บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง เล่ม4

76.0K · จบแล้ว
Ocean Books
40
บท
15.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

คำโปรย อานนท์ ชายหนุ่มโสดอายุ 25 ปี หน้าตาดาษดื่น เติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้าอุ่นไอรัก อาชีพหลักคือการขายอาหารตามสั่งในฟู๊ดเซนเตอร์ห้างดัง อาชีพรองเป็นผู้ช่วยนักเขียนนิยาย รับจ้างหาข้อมูลต่าง ๆ ส่งให้กับนักเขียน งานไหนได้เงิน อานนท์ทำทั้งหมด ในวันหยุดยาว กลางวันนอกจากต้องไปยืนทำอาหารตามสั่ง กลางคืนยังต้องมานั่งหาข้อมูลส่งให้ผู้ว่าจ้างงานด่วนอีก ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ วิญญาณจึงบ๊ายบายจากโลกเก่า ไปเกิดใหม่ในร่างของจางอี้หมิง บุตรชายตัวน้อยอายุ 5 ขวบของบัณฑิตจาง ที่ถูกบ้านหลักมอบหนังสือแยกบ้าน พร้อมขับไล่ครอบครัวให้มาอยู่บ้านนอก อุตส่าห์ได้กลับมาเกิดใหม่ทั้งทีในครอบครัวที่อบอุ่น มีพ่อ แม่ และย่าตามที่อานนท์เคยฝันไว้ แต่ทำไมถึงแถมความยากจนมาให้เขาด้วย ชาติก่อนก็สู้ชีวิตจนตาย มาชาตินี้ชีวิตสู้กลับยิ่งกว่านิยายที่เขาเคยอ่านเสียอีก  นี่สินะ!!! ของฟรีไม่มีในโลก มันต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนกันอย่างสมน้ำสมเนื้อ

นิยายจีนโบราณเกิดใหม่นิยายย้อนยุคท่านอ๋องคนธรรมดาปลูกผักอาหาร

ตอนที่ 1 【1】

“พวกเจ้ารีบเล่าถึงหนทางแก้ไขปัญหาเรื่องเชื้อเพลิงมา ว่ามันคือสิ่งใดกัน” ท่านเจ้าเมืองเอ่ยเร่งด้วยความร้อนใจ เขาต้องการทราบข้อมูลอย่างละเอียดและรวดเร็วที่สุดเพื่อช่วยเหลือชาวไห่ถังให้ทันเวลา

“หมู่บ้านหลัวถงอยู่ติดชายทะเล มีต้นลูกหนามที่สามารถเอาผลมาทำเป็นเชื้อเพลิงได้ขอรับ” จางอี้เทาเอ่ยขึ้นและยื่นผลลูกหนามวางไว้บนโต๊ะทำงานของท่านเจ้าเมืองสองสามผล

“สิ่งนี้คือสิ่งที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงได้เช่นนั้นหรือ” คุณชายหวงเอ่ยถามพร้อมกับหยิบตัวอย่างขึ้นมาพิจารณาดู

“ใช่แล้วขอรับ รบกวนท่านพ่อบ้านเอาผลลูกหนามไปทุบทั้งหมด

ไม่ต้องให้แหลกมาก แล้วหาเตาสักอันวางผลลูกหนามลงไปและจุดไฟ เสร็จแล้วนำกลับมาให้ท่านเจ้าเมืองได้ดูด้วยขอรับ” จางอี้เทาหยิบลูกหนามสามลูกส่งให้กับพ่อบ้านประจำจวนพร้อมกับอธิบายวิธีการทดสอบ

“ได้”

ทันทีที่ได้รับสัญญาณจากท่านเจ้าเมืองให้รีบจัดการทำตามที่ชายหนุ่มตรงหน้าบอก พ่อบ้านจึงรับลูกหนามมาถือไว้แล้วเดินออกจากห้องไป

“ใครเป็นผู้ค้นพบต้นลูกหนามที่ใช้จุดไฟนี้ พวกเจ้าพอจะบอกข้าได้หรือไม่” คุณชายหวงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากตอบคำถาม แต่เพียงเท่านี้หวงห่าวหรานก็เดาได้ทันที

“หมิงหมิงน้อยใช่หรือไม่ ข้าไม่แปลกใจเลยหากคนที่พบเจอต้นลูกหนามจะเป็นเจ้าเด็กน้อยคนนั้น” คุณชายหวงว่า

บทสนทนายังไม่ทันได้ดำเนินการต่อ พ่อบ้านก็ถือเตาขนาดเล็กเดินเข้ามายังห้องทำงาน ซึ่งในเตานั้นมีผลของลูกหนามที่เปลวไฟลุกโชน

“โอ้ มันติดไฟจริง ๆ ด้วย” ท่านเจ้าเมืองลุกขึ้นยืนชะเง้อมองไปยังเตาที่พ่อบ้านถือเข้ามาวางไว้ตรงพื้นด้านหน้าโต๊ะทำงานของเขา

“ถูกแล้วขอรับ ลูกหนามหนึ่งผลติดไฟได้นานหนึ่งเค่อ แต่ถ้าหากว่าจุดไฟด้วยลูกหนามจำนวนมากระยะเวลาของเปลวไฟก็นานขึ้นด้วยขอรับ” จางอี้เทาอธิบายอีกครั้ง

“เป็นข่าวดียิ่งนักเพราะข้างนอกนั้นเต็มไปด้วยคนป่วยและคนที่ล้มตายก็มากขึ้นทุกวัน ความดีความชอบในครั้งนี้ต้องยกให้กับหมู่บ้านหลัวถงแล้ว

ข้าจะป่าวประกาศออกไปถึงความดีในครั้งนี้” ท่านเจ้าเมืองเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม เขาโล่งใจจนคล้ายยกภูเขาออกจากอกได้

“หามิได้ขอรับท่านเจ้าเมือง หมู่บ้านหลัวถงมีคำขอ พวกเรามิต้องการความดีความชอบอันใด ชาวบ้านต้องการให้ท่านเจ้าเมืองปิดเป็นความลับมากกว่าขอรับ เพราะว่าพวกเราชาวบ้านมิต้องการความวุ่นวาย จุดประสงค์ที่มาแจ้งข่าวในครั้งนี้เป็นเพียงความปรารถนาดีของหมู่บ้านหลัวถงที่มีให้กับชาวบ้านหมู่บ้านอื่นเพียงเท่านั้น หาได้ต้องการความดีความชอบไม่”

“พวกเจ้าช่างมีน้ำใจยิ่งนัก” ท่านเจ้าเมืองเอ่ยชม

“อีกหนึ่งเหตุผลคือพวกเราเกรงกลัวเรื่องโจรมากขอรับ เป็นไปได้หรือไม่ที่ท่านจะทำการนี้อย่างลับ ๆ โดยส่งทหารออกไปตามหาต้นลูกหนามให้ทั่วเมืองไห่ถัง หากพบเจอที่หมู่บ้านไหนให้ทหารสอนวิธีการเก็บ การใช้ให้กับชาวบ้านและขอให้ทหารเก็บลูกหนามมาบางส่วนเพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับหมู่บ้านอื่นที่ไม่มีต้นลูกหนาม

ข้าคิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้คงไม่มีผู้ใดมาเฝ้าจับตามอง

แต่กันไว้ดีกว่าแก้ จึงอยากให้กระจายทหารออกไปหลาย ๆ ทาง หมู่บ้านที่เป็นเป้าหมายคือหมู่บ้านที่อยู่ใกล้กับทะเลขอรับ ทหารสามารถไปดูต้นลูกหนามได้ที่หมู่บ้านหลัวถงและเก็บมาแจกจ่ายให้กับชาวเมืองได้ มันมีมากมายเพียงพอให้ทุกคนได้ใช้ ขอเพียงท่านอย่าได้แพร่งพรายถึงแหล่งที่มาเพียงเท่านั้น”

จางอี้เทาอธิบายยาวเหยียดเกี่ยวกับแผนการต่าง ๆ ที่มีให้กับท่านเจ้าเมืองได้รับฟัง รวมถึงความกังวลใจของชาวบ้านหลัวถงด้วย

“เป็นความคิดที่ดี ข้ายินดีทำตามคำที่เจ้าขอ วันพรุ่งนี้ข้าจะให้ทหารจำนวนหนึ่งไปหาพวกเจ้าเพื่อไปดูต้นลูกหนามและนำลูกหนามกลับคืนมาเพื่อนำมาแจกให้ชาวเมืองได้ใช้ อีกกลุ่มหนึ่งข้าจะให้ทหารกระจายตัวออกไปตามหาในหมู่บ้านต่าง ๆ แผนการเช่นนี้พวกเจ้าเห็นด้วยหรือไม่” ท่านเจ้าเมืองพูดทวนแผนการและสอบถามความพอใจของชาวบ้านหลัวถง

“พวกเราพอใจขอรับ” จางอี้เทาตอบคำถามหลังจากที่หันไปเห็นซุนถงพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าเห็นด้วย

“หากไม่มีสิ่งใดแล้วพวกข้าขอตัวกลับก่อนนะขอรับ หากช้าการเดินทางจะลำบากเนื่องจากรถม้าใช้การมิได้เลยขอรับ” จางอี้เทาเอ่ยขอตัว

“ข้าในฐานะที่เป็นเจ้าเมืองไห่ถังขอขอบใจหมู่บ้านหลัวถงที่มิได้นิ่งดูดายเห็นความตายของคนอื่นว่ามิใช่เรื่องของตน ชาวเมืองไห่ถังติดหนี้พวกเจ้าแล้วหนึ่งครั้ง ข้ารับปากว่าจะทำตามที่เจ้าขออย่างเคร่งครัด ขอให้พวกเจ้าสบายใจได้” ท่านเจ้าเมืองเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นมั่นคง

จางอี้เทา ซุนถง และเถ้าแก่หวังจึงขอตัวกลับ คล้อยหลังทั้งสามเดินไปจนลับสายตา หวงห่าวหรานจึงเอ่ยกับบิดา

“ท่านพ่อขอแสดงความยินดีด้วยขอรับ ในที่สุดปัญหาเรื่องภัยหนาวก็มีหนทางแก้แล้ว ท่านพ่อจะได้พักผ่อนบ้าง”

“พ่อมิแปลกใจเลยถึงความสามารถของเด็กน้อยนั่น เราโชคดีแล้วที่มีพวกเขาอาศัยอยู่ที่เมืองไห่ถังนี้ ไม่แน่ว่าในการหาเครื่องบรรณาการอาจจะขอความช่วยเหลือจากพวกเขาได้ในอนาคต”

“ข้าก็คิดเช่นเดียวกันขอรับท่านพ่อ เช่นนั้นท่านพ่อพักผ่อนเถอะขอรับ ท่านแม่กังวลเรื่องสุขภาพของท่านมาหลายวันแล้ว เรื่องต่าง ๆ ปล่อยเป็นหน้าที่ของข้าเอง เรื่องเพียงเท่านี้ข้าจัดการได้ขอรับ” หวงห่าวหรานเห็นด้วยกับบิดา เขาบอกให้ท่านเจ้าเมืองได้พักผ่อนก่อนจะขอตัวออกไปจัดการตามที่ได้คุยกันไว้ก่อนหน้านี้

บนถนนสายหลักของเมืองไห่ถังเต็มไปด้วยหิมะ มันช่างเงียบเหงาหาได้มีผู้คนบนท้องถนนไม่ บ้านเรือนถูกปิดแน่นหนา หิมะยังตกลงมาประปราย มองไปทางไหนก็มีแต่สีขาวโพลน ทางด้านจางอี้เทาและซุนถงมุ่งหน้าไปยังเรือนของหลินไห่ผู้เป็นบิดาบุญธรรมของบัณฑิตหนุ่ม

เมื่อถึงจุดหมาย พ่อบ้านรีบเดินมาเปิดประตูให้แล้วนำทุกคนเข้าไปยังโถงเรือน หลินไห่กับตู้จินเหมยนั่งจิบชากันอยู่ในห้อง เมื่อเห็นว่าใครมาเยี่ยม

ฮูหยินหลินถึงกับลุกขึ้นมา ทว่าจางอี้เทารีบเดินเข้าไปและประคองให้นางนั่งลงตามเดิม

หลังจากที่คารวะทำความเคารพกันเรียบร้อยแล้ว จางอี้เทาก็ไม่ปล่อยให้เสียเวลา เขาวางผลลูกหนามจำนวนหนึ่งไว้บนพื้น ใกล้กับโต๊ะที่ทั้งสองคนนั่งอยู่

“ท่านพ่อบุญธรรม ท่านแม่บุญธรรม พวกท่านประสบปัญหาเชื้อเพลิงหรือไม่ขอรับ” จางอี้เทาเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง หลังจากที่รับน้ำชาอุ่น ๆ จากพ่อบ้านมาจิบเพียงเล็กน้อย

“ตอนนี้ยังไม่มี แต่อีกไม่เกินสองสามวันเชื้อเพลิงก็จะหมด ข้าไม่นึกว่าหิมะจะตกลากยาวนานถึงเพียงนี้ ทำให้ทั้งอาหารและเชื้อเพลิงเริ่มไม่เพียงพอ บ่าวบางคนกลับมาเล่าให้ฟังว่าข้างนอกนั้นคนล้มตายจำนวนมากเนื่องจากขาดอาหารและเชื้อเพลิง” ตู้จินเหมยตอบคำถามด้วยความกังวล

“ท่านพ่อ สิ่งนี้เรียกว่าผลลูกหนาม มันขึ้นที่หมู่บ้านหลัวถงขอรับ มันใช้แทนเชื้อเพลิงได้ ขอท่านพ่อบ้านเอาไปทุบให้พอแตก แต่ไม่ต้องละเอียดนะขอรับ แล้วลองเอาไปจุดไฟดู หนึ่งผลจุดไฟได้ประมาณหนึ่งเค่อ แต่ถ้าหากว่าจุดไฟหลาย ๆ ลูก มันจะเพิ่มระยะเวลาและความร้อนของไฟได้ วันนี้ข้าไม่สามารถเอามาให้ได้มากนัก เนื่องจากรถม้าใช้ไม่ได้ พรุ่งนี้ให้ซีฮันไปที่บ้านข้า ข้าจะพาไปเก็บเอากลับมาเยอะ ๆ”

จางอี้เทาอธิบายพลางยื่นผลลูกหนามทั้งหมดให้กับพ่อบ้านรับไปจัดการตามที่ตนเองได้กล่าวไป

“อาเทา ข้าขอบใจเจ้ายิ่งนักที่คิดถึงข้ากับแม่บุญธรรมของเจ้า พรุ่งนี้ข้าจะให้บ่าวสองสามคนไปหาเจ้าที่หมู่บ้าน ข้าสามารถเอากลับมาเพื่อแจกให้ชาวบ้านคนอื่นได้หรือไม่” หลินไห่เอ่ยถาม

“ท่านพ่อข้าแนะนำให้ท่านเอากลับมาแค่เพียงพอใช้ในเรือนก็พอขอรับ ในเรื่องความช่วยเหลือของชาวเมืองนั้นข้าได้ไปเข้าพบและแจ้งแก่ท่านเจ้าเมืองแล้ว ท่านเจ้าเมืองจะให้ทหารเป็นผู้จัดการเรื่องนี้ขอรับ อีกอย่างข้าไม่อยากให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เพราะอาจจะเป็นผลร้ายมากกว่าผลดีขอรับ”

จางอี้เทาตอบกลับบิดาบุญธรรม เขาไม่ลืมกล่าวถึงความวิตกกังวลของตัวเองไปด้วย

“ข้ารับรู้แล้วและต้องขอโทษที่ไม่ทันคิดถึงผลเสียที่จะตามมา” หลินไห่ตอบด้วยความเศร้าใจเล็กน้อยเพราะมัวแต่ตื่นเต้นที่ได้ทราบข่าวดี เนื่องจากตนเองก็เป็นผู้ที่ชอบช่วยเหลือชาวบ้านยากจนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงหุนหันพลันแล่นไป

“อย่าได้ขอโทษข้าเลยขอรับ เช่นนั้นพวกข้าต้องขอตัวกลับก่อนนะขอรับ หากกลับช้าการเดินทางจะยิ่งลำบาก” จางอี้เทายกมือคารวะและขอตัวลากลับหมู่บ้านหลัวถงด้วยความสบายใจ

วันนี้เขาได้เห็นว่าบิดามารดาบุญธรรมยังสุขสบายดีไม่เจ็บไข้ได้ป่วยอันใดก็ค่อยสบายใจขึ้นมา พรุ่งนี้เมื่อซีฮันมารับผลลูกหนามไป เรื่องเชื้อเพลิงก็มิใช่ปัญหาแล้ว

กว่าซุนถงและจางอี้เทาจะกลับมาถึงหมู่บ้านหลัวถงเวลาก็เข้าสู่ช่วงเย็นย่ำ เมื่อเดินเข้าไปในบ้านเห็นมารดาที่ยังคงนอนซมเพราะอาการเจ็บป่วย ทว่ามีหลี่อ้ายคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง อีกทางเป็นบุตรชายที่กำลังเติมลูกหนามลงไปในเตาผิง

จางอี้เทาถึงกับยิ้มออกมา อย่างน้อยครอบครัวของเขาก็ยังอยู่ด้วยกันในเวลานี้ คอยดูแลกัน คอยห่วงใยกัน แค่นี้เขาก็มีความสุขแล้ว

“ท่านพ่อกลับมาแล้ว”

“ท่านพี่กลับมาแล้ว”

จางอี้หมิงเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าเตาผิงและกล่าวออกมาพร้อมหลี่อ้าย จางอี้เทายิ้มกว้าง เขาเดินไปสวมกอดภรรยาและบุตรชายก่อนจะนั่งลงเริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น

“พี่กลับมาแล้ว พ่อกลับมาแล้วหมิงเอ๋อร์ วันนี้พ่อได้ไปเข้าพบท่านเจ้าเมืองและ....”

...

วันนี้เหมือนกับสวรรค์จะไม่เป็นใจให้ชาวเมืองไห่ถัง หิมะที่ตกโปรยปรายเมื่อวานนี้กลับมาตกหนักยิ่งกว่าเดิม รถม้าไม่สามารถใช้สัญจรไปมาได้แม้แต่น้อย หิมะกองสูงท่วมจนถึงหน้าขาของจางอี้เทา อากาศก็หนาวเย็นจนยากต่อการออกไปด้านนอก บ้านจางจึงได้แต่หวังว่าชาวบ้านจะไปเก็บลูกหนามมาเก็บไว้จนเพียงพอตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

ด้วยการเดินทางที่ยากลำบาก กว่าทหารของท่านเจ้าเมืองจะมาถึงหมู่บ้านหลัวถงก็ปาเข้าไปยามซื่อ (09.00 – 10.59) แล้ว ทหารที่เดินทางมามีเพียงม้าเท่านั้นที่ถูกพาดด้วยถุงห้อยทั้งสองข้าง และเพราะจำนวนทหารที่มากถึงร้อยนาย ทำให้ชาวบ้านตื่นตกใจไม่น้อยถึงแม้จะรู้มาก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม

หมู่บ้านหลัวถงอยู่กันอย่างสงบและเรียบง่ายเสมอมา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คุ้นชินกับสถานการณ์นี้

หทารคนหนึ่งลงจากหลังม้าเพื่อถามทางไปบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน เมื่อได้รับคำตอบแน่ชัด ทหารทั้งหมดจึงยืนรอตรงปากทางหมู่บ้าน มีเพียงทหารคนหนึ่งขี่ม้าตรงไปยังบ้านซุน รอไม่ถึงหนึ่งเค่อ ซุนซูเย่ก็นั่งม้ามากับทหารคนนั้นเพื่อนำทางไปยังดงป่าลูกหนามท้ายหมู่บ้าน

ถึงแม้ว่าจะค่ำมืดพวกทหารก็ยังคงจุดไฟเพื่อทำการขนย้ายลูกหนามตลอดทั้งคืน หลังจากนั้นจึงเป็นการขนย้ายลูกหนามกลับเข้าเมืองไป

ทางด้านซีฮันเองก็พาบ่าวในเรือนของบ้านหลินเดินทางมายังบ้านจางเพื่อนำผลลูกหนามกลับไปเช่นกัน เพียงแต่ว่าสามารถขนเอาไปได้แค่วันละรอบเท่านั้น

...