บท
ตั้งค่า

ตอนที่5.สายตาเช่นนี้...นางเข้าใจความหมายดี.

“ท่านหมอมาแล้วรึ” ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปทันที ความแข็งกร้าวเมื่อครู่จางลงไป “มาเถอะ ข้าจะพาไปเอง”

“เจ้าค่ะ”

นางมองเขาหมุนตัวเดินนำหน้าไป แผ่นหลังของเขาช่างกว้างและเต็มไปด้วยพละกำลัง ท่วงท่าการเดินก็องอาจ คงไม่ได้เป็นคนธรรมดาอย่างแน่นอน นางกำลังเดาว่าเขาเป็นใครพลางอมยิ้มน้อยๆ ขนาดพี่หลิ่งหลิน นางยังเคยหลงคิดไปว่าเป็นคนเลี้ยงม้าในจวนแม่ทัพจ้าว มาบัดนี้กลายเป็นท่านหญิงไปเสียนี่ แล้วชายผู้นี้จะเป็นใครกัน

“แม่นางน้อย” เสียงชุนเอ๋อร์ร้องทักทันที นางรีบวิ่งกลับมาด้วยท่าทีกระหืดกระหอบ พอเห็นบุรุษหนุ่มก็ยอบกายลง แต่เขาโบกมือห้ามไว้ก่อน

“ขออภัยที่ข้ามารับเจ้าช้า คุณหนูกระอักลิ่มเลือดข้าต้องเช็ดตัวให้คุณหนู” นางรีบยื่นมือไปรับถาดยามาถือเอง

มู่ฟางเหนียงเห็นเพียงเขาปรายตามองนางเล็กน้อย หญิงสาวสำรวมกิริยาเดินไปถึงห้องพักของเคอหลิ่งหลิน พอไปถึง บิดาก็เรียกนางให้เข้าไปช่วยทันที ประตูปิดลงไปอีกครู่ใหญ่จึงเปิดออก

“อาการเป็นอย่างไรบ้าง” ฮูหยินอี้ซิ่วใจร้อนจนต้องชิงถามเสียก่อน

“ขอบังอาจพูดอย่างตรงไปตรงมา ท่านหญิงถูกพิษร้ายแรงแต่มีผู้ขับพิษออกให้นางแล้ว ทว่าวิธีขับพิษนั้นทำให้ท่านหญิงสูญเสียกำลังภายในไป และอวัยวะภายในยังบอบช้ำสาหัส ระหว่างที่ร่างกายพักฟื้นนางจะหลับนิทราเช่นนี้”

“เมื่อไหร่นางจะฟื้น” ฮูหยินอี้ซิ่วยังไม่วางใจนัก แม้ลูกสาวบุญธรรมคนนี้จะซุกซนจนนางปวดเศียรเวียนเกล้าบ่อยครั้ง แต่นางก็อยากเห็นความร่าเริงนั้นมากกว่านอนนิ่งเช่นนี้

“มิอาจแจ้งระยะเวลาที่แน่ชัดได้ เมื่อร่างกายนางแข็งแรงดี นางจะตื่นเอง”

มู่ฟางเหนียงลอบมองใบหน้าของชายหนุ่มที่เดินนำทางให้นาง สีหน้าเรียบนิ่งมีเพียงแววตาไหวระริก เขาไม่ได้มองนางจึงไม่รู้ว่านางมองเขา หญิงสาวเหลือบตามองทิศทางของสายตานั้น เขาจ้องมองคนที่หลับใหลบนเตียง นางอาจจะอายุเพียงสิบหกและเป็นผู้หลงทิศ แต่ด้วยการติดตามบิดารอนแรมไปทั่วสารทิศทำให้นางเห็นอะไรมามากต่อมาก

สายตาเช่นนี้...นางเข้าใจความหมายดี.

มู่หยางซัวแม้จะได้ชื่อว่าเป็นหมอเทวดาไร้เงา แต่ความเป็นอยู่ก็เรียบง่ายตามประสาสองคนพ่อลูก ไม่มีบ่าวไพร่หรือคนรับใช้ มิใช่อะไร เพราะทั้งสองก็รักษาคนเจ็บป่วยไม่ได้คิดเงินทอง แล้วแต่ผู้มารักษาจะจ่ายให้ บางครั้งก็ได้เป็นเงิน บางคราวก็เป็นอาหาร และบางหนก็เป็นเสื้อผ้า หรือแม้แต่รับใช้ด้วยแรงงานก็มี อย่างลูกชายบ้านใกล้ๆ ป้าของเขาหกล้มจนป่วยไข้ ได้ท่านหมอมู่ดูแลรักษา เขาจึงขึ้นเขาหาฟืนมาแบ่งปัน หรือท่านลุงที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน ไอเรื้อรังจนเจ็บทรวงอกก็ได้มู่ฟางเหนียงช่วยต้มยาให้ เมื่อหายดีก็มาช่วยซ่อมแซมหลังคาที่เป็นรูให้ ส่วนมู่ฟางเหนียงได้เสื้อผ้าสวยๆ จากเหล่านางคณิกา ก็เพราะหญิงเหล่านั้นส่งคนมารับนางไปช่วยตรวจดูอาการอ่อนเพลีย

หมอมู่หยางซัวไม่ได้รับลูกศิษย์ลูกหาแม้จะมีคนมาคุกเข่าอ้อนวอน ไม่ใช่ว่าหวงความรู้ ทว่าท่านหมอคิดเสมอว่าตนเองยังอ่อนด้อยเรื่องการรักษา มิเชี่ยวชาญให้ผู้ใดมายกย่องเป็นอาจารย์ และไม่รั้งอยู่ที่ใดนานนัก การอยู่ที่นี่นานถึงสองปีก็นับว่ายาวนานกว่าที่คิดไว้ หมอมู่เฝ้ามองลูกสาวที่เติบโตเป็นหญิงสาวงดงามขึ้นทุกวี่วัน จ้องมองนางที่ขึ้นบันไดเอาถาดสมุนไพรตากลมอยู่นั้น พลางคิดในใจว่าจนป่านนี้แล้ว เขายังมิมีทรัพย์สมบัติใดให้ลูกสาวเลยสักชิ้น หากถึงวันที่ต้องแต่งงานออกเรือนไปก็เกรงว่าจะไม่มีแม้กระทั่งสินเดิมของเจ้าสาว คงได้รับความดูแคลนจากผู้อื่นเป็นแน่

“ท่านพ่อ”

“หือ”

มู่ฟางเหนียงค่อยๆ ลงจากบันไดแล้วยืนเท้าเอวจ้องหน้าบิดาก่อนจะเปิดรอยยิ้มสดใสออกมา

“เห็นท่านพ่อจ้องลูกตั้งนานแล้ว ท่านจะพูดอะไรก็พูดมาเถิด” หญิงสาวหัวเราะออกมา นางมักยิ้มและหัวเราะง่ายเช่นนี้ ผิดกับบิดาที่มักมีสีหน้าเรียบนิ่งและดูสงบเยือกเย็น

“เจ้านี่นะ พ่อยังไม่ทันพูดก็มารู้ความคิดพ่อเสียแล้ว” บิดาถอนหายใจเบาๆ และคลี่ยิ้มที่มุมปาก

“ลูกไม่รู้ว่าท่านพ่อคิดอะไร” หญิงสาวส่ายหน้าไปมา “รู้แค่ว่าท่านมีเรื่องอยู่ในใจแต่ปากหนักมิกล้าเอ่ย”

“หน้าตาพ่อดูออกขนาดนั้นเลยรึ” ผู้เป็นพ่อหัวเราะขึ้นมา

“ถ้าเป็นคนป่วยก็เห็นอาการชัดเลยละเจ้าค่ะ” หญิงสาวหัวเราะเสียงใส การที่ในโรงหมอไม่มีผู้อื่น ทำให้นางไม่ต้องคอยระวังรักษากิริยาตัวเองให้เรียบร้อยนัก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel