บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง เล่ม3

83.0K · จบแล้ว
Ocean Books
42
บท
25.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

คำโปรย อานนท์ ชายหนุ่มอายุ 25 ปี โสด หน้าตาดาษดื่น เติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้าอุ่นไอรัก อาชีพหลักคือการขายอาหารตามสั่งในฟู๊ดเซนเตอร์ห้างดัง อาชีพรองเป็นผู้ช่วยนักเขียนนิยาย รับจ้างหาข้อมูลต่าง ๆ ส่งให้กับนักเขียน งานไหนได้เงิน อานนท์ทำทั้งหมด ในวันหยุดยาว กลางวันนอกจากต้องไปยืนทำอาหารตามสั่ง กลางคืนยังต้องมานั่งหาข้อมูลส่งให้ผู้ว่าจ้างงานด่วนอีก ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ วิญญาณจึงบ๊ายบายจากโลกเก่า ไปเกิดใหม่ในร่างของจางอี้หมิง บุตรชายตัวน้อยอายุ 5 ขวบของบัณฑิตจาง ที่ถูกบ้านหลักมอบหนังสือแยกบ้าน พร้อมขับไล่ครอบครัวให้มาอยู่บ้านนอก อุตส่าห์ได้กลับมาเกิดใหม่ทั้งทีในครอบครัวที่อบอุ่น มีพ่อ แม่ และย่าตามที่อานนท์เคยฝันไว้ แต่ทำไมถึงแถมความยากจนมาให้เขาด้วย ชาติก่อนก็สู้ชีวิตจนตาย มาชาตินี้ชีวิตสู้กลับยิ่งกว่านิยายที่เขาเคยอ่านเสียอีก  นี่สินะ!!! ของฟรีไม่มีในโลก มันต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนกันอย่างสมน้ำสมเนื้อ

เกิดใหม่นิยายย้อนยุคข้ามมิติคนธรรมดานิยายจีนโบราณอาหารปลูกผัก

ตอนที่ 1 ไร้โรยรา【1】

หลังจากที่แก้ปัญหาของทั้งสองจวนเรียบร้อยแล้ว หลินไห่ หวงห่าวหราน และสองพ่อลูกสกุลจางจึงได้เดินไปยังเรือนของเถ้าแก่หลินซึ่งอยู่ห่างจากเหลาซิ่งฝูไปเพียงไม่กี่ตรอกซอย เถ้าแก่หลินเดินนำทุกคนไปยังห้องหนังสือของเรือน บ่าวหญิงคนหนึ่งเห็นว่ามีแขก จึงได้เร่งไปแจ้งให้นายหญิงของตนทราบ

ตู้จินเหมยคือชื่อภรรยาของเถ้าแก่หลินไห่ นางมีอายุมากแล้ว แต่ด้วยการรักษารูปร่างที่ดี ทำให้มองดูราวกับหญิงวัยกลางคนเท่านั้น ความงามยังด้อยกว่าหูไป๋หงอยู่หนึ่งส่วน ฮูหยิน ของเรือนเดินนำบ่าวไพร่ยกน้ำชาและขนมมารับรองแขกของสามี

“ท่านพี่ น้ำชาและขนมเจ้าค่ะ” ฮูหยินเอ่ยแล้วจึงเดินไปนั่งข้าง ๆ สามี

“คารวะฮูหยินหลิน” แขกทั้งสามคนกล่าวทักทายภรรยาเจ้าของบ้าน

“ไม่ต้องมากพิธีหรอกคุณชายหวง ส่วนสองคนนี้คงเป็น หมิงหมิงน้อยกับบิดา ใช่หรือไม่” ฮูหยินหลินตอบรับการคารวะจากคุณชายหวง และหันไปสอบถามชายหนุ่มกับเด็กน้อยที่นั่งตรงข้ามสามีนาง

“เรียนฮูหยินหลิน ใช่แล้วขอรับ ข้าชื่อจางอี้เทา ส่วนบุตรชายข้าชื่อจางอี้หมิงขอรับ” จางอี้เทาตอบคำถามของหญิงชรา

“ฮูหยินหลินอันใดช่างห่างเหินยิ่งนัก สามีข้ารับบุตรชายเจ้าเป็นหลานบุญธรรมแล้ว ต่อไปเจ้าก็สมควรเรียกพวกข้าว่าท่านพ่อบุญธรรมและท่านแม่บุญธรรม ส่วนเจ้าหมิงหมิงน้อยก็เรียกท่านย่าใหญ่ เข้าใจหรือไม่” ตู้จินเหมยแก้ไขให้สองพ่อลูกสกุลจางเข้าใจในสถานะของตน และให้เรียกตนเองว่าท่านย่าใหญ่ เพราะเด็กน้อยยังมีย่าแท้ ๆ เช่นหูไป๋หงอยู่

“เรียนท่านแม่บุญธรรม ข้าและบุตรชายขอขอบคุณในความกรุณาที่ท่านทั้งสองมีต่อครอบครัวของข้าขอรับ หมิงเอ๋อร์ ยังไม่รีบเรียกท่านย่าใหญ่อีกหรือ” จางอี้เทาเอ่ยขอบคุณและเตือนบุตรชายที่ยังนั่งฟังโดยไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบรับ

“ท่านย่าใหญ่” จางอี้หมิงสะดุ้งและรีบเรียกขานออกมา

โธ่ ก็คนมัวแต่นั่งฟังเพลิน ๆ นี่นา ลืมไปเลยว่าในบทสนทนาพูดถึงตัวเองด้วย

“ดียิ่ง ไหนหมิงหมิงน้อย มาหาย่าใหญ่สิ ท่านปู่ของเจ้าเล่าเรื่องราวของเจ้าให้ข้าฟังจนข้าอยากจะเห็นเจ้ามาตั้งหลายวันแล้ว รู้หรือไม่ ในที่สุดเจ้าก็มาเยี่ยมท่านย่าใหญ่ของเจ้าได้เสียที”

จางอี้หมิงได้ยินเช่นนั้นจึงลุกขึ้นและเดินเข้าไปกอดหญิงชราตรงหน้า

“นานแค่ไหนแล้วนะที่ข้าไม่มีเด็กน้อยมาให้ได้ชื่นใจแบบนี้ ต่อไปนี้เจ้าต้องมาหาย่าใหญ่บ่อย ๆ รู้หรือไม่”

ฮูหยินหลินถึงกับน้ำตาลคลอ รู้สึกเหมือนตนเองได้โอบกอดบุตรหลานแท้ ๆ แต่จะให้ทำเช่นไรได้ พวกเขาอาศัยอยู่ที่เมืองหลวง นาน ๆ ครั้งถึงจะกลับมาเยี่ยมสองปู่ย่าที่บ้านนอก ช่างอกตัญญูยิ่งนัก

“คุณชายหวง ข้าต้องขอโทษด้วยที่เสียมารยาทไปหน่อย จะให้อดใจได้เช่นไรไหว คนแก่เช่นข้า ไหนเลยจะมีความสุขมากไปกว่าการได้ชื่นชมบุตรหลานตัวน้อยเช่นนี้ จริงหรือไม่เจ้าคะท่านพี่” ตู้จินเหมยกล่าวขออภัยคุณชายหวงที่นั่งอยู่ด้วย

“ฮูหยินหลินอย่าได้เกรงใจ เป็นข้าเสียอีกที่มาอยู่ในช่วงเวลาที่พวกท่านกำลังมีความสุข เห็นเช่นนี้ข้าก็พลอยมีความสุขไปด้วย วันนี้ข้ามีเวลาทั้งวัน คงต้องรบกวนเถ้าแก่หลินและฮูหยินแล้ว” คุณชายหวงบอกปฏิเสธคำขอโทษของหญิงชราด้วยความสุภาพอ่อนโยน

“เช่นนั้นคุณชายหวงรอสักครู่ ข้าจะไปนำภาพวาดมาให้ชม” เถ้าแก่หลินไห่แจ้งแก่ชายหนุ่มตรงหน้าแล้วจึงลุกจากไป เพียงไม่นานก็กลับมาพร้อมกับบ่าวรับใช้ที่ยกภาพซึ่งอยู่ในกรอบไม้อย่างดีและมีขนาดไม่ใหญ่มากนักมาตั้งไว้กลางห้องทำงาน

ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เป็นภาพของหญิงสาวนางหนึ่งยืนหันหลังท่ามกลางต้นไม้สีส้มและสีเหลืองทองเบ่งบานไปทั่ว หวงห่าวหรานเมื่อเห็นภาพนี้แล้วถึงกับลุกขึ้นเดินไปชื่นชมอย่างใกล้ชิด

“ไร้โรยรา ท่านพ่อบุญธรรมถึงกับมีภาพไร้โรยราเช่นนั้นหรือนี่” จางอี้เทาอุทานออกมาด้วยความตกใจเป็นอย่างมาก

“อาเทา เจ้าว่าเช่นไรนะ” หลินไห่เอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ

“ภาพนี้มีชื่อว่า ไร้โรยรา ขอรับ เป็นภาพที่ท่านหมอเทวดาพเนจรท่านหนึ่งได้วาดขึ้นเพื่อเปรียบความงามของภรรยาที่ต่อให้แก่ชราเช่นไรก็ยังคงสวยงามดั่งต้นแปะก๊วย เนื่องจากท่านหมอได้ใช้ยาสมุนไพรล้ำค่ามากมายในการคงความงามของภรรยาเอาไว้ขอรับ” จางอี้เทาเอ่ยอธิบายความหมายและที่มาของภาพให้กับบุคคลทั้งสองในห้องได้รับฟัง

“เหตุใดชาวบ้านธรรมดาเช่นพี่ชายถึงได้รู้จักภาพนี้เล่า” คุณชายหวงเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

ตัวของเขาเองนั้นถือว่าเป็นคนที่ชอบและมีความรู้ในเรื่องงานศิลปะพอสมควร ในเมืองไห่ถังนี้มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเอาชนะเขาได้ แต่ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้ การแต่งกายก็ไม่ได้แตกต่างจากชาวบ้านทั่วไป เหตุใดถึงรู้จักภาพที่แม้แต่ตัวเขาก็หารู้จักไม่

“เรียนคุณชายหวง ข้าเคยเป็นบัณฑิตและอาจารย์ในสำนักศึกษาที่เมืองหลวงมาก่อนที่จะย้ายมาอาศัยอยู่ที่เมืองไห่ถังนี้ ข้าไม่เคยได้เห็นภาพของจริง เพียงแต่เคยเห็นภาพเลียนแบบที่สำนักศึกษาหลวงขอรับ”

“โอ้ พี่ชาย ท่านเคยเป็นถึงบัณฑิต ข้าต้องขออภัยหากล่วงเกินท่านไป” หวงห่าวหรานยกมือขออภัยต่อชายหนุ่มตรงหน้า

“คุณชายหวงมิต้องเกรงใจ ในตอนนี้ข้าเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น หาได้คู่ควรให้คุณชายคารวะไม่” จางอี้เทารีบยกมือคารวะตอบ

“ในเมื่อท่านเป็นบุตรชายบุญธรรมของเถ้าแก่หลินแล้ว เช่นนั้นข้าขอเรียกท่านว่าพี่อี้เทาได้หรือไม่ ขอให้พี่อี้เทาเรียกว่าข้าว่าห่าวหรานเถิด”

“ย่อมได้ น้องห่าวหราน”

หลังจากที่สองบัณฑิตผู้ทรงภูมิได้มีโอกาสทำความรู้จักและวิจารณ์ถึงภาพไร้โรยราตรงหน้าแล้ว พวกเขาก็เหมือนได้เจอสหายรู้ใจ พากันตัดขาดจากโลกภายนอก เถ้าแก่หลินและตู้จินเหมยหาได้มีความรู้เรื่องภาพวาดไม่ จึงขอตัวพาหลานชายคนใหม่ไปเดินเล่นในเรือน ทั้งยังให้แนะนำถึงสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสระบัว สวนดอกไม้นานาพรรณ และสุดท้าย ยังบอกให้เด็กชายมาเยี่ยมบ่อย ๆ ฮูหยินหลินยังกล่าวอีกว่าจะเตรียมห้องพักสำหรับเด็กน้อยไว้ให้ด้วย

จางอี้หมิงซึ่งได้รับความรักความเมตตาจากผู้สูงวัยทั้งคู่จึงคิดจะตอบแทนด้วยการเข้าครัว สอนท่านย่าใหญ่และพ่อครัวของเรือนให้ทำอาหารมื้อกลางวันด้วยความสนุกสนาน ตู้จินเหมยถึงกับยิ้มประดับบนใบหน้าตลอดเวลา นานเท่าไรแล้วนะที่นางไม่ได้มีความสุขเหมือนเช่นวันนี้

เมื่อได้เวลามื้ออาหาร เถ้าแก่หลินได้เชื้อเชิญให้คุณชายหวงอยู่กินข้าวที่เรือนของตนด้วย ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ปฏิเสธ ทั้งยังเอ่ยชมอาหารในวันนี้ด้วยความพึงพอใจ เมื่อกินข้าวเสร็จแล้วจึงขอตัวกลับจวน และจะนำเรื่องภาพวาดไร้โรยรานี้ไปแจ้งให้กับท่านเจ้าเมืองได้ทราบ