งบอกใครน่ะ เดี๋ยวพี่จะโทรไปหาคุณพ่อให้ช่วยส่งคนมาตามหาน้องบลูอีกแรง”

“ค่ะ เดี๋ยวจ๋าส่งนักเรียนหมดแล้ว จ๋าจะรีบมาช่วยพี่หลินตามหาน้องบลูนะคะ” ครูจ๋าเอ่ยบอกเสร็จก็รีบวิ่งไปหน้าโรงเรียนเพื่อส่งนักเรียนให้กับผู้ปกครองที่มารอรับ

ขวัญชนกกดโทรศัพท์ไปหาพลโทธิติ เธอเป็นกังวลกลัวว่าน้องบลูจะได้รับอันตราย หญิงสาวรอด้วยความเครียดกว่าคุณพ่อของเธอจะรับสายเธอรู้สึกว่าเหมือนนานนับชั่วโมง

“คุณพ่อค่ะ ตอนนี้พ่ออยู่ที่ไหนคะ หลินกำลังเดือนร้อน” ขวัญชนกเอ่ยถามรัวเร็วเมื่อพลโทธิติกดรับสายแล้ว

“พ่ออยู่ที่กระทรวง มีเรื่องอะไรจะให้พ่อช่วยหรือว่าจะให้พ่อไปช่วยกันพวกหนุ่มๆ ที่มาจีบอีก”

พลโทธิติ หัวเราะฮึๆ ก่อนจะเอ่ยแซวลูกสาวสุดที่รัก

“พ่อค่ะ! ไม่ใช่เวลามาล้อเล่นน่ะ นักเรียนที่โรงเรียนหลินหายไปคนหนึ่ง พ่อส่งคนของคุณพ่อมาช่วยตามหาหน่อยได้มั้ยคะ”

“อะไรน่ะ! เด็กนักเรียนหาย” พลโทธิติตะโกนถามเสียงดัง น้ำเสียงเริ่มซีเรียสไม่แพ้ลูกสาว

“ค่ะ หายได้สัก 20 นาทีแล้ว คุณพ่อให้คนของคุณพ่อเข้าทางประตูหลังโรงเรียนนะคะ หลินไม่อยากให้ผู้ปกครองคนอื่นทราบ เดี๋ยวจะตกใจกลายเป็นเรื่องใหญ่โตอีก”

“ได้ พ่อจะให้คนของพ่อออกไปเดี๋ยวนี้ สักประมาณ 20 นาทีน่าจะถึงโรงเรียนน่ะ หลินติดต่อผู้ปกครองเด็กหรือยัง”

“ยังเลยค่ะ หลินอยากหาน้องบลูรอบๆ โรงเรียนอีกทีก่อนค่ะ ถ้าไม่เจอจริงๆ จะลองโทรไปถามว่าเขารับน้องบลูไปหรือยัง”

“หลินแค่นี้ก่อนน่ะ พ่อจะไปบอกให้คนของพ่อรีบไปที่โรงเรียน” พลโทธิติเอ่ยเสร็จก็กดวางสายไป

ขวัญชนกทำหน้าเครียด ร่างบางเดินไปเดินมาเป็นหนูติดจั่น หญิงสาวฝืนยิ้นให้ผู้ปกครองบางคนที่เดินเข้ามาทัก เธอคิดว่าน้องบลูอาจจะไปที่สระว่ายน้ำหลังโรงเรียน แต่พอเธอเดินไปหาก็ไม่เจอ ลองเดินไปหาตามห้องเรียนก็ไม่พบ

อีกสามสิบนาทีต่อมาลูกน้องคนสนิทของพลโทธิติก็เดินทางมาถึงโรงเรียน ขวัญชนกวิ่งไปเปิดประตูหลังโรงเรียนให้ ร้อยตรีทั้ง 5 นายเข้ามาในโรงเรียน เธอเอารูปของน้องบลูให้ร้อยตรีทั้งห้านายดู บอกลักษณะเด่นว่าน้องบลูเป็นลูกครึ่ง ผิวขาว มีนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้ม เมื่อทุกคนรับทราบข้อมูลของน้องบลูแล้วต่างก็พากันแยกย้ายหาในโรงเรียนและบริเวณโดยรอบ

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ร้อยตรีทั้งห้านายกลับเข้ามาในโรงเรียนอีกครั้ง ทุกคนมีสีหน้าผิดหวัง เนื่องจากตามหาน้องบลูไม่พบ ขวัญชนกหน้าซีดเผือดไม่มีสีเลือด มือเท้าอ่อนยืนไม่ไหวจนต้องนั่งแปะหมดแรงบนเก้าอี้ หญิงสาวตัดสินใจโทรไปหาคุณแม่ของน้องบลูเผื่อว่าคุณแม่น้องบลูมารับโดยที่ไม่ได้บอกกับคุณครูจ๋าไว้