บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 8 ค่ำคืนมงคลกับอนุคนงาม

แม้เป็นเพียงเรือนอนุแต่ขนาดของเรือนกลับไม่เล็ก แม้ไร้เกี้ยวแปดคนหาม แต่การตกแต่งจัดเตรียมห้องหอด้วยโคมไฟสีสดตระการตาอันบ่งบอกว่าให้เกียรติกันนั้น

ซู่หลินจึงยิ่งรู้สึกว่าตนเองคิดไม่ผิดที่ตัดสินใจมาเป็นอนุภรรยาสกุลหยาง และเมื่อคิดถึงใบหน้าคมคายหล่อเหลา ความสง่างามเป็นเอกของหยางเจี้ยน นางก็ยิ่งกระหยิ่มในใจ

สำหรับซู่หลินการทำให้บุรุษโปรดปรานมิใช่เรื่องยาก หากมิใช่เกิดมาในครอบครัวธรรมดา มีฐานะแค่สามัญชน เป็นเพียงหลานสาวของอนุขุนนางขั้นสี่ เกรงว่าคงได้มีโอกาสร่ายมารยาต่อพระพักตร์ ทำให้องค์จักรพรรดิหลงใหลจนได้เป็นพระสนมคนโปรดไปแล้ว

สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับ คือซู่หลินเป็นหญิงงามอย่างแท้จริง มองมุมไหนก็น่าพิสมัยชวนสัมผัส แม้นิสัยภายในจะเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ แต่เพราะนางมีใบหน้าอ่อนหวานหยาดเยิ้ม เวลาคลี่ยิ้มยิ่งหวานล้ำเป็นพิเศษจึงปกปิดนิสัยแท้จริงไปสิ้น เผยเพียงความงดงามเป็นเลิศให้ได้เห็นเท่านั้น

ซู่หลินกวาดตามองเรือนหอหรูหราสมฐานะจวนอย่างพึงพอใจ

ยิ่งให้สาวใช้คนสนิทไปสืบระหว่างรอเข้าหอถึงนิสัยใจคอของหยางเจี้ยนและได้รู้ถึงความสัมพันธ์อันห่างเหินระหว่างเขากับภรรยาเอกของเขา ซู่หลินก็ยิ่งยกยิ้มเย้ยหยัน

มิใช่ว่านางไม่รู้จักไป๋หมิงเยว่ผู้นั้น

อีกฝ่ายเป็นสตรีอ่อนแอไร้ที่พึ่ง บ้านเดิมเป็นขุนนางขั้นเจ็ด อีกทั้งไม่เคยใส่ใจนำพา บ้านสามียังมองไม่เห็นค่า

แล้วจะเอาปัญญาหรือเรี่ยวแรงใดมาต่อกรกับนางที่มีดีเหนือกว่าทุกประการเล่า?

หญิงสาวนั่งรอบนเตียงมงคลอย่างสบายอกสบายใจ

ไม่นานเสียงฝีเท้าหนักแน่นของบุรุษก็เกิดขึ้นอยู่ทางนอกห้อง พร้อมเงาร่างสูงใหญ่เปิดประตูห้องเข้ามา

ย่อมเป็นแม่ทัพหนุ่มผู้งามสง่า หยางเจี้ยน

ซู่หลินกักเก็บความตื่นเต้นยินดีแทบล้นอกเอาไว้ ก่อนลุกขึ้นยืนอย่างงดงาม นอบน้อมทักทายอ่อนหวาน

“ท่านแม่ทัพ”

“อืม...”

หยางเจี้ยนตอบรับเสียงขรึม ใบหน้าหล่อเหลาราบเรียบเหมือนเคย

ร่างสูงเดินเข้าหาอนุของตนนิ่งๆ ดวงตาเรียวยาวมองนางอย่างเย็นชา กิริยาสุขุมนุ่มลึกเกินหยั่ง

ชายหนุ่มเก็บซ่อนความร้อนรุ่มซึ่งเป็นผลพวงจากฤทธิ์ยาในน้ำแกงเอาไว้ด้วยท่าทีสีหน้านั้น พลางเดินเข้าหาอนุคนงามอย่างสุขุมเยือกเย็น

ซู่หลินช้อนตามองอย่างเอียงอาย ดวงหน้าแดงซ่าน นางคลี่ยิ้มหวาน ซ่อนความเบิกบานมิดชิด

“หลินเอ๋อร์เตรียมน้ำอุ่นไว้ให้ท่านแม่ทัพแล้วเจ้าค่ะ” นางสืบมาได้ว่าเขาเป็นคนรักสะอาดมาก จึงเอ่ยเอาอกเอาใจได้อย่างถูกทางเหมาะเจาะ

“หลินเอ๋อร์จะปรนนิบัติท่านอาบน้ำล้างหน้าเจ้าค่ะ”

บุรุษใดหากได้รับการเอาใจใส่อย่างเหนือชั้นเช่นนี้ ล้วนไม่อาจหลุดรอดมือสตรีไปได้

“หลินเอ๋อร์ถอดเสื้อให้ท่านนะเจ้าคะ” ซู่หลินกล่าวพลางพาร่างอิ่มนุ่มน่าสัมผัสเข้าหาแช่มช้า กำจายกลิ่นกายหอมกรุ่มชวนกลืนกินจนบุรุษต้องใจเต้นรัว เสื้อผ้าเนื้อดีที่ห่อหุ้มตัวก็เบาบางเสียจนเห็นเนินเนื้ออวบอัดที่เบียดแน่น

หยางเจี้ยนก้มมองดอกบัวตูมที่ซ่อนไว้อย่างหมิ่นเหม่จนบวมนูนดึงรั้งเสื้อออกมานั้นด้วยแววตาวูบไหว

“มิต้องลำบากเจ้า ข้าอาบมาแล้ว”

การอาบน้ำย่อมเสียเวลาทำกิจกรรมเริงรมย์ มิสู้ทำให้จบๆ ไปโดยไว

“มาเถิด...”

ชายหนุ่มเชิญชวนเปิดเผย

ซู่หลินยิ่งสะเทิ้นอาย ใบหน้าแดงเรื่อ

หญิงสาวขยับกายเข้าใกล้ร่างใหญ่อย่างขวยเขิน เอื้อมมือเรียวขาวดุจลำเทียนขึ้นเพื่อปลดสายคาดเอวให้เขา

นางมิอาจคาดเดาได้ว่าภายใต้เสื้อผ้าหรูหราสีน้ำเงินของชายรูปงามตรงหน้า แผงอกตึงแน่นจะน่าลูบไล้เพียงใด บ่าหนาจะกว้างขวางน่าโอบรัดแค่ไหน เอวสอบจะทรงพลังน่าหลงใหลปานใด มีเพียงต้องเปิดเปลือยปลดเปลื้องเท่านั้น

“ท่านแม่ทัพเมตตาหลินเอ๋อร์ด้วยนะเจ้าคะ”

โฉมสะคราญยามออดอ้อนออเซาะ ล้วนเปี่ยมเสน่ห์ยั่วยวนเกินต้านทานอยู่แล้ว กอปรกับได้รับยาที่ผสมผสานอยู่ในน้ำแกงจากเรือนมารดา

หยางเจี้ยนจึงยกยิ้มบาง นัยน์ตาเปล่งประกายลึกล้ำ ฝ่ามือลื่นไหลลงไปที่เอวเล็กคอด

การตระกองกอดเกิดขึ้นตามสัญชาตญาณ

เนื่องจากเป็นร่างใหม่มิใช่ร่างเดิม พื้นฐานร่างกายอ่อนด้อยอย่างมาก

หลายเดือนที่ผ่านมาหมิงเยว่จึงไม่พลาดการฝึกหนักสักวัน ยามนี้ร่างกายจึงแข็งแรงขึ้น แม้ฝีมือยังไม่ก้าวหน้า ทว่าไม่นานย่อมสูงส่งเท่าเดิม

อา...นางลืมไป ร่างเดิมฝึกฝนตั้งแต่จำความได้ แต่ร่างนี้เพิ่งฝึกไม่กี่เดือนเท่านั้น พรหมจรรย์ยังไม่เหลือแล้ว ย่อมมิอาจเก่งกาจเทียบร่างเดิมได้อีก

พูดง่ายๆ ว่าห่างชั้นนั่นล่ะ! เฮ้อ...

แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยนางก็ได้ร่างใหม่เป็นคน มิใช่สัตว์เดรัจฉาน จุดสำคัญของความสำเร็จอยู่ที่ความพยายามของคนทั้งสิ้น ชีวิตคือการแสวงหา ขอแค่หมั่นฝึกฝน ทบทวนวันละหลายหน ขยันพากเพียรเท่านั้น

หมิงเยว่ยกกำปั้นขึ้นเบื้องหน้าทำสัญลักษณ์ว่าสู้ๆ ระหว่างนอนแช่น้ำอุ่นหอมกรุ่นอย่างสบายอารมณ์

เมื่ออาบน้ำจนพอใจ กลิ่นสาบเหงื่อไคลหายไปสิ้น นางก็ลุกขึ้นจากถังอาบน้ำ พาร่างอรชรขาวเนียนนุ่มลื่นไปแต่งกายที่หน้าชั้นไม้ ก่อนเดินหมุนกายอ้อนแอ้นมาที่หน้ากระจกตรงโต๊ะเครื่องแป้ง โดยไม่เรียกใช้ใครให้ความลับเรื่องแอบฝึกวรยุทธ์รั่วไหล

หญิงสาวสวมชุดเบาสบาย สำรวจตนเองหน้ากระจกตามวิสัยของอิสตรี ต่อให้นิสัยไม่ดีแต่ก็ยังรักสวยรักงามยิ่ง

คุณหนูไป๋ผู้นี้สะคราญโฉมไม่เบา สัดส่วนงดงามกำลังดี เอวคอดกิ่ว สะโพกผายกลมกลึง เนินอกอิ่มเต่งตึง ผิวพรรณหรือยังขาวเนียนละเอียดลออ ยามสัมผัสให้รู้สึกสบายมือมาก นุ่มลื่นดุจแพรไหมชั้นยอด บีบจับตรงไหนก็คล้ายบุปผาฉ่ำน้ำไปหมด

หมิงเยว่ต้องยอมรับจริงๆ ว่าคุณหนูไป๋ผู้นี้พิลาสล้ำกว่านางมากโข ตัวนางเองในร่างเดิม สิ่งใดควรมีกลับไม่มี หน้าอกยังต้องคลำหา เอวก็มิได้คอดกิ่ว สะโพกยิ่งไม่ผาย สัดส่วนดุจไม้กระดานก็มิปาน ไร้ความกลมกลึงยิ่ง

มีดีอย่างเดียวแค่ดวงตา

อืม...แต่จะว่าไปแล้ว คุณหนูไป๋ผู้นี้นอกจากมีนามเดียวกันยังมีดวงตาเหมือนกับนางในร่างเดิมอยู่มากเลยนะ

หญิงสาวลองยกฝ่ามือขึ้นปิดใบหน้าครึ่งล่างเหลือเพียงดวงตาทอประกายคมเฉี่ยว

อืม...เหมือนจริงด้วย

เมื่อพินิจพิเคราะห์จนพอใจ หมิงเยว่ก็หันไปล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มแล้วห่มผ้า

นางเป็นคนรักษาสุขภาพอย่างมาก

หญิงสาวถอนหายใจลึกยาวผ่อนคลายเปี่ยมสุขยิ่ง ก่อนจะหลับใหลในชั่วเวลาต่อมา

ทว่ายังไม่ทันปิดเปลือกตา จิ่นซินก็วิ่งตึงตังเข้ามา

สาวใช้คุกเข่าเกาะขอบเตียงอย่างไม่สนใจมารยาท นางร้องไห้โหยหวนเหมือนหมูตัวน้อยถูกเชือดมา

“คุณหนู ท่านยังจะนอนหลับตาลงได้อย่างไร?”

หมิงเยว่ขมวดคิ้วนิ่วหน้า “ได้เวลานอนก็ต้องนอน แล้วยามนอนก็ต้องหลับตาปะไร เจ้าพูดอย่างกับการทำสิ่งนี้คือความผิดมหันต์กระนั้น”

จิ่นซินโอดครวญน้ำตาไหลพราก เขย่าขอบเตียง

“โธ่! คุณหนู ท่านไม่ควรเพิกเฉยต่อท่านแม่ทัพเลย บ่าวผิดเองที่ไม่เตือนคุณหนู แล้วแบบนี้ต่อไปคุณหนูจะอยู่อย่างไร? จะใช้ชีวิตในจวนหยางได้หรือไม่?”

นางสะอึกสะอื้นกล่าวไม่หยุด

“แม้สมรสพระราชทานมิอาจหย่าร้างตามอำเภอใจ แต่ภายหน้าหากท่านมิได้รับความโปรดปราน แล้วอนุได้รับความรักใคร่ไปเต็มเปี่ยม ได้สิทธิ์มีทายาทสืบสกุลให้แม่ทัพเพียงผู้เดียว พวกคนไร้เมตตาเหล่านั้นของจวนมิส่งท่านไปเฝ้าสุสานบรรพชนจนตายอย่างโดดเดี่ยวไร้ค่าหรอกหรือ?”

หมิงเยว่หรี่ตามองสาวใช้คนสนิทอย่างงุนงง “อะไร”

จริงอยู่ว่าหญิงสาวมิได้แยแสผู้คนจวนหยางเท่าใด แต่หนทางกลับไปยิ่งใหญ่ดุจเดิมจะมองอย่างไรก็ยังริบหรี่ ดีไม่ดีอาจไม่ง่าย เพราะค่ายโจรจันทราแดงสิ้นสลายไปแล้ว มีเพียงต้องอยู่ที่นี่ไปก่อนเท่านั้น อาจจะสามปีห้าปีหรือสิบปี แม่ทัพหยางก็เป็นบุรุษไม่เลวเลยสักนิด ออกจะดีงามด้วยซ้ำ ได้เขาเป็นสามีก็นับว่าไม่เสียชาติที่ได้เกิดใหม่แล้ว

ขณะคิดเรื่อยเปื่อย ฝ่ามือกลมป้อมของจิ่นซินก็ขยับจากขอบเตียงมาเขย่าไหล่ของหมิงเยว่จนหัวสั่นหัวคลอน

“คุณหนู... ท่านยังจะยิ้มกริ่มอันใดเจ้าคะ? ข้าศึกตัวฉกาจเข้าเมืองมาแล้ว กำลังจะยึดฐานทัพแล้วเจ้าค่ะ”

เพราะเป็นสาวใช้ของฮูหยินแม่ทัพ จิ่นซินจึงแอบศึกษาเรื่องแนวนี้มาบ้างเล็กน้อยเพื่อจะได้ทันสถานการณ์ เผื่อเจอเรื่องไม่คาดฝัน จะได้คุยกันรู้เรื่อง

“ลุกขึ้นเจ้าค่ะ อย่ามัวนอน”

จิ่นซินจับแขนเรียวบางของนายสาวให้ลุกขึ้นนั่งอย่างร้อนรน นางลืมหมดแล้วเรื่องกิริยาใดควรไม่ควร ศีลธรรมจารีตประเพณีอันใดก็ไม่ใส่ใจแล้วทั้งสิ้น

“คุณหนู ท่านต้องไปทวงสิทธิ์ของท่าน แม้บารมีของภรรยาต้องได้สามีส่งเสริม ทว่าตำแหน่งฮูหยินเอกมิใช่จะให้ผู้ใดมาหยามหมิ่นข้ามหน้ากันได้ง่ายๆ เร็วเข้า นังอนุผู้นั้นกล้าเข้ามาหลังเรือนใต้จมูกท่าน โดยที่ท่านไม่ทันได้เห็นชอบ มิยินยอมพร้อมใจ ต่อให้เป็นความคิดของเหล่าผู้อาวุโส เป็นฝีมือของฮูหยินใหญ่แล้วอย่างไร? อย่ายอมเจ้าค่ะ!”

เอาล่ะ! หากยังไม่เข้าใจก็คงไม่ใช่คนแล้ว

หมิงเยว่พลันเข้าใจแจ่มแจ้งจากวาจาตัดพ้อกึ่งด่าทอยาวเหยียดของจิ่นซิน

สาวใช้ผู้ภักดีคนนี้ไม่เคยทำให้นางผิดหวังจริงๆ นิสัยออกจะชั่วร้ายและไม่ยอมคน ใช้ได้เลยเชียว

หมิงเยว่ลุกขึ้นจากเตียงนอน ยืนหันไปมองกระจก เห็นเงาสะท้อนของตนเป็นสตรีนางน้อยท่าทางไร้เดียงสาปรากฎอยู่ในนั้น ดวงหน้าหวานละมุน ดวงตากระจ่างใส ทุกสิ่งทุกอย่างรวมเป็นนางบอกได้คำเดียวว่าไร้พิษภัย เหมาะแก่การถูกผู้อื่นรังแกยิ่ง

เหตุใดเจ้าถึงอาภัพอย่างนี้ มีชายคนรักก็ถูกเขากับน้องสาวหักหลัง มีสหายยังถูกนางวางยาพิษจนตายเงียบงัน วันนี้ยังเลวร้ายถึงขั้นสามีรับอนุโดยไม่ถามสักคำ

บ่นตัวเองเสร็จก็หันไปทางจิ่นซินที่ยามนี้ใบหน้ากลมเปรอะเปื้อนคราบน้ำตาจนน่าเกลียดไปหมด

หมิงเยว่แพ้น้ำตาของจิ่นซินจริงๆ ให้ตายเถอะ!

“เอาล่ะ! หยุดร้องไห้เสีย นายของเจ้าจะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน”

นี่คือวิธีเดียวที่จะปลอบใจสาวใช้คนสนิทได้

หมิงเยว่หยิบชุดคลุมมาสวมร่างระหงเสียงดังพรึบ จากนั้นก็เดินออกจากเรือนของตนด้วยท่าทางอาจหาญ เส้นผมยาวสยายเคลียไหล่มน แววตาทอประกายดุดันมุ่งมั่น

จิ่นซินโขกศีรษะขอบคุณฟ้าดินจนหน้าผากแดง ก่อนรีบตามไปอย่างโล่งใจ

หากเป็นกาลก่อน ต่อให้นางขอร้องแทบตาย คุณหนูก็คงแค่ปิดประตูร้องไห้คร่ำครวญ ต้องขอบคุณสวรรค์จริงๆ

สาวใช้ต้อยต่ำเช่นนางที่ทำได้แค่หมั่นเพียรสวดมนต์ขอพรให้คุณหนูกลายเป็นคนใหม่ไม่เสียแรงเปล่าเลยสักนิด

จิ่นซินถือโคมสับเท้าวิ่งไว “ทางนี้เจ้าค่ะ คุณหนู”

“อืม...” นายสาวเดินขึ้นหน้าด้วยท่วงท่านางพญา

สำหรับหมิงเยว่ แม้ไม่คิดสวามิภักดิ์ต่อแม่ทัพหยาง แต่การได้บารมีของเขาส่งเสริมในวันนี้ การใหญ่ในวันหน้าย่อมมีหนทางได้ไม่ยากเย็น

หยางเจี้ยน ท่านโชคร้ายเองนะที่ได้เป็นสามีข้า...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel