บท
ตั้งค่า

ตอนที่3. พี่สาว

สองพ่อลูกขึ้นรถม้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พ่อบ้านก็เร่งให้ม้าออกเดินทางอย่างรวดเร็ว มู่ฟางเหนียงไม่รู้ว่าตนกับพ่อจะไปรักษาผู้ใด แต่นางก็อยากมาไปจวนแม่ทัพจ้าวอยู่แล้ว เพราะอยากรู้ข่าวคราวของ ‘พี่หลิ่งหลิน’ ของนาง นางรู้เพียงแค่ว่าเคอหลิ่งหลินทำงานและพักอาศัยอยู่ที่จวนแม่ทัพจ้าว สองปีก่อนด้วยความอยากแบ่งเบาภาระบิดา นางขึ้นเขาหาสมุนไพรเองโดยมิได้บอกผู้เป็นบิดา แต่นางเป็นคนที่หลงทิศง่ายเหลือเกิน เป็นข้อด้อยที่แก้ไม่หายเสียที นางหลงป่าหาทางออกไม่ได้อยู่สามวันสามคืน แม้ทำใจแข็งกลั้นน้ำตาแต่ก็หวาดกลัวจนแทบเสียสติ บังเอิญได้พบกับเคอหลิ่งหลิน หญิงสาวที่อายุมากกว่านางแต่นิสัยโผงผางเหมือนเด็กผู้ชาย ตอนนั้นนางกลัวจนแทบไม่มีแรงเดิน เคอหลิ่งหลินให้นางขี่หลังและแบกจากเขาลงมาส่งถึงมือบิดาของนางอย่างปลอดภัย นับตั้งแต่นั้นนางก็ได้พบเคอหลิ่งหลินบ่อยๆ และเรียกนางว่า ‘น้องสาว’ นางซึ่งเป็นลูกคนเดียวมานาน พ่อพารอนแรมแต่เด็กจึงไม่ค่อยมีเพื่อนนัก พอได้รู้จักกับเคอหลิ่งหลิน ก็เรียกนางว่า ‘พี่สาว’ เต็มปากและเต็มใจ ทำให้สองปีที่ได้อยู่ที่นี่ นางไม่เหงาเหมือนที่ผ่านมา

รถม้าจอดสนิทแล้ว สองพ่อลูกค่อยๆ ลงจากรถโดยมีคนรับใช้มาคอยช่วยถือสัมภาระให้ด้วยกิริยานอบน้อมน้อบ หมอไม่ใช่อาชีพที่คนทั่วไปนับถือนัก แต่เมื่อเห็นกิริยาของคนรับใช้ของที่จวนแม่ทัพแล้ว แสดงว่าได้รับการอบรมมาดี มู่ฟางเหนียงเดินตามแผ่นหลังของบิดา คฤหาสน์หลังงามหรือแม้แต่บ้านไร้หลังคานางล้วนผ่านมาหมดแล้วจึงไม่ได้แสดงอาการตื่นเต้นออกไป มีเพียงท่าทางสงบเสงี่ยมเรียบร้อย เดินตามทางที่พ่อบ้านเดินนำไปถึงห้องพัก นางก็ได้ยินเสียงกลั้นสะอื้นของหญิงวัยกลางคน มู่ฟางเหนียงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความเข้าใจความรู้สึกนี้ คนบนเตียงนั้นคงเป็นที่รักของคนที่รายล้อมอยู่

หมอมู่หยางซัวยกมือประสานคารวะแม่ทัพจ้าวซื่อก่วง แม่ทัพเพียงผงกศีรษะรับ

“เป็นข้าที่ต้องขอบคุณที่ท่านมากลางดึกเช่นนี้”

“คนเจ็บคนป่วยล้วนรอไม่ได้ ท่านแม่ทัพอย่าได้เกรงใจไปเลย”

หมอมู่หยางซัวเดินเข้าไปใกล้เตียงของคนเจ็บ เพราะอาการสาหัสจึงไม่มีม่านโปร่งบังตามธรรมเนียม ทว่าเพียงเห็นใบหน้าซีดเซียวของคนที่นอนหายใจรวยรินก็ต้องสะดุ้ง อาการตื่นตกใจของท่านหมอมู่ทำให้ท่านแม่ทัพขมวดคิ้วด้วยเข้าใจว่าอาการของลูกสาวบุญธรรมคงหนักหนาแน่นแล้ว

“ฟางเหนียง” มู่หยางซัวเรียกลูกสาว

“เจ้าค่ะท่านพ่อ” นางเดินเข้าไปหาตามคำเรียก เพราะเป็นหญิงหลายครั้งที่คนเจ็บคนป่วยเป็นหญิง นางจะได้รับหน้าที่จับชีพจรหรือตรวจวินิจฉัยแทนบิดา แต่พอนางเห็นหญิงสาวที่อยู่บนที่นอน นางก็อ้าปากค้าง

“พี่สาว” ฟางเหนียงทั้งตกใจปนดีใจ ดีใจที่ได้พบและตกใจที่นางอยู่ในห้องนี้ แสดงว่าฐานะของนางไม่ธรรมดาแน่นอน

“พวกท่านรู้จักลูกสาวของเรารึ” เสียงฮูหยินอี้ซิ่วถามพลางเช็ดน้ำตา

“ลูกสาว?” ฟางเหนียงถามอย่างลืมรักษามารยาท พอนึกได้ก็รีบอธิบาย “สองปีก่อนข้าน้อยขึ้นเขาไปหาสมุนไพรแล้วหลงป่าอยู่สามวันสามคืน สวรรค์เมตตาให้พี่หลิ่งหลินมาพบและช่วยพาข้าน้อยกลับบ้าน นับตั้งแต่นั้นพี่หลิ่งหลินก็มักมาหาเป็นเพื่อนเล่นข้าน้อยเสมอเจ้าค่ะ”

“นั้นนั่นแหละนาง นางเป็นเช่นนี้เสมอ ชอบช่วยผู้อื่น แต่ไม่รู้คราวนี้ไปล่วงเกินผู้ใดเข้าจึงบาดเจ็บหนักเช่นนี้”

มู่ฟางเหนียงหันมาไปทางบิดา เพียงมองตาก็เข้าใจกัน นางจึงเชิญให้ทุกคนออกจากห้องพักนี้ไปก่อน

“ท่านพ่อ นี่จะเกี่ยวกับที่พี่หลิ่งหลินไปหาไข่มุกหมื่นราตรีหรือไม่” เมื่อไม่มีใครแล้วนางก็รีบพูดอย่างร้อนใจ

“สงบใจหน่อยเหนียงเอ๋อร์” ผู้เป็นพ่อปรามเบาๆ “อาการบาดเจ็บคล้ายกับที่ต้าซื่อเคยได้รับมา แต่ดูเหมือนนางจะโดนพิษ มาเถอะ เจ้าช่วยพ่อจับชีพจรนางก่อน”

“เจ้าคะค่ะ” หญิงสาวนั่งลงตรวจชีพจร อธิบายอาการให้บิดาฟัง

“น่าจะเกิดจากพิษของไข่มุกหมื่นราตรี”

“มียารักษาหรือไม่เจ้าคะท่านพ่อ”

คราวนี้บิดาเข้ามาตรวจอาการเองอีกครั้ง และก็ตรงกับที่ลูกสาวรายงานไป “โชคดีที่พิษถูกสกัดจนกระอักออกมาบางส่วนแล้ว เราช่วยนางขับพิษที่เหลือก็น่าจะปลอดภัย”

“เช่นนั้นแล้วเหตุใดบรรดาแพทย์ทหารจึงรักษามิได้ละล่ะเจ้าคะท่านพ่อ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel