บทที่ 2 อ้อนวอน
บทที่ 2 อ้อนวอน
เอมอรลุกจากเก้าอี้หนังเนื้อดีทันทีที่สาธรเดินเข้ามา เธอรอให้เขาปิดประตูจนมั่นใจว่าคนข้างนอกไม่สามารถเข้ามาได้ จึงคุกเข่าลงกับพื้นยกมือไหว้ระดับอก
“ทำอะไรของเธอน่ะ” สาธรตกใจจนเผลอถอยหลัง
“อรขอร้องคุณธรนะคะ อรขออยู่ที่นี่ด้วยคนในฐานะคนใช้ก็ได้ ให้อรทำงานหนักแค่ไหนก็ยอมค่ะ แต่อย่าเสือกไสไล่ส่งอรเลยนะคะ” ขยับปากจิ้มลิ้มแดงเรื่อพูดออกไปด้วยเสียงสั่นเครือ พยายามกลั้นก้อนสะอื้นไม่ยอมให้น้ำตาไหลออกมา เพราะได้ปฏิญาณกับลูกในท้องไว้แล้วว่าจะเป็นแม่ที่เข้มแข็ง ไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเขาได้
ชายหนุ่มเห็นความมุ่งมั่นในแววตาโศกเศร้าคู่นั้นก็นึกสงสารอยู่หรอก แต่เขาอยากอยู่อย่างสงบมากกว่า
“ฉันก็อยากช่วยเธอนะ แต่มันไม่ใช่เรื่องและฉันไม่อยากมีปัญหากับพี่สะใภ้” เขาไม่ค่อยอยากวุ่นวายกับครอบครัวของพี่ชายนัก ฝ่ายนั้นเป็นคนมีชื่อเสียง มีหน้าที่การงานเป็นที่นับถือของสังคม ทั้งที่เบื้องหลังแอบโกงกิน ส่วนเขามันพวกอิทธิพลมืด ทำงานผิดกฎหมายเป็นอาชีพหลัก ดังนั้นการหลีกเลี่ยงจึงเป็นวิธีที่ดีทีสุด
“เธอก็รู้ว่าครอบครัวนั้นเขาเป็นใคร ส่วนฉันเป็นพวกสีเทา ทำแต่งานผิดกฎหมาย เปิดบ่อน ขายอาวุธเถื่อนสารพัดชนิด ถ้าหล่อนรู้ว่าฉันเอาเธอมาอยู่ด้วย หล่อนคงเอากฎหมายเข้ามาเล่นงานฉันแน่” ระหว่างเขากับพี่สะใภ้ อิทธิพลเขามากกว่าเยอะ แต่กับพ่อของหล่อนซึ่งเป็นอธิบดีกรมอัยการผู้มากเล่ห์ ที่ทำตัวทรงความยุติธรรมต่อหน้าสังคมเขาไม่อยากยุ่งด้วย
เอมอรก้มกราบแทบเท้าสาธรด้วยมือที่นิ่งและใจที่มั่นคง แม้เขาจะชักเท้าหนีและดึงเธอให้ยืนขึ้นแต่เธอก็ยังฝืนตัวเอาไว้แบบนั้น
“อรกราบละค่ะ ขออรอยู่ที่นี่ด้วยนะคะ”
สาธรอยากจะบ้ากับความรู้สึกสงสารเห็นใจที่เกิดขึ้นกับตัวเองตอนนี้ แววตาเด็ดเดี่ยวแกมหวาดกลัวของเธอ ทำให้เขาคิดว่าการร้องขอครั้งนี้ต้องมีอะไรที่ปกปิดเขาไว้ ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบเนิ่นนาน.. ในที่สุดเสียงถอนหายใจดังๆ ของสาธรก็ดังขึ้น
“อยู่ก็อยู่ แต่...”
“บอกอรมาเถอะค่ะ อรยินดีทำตามที่คุณธรต้องการทุกอย่าง” เห็นเขาอ้ำอึ้งจึงเอ่ยปากถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มยินดี แค่เขารับปากเธอก็เบาใจที่สุดแล้ว
“บ้านฉันมีคนเข้าออกเยอะแยะในบางช่วง ถ้าเธออยากอยู่ที่นี่ต้องทำเป็นหูหนวกตาบอดซะ ถ้าเธอทำได้ก็อยู่ได้แต่ถ้าทำไม่ได้เธออาจจะไม่รอด ฉันไม่ได้ขู่นะแต่พูดจริง ๆ” เลี้ยงคนต้องเลี้ยงให้เหมือนหมา คือซื่อสัตย์และไม่กัดนาย แต่ถ้าเลี้ยงแล้วกลายเป็นงูพิษก็ต้องตีให้ตายหรือไม่ก็หลังหัก
“ถ้าวันใดคุณธรเห็นอรทำไม่ได้ก็เชิญฆ่าอรได้เลยค่ะ” ชีวิตของเธอมีอะไรต้องเสี่ยงอีกล่ะ ถ้าออกไปใช้ชีวิตนอกรั้วสูงแห่งนี้ เธออาจจะตายง่ายกว่าอยู่ในนี้เสียอีก ถ้าต้องตายก็ขอตายเพราะความผิดของตัวเองดีกว่า
ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนเดินจากไปอย่างใช้ความคิด บ้านของเขามีคนเข้าออกมากหน้า เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ในบ้านหลังนี้แบบถาวร อย่างน้อยก็ต้องแต่งตัวเพื่อเป็นหน้าเป็นตาแก่เจ้าของบ้านอย่างเขา พรุ่งนี้คงต้องให้ลูกน้องคนสนิท เรียกช่างตัดเสื้อที่มีชื่อในตัวจังหวัดมาช่วยจัดการเรื่องเสื้อผ้าให้เธอให้สักหน่อย
เริ่มเข้าสู่ฤดูฝนและย่างเข้าเดือนที่สองของการที่มีผู้หญิงอยู่ร่วมชายคาด้วย ถึงแม้จะไม่ใช่ในฐานะภรรยาแต่เธอก็ทำให้เขารู้สึกคันๆ ที่ขั้วหัวใจเป็นบางครั้ง เหมือนเช่นตอนนี้ เธอดูผุดผาดมีน้ำมีนวลมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก แม้จะอยู่ภายใต้แสงไฟสลัว
“ฝนตกๆ แบบนี้ออกมายืนนอกบ้านทำไม?” ถึงแม้จะมีมุกยื่นออกมาบดบังสายฝนได้ แต่ละอองฝอยของมันก็ยังพัดเข้ามาจนพื้นเปียก เขาดันข้อศอกของเธอให้เดินนำหน้าเข้าไปในบ้าน ไม่ได้ยื่นกระเป๋าให้เธอถือเหมือนทุกครั้ง “ระวังลื่น”
“อรเพิ่งออกมาเองค่ะ” มันเป็นกิจวัตรประจำวันในการดูแลเขาอยู่แล้ว ตอนเช้าหิ้วกระเป๋ามาส่งที่รถ ตอนค่ำมืดหรือดึกดื่นแค่ไหน ซึ่งไม่เคยมีเวลาแน่นอนเธอก็จะอยู่รอรับใช้ เอากระเป๋าหรือสัมภาระอื่น ๆ ที่เขานำกลับมาไปเก็บให้เป็นที่ ยกเว้นผู้หญิงที่กลับมาด้วยเธอจะให้เขาจัดการหิ้วเอาเอง และถ้าวันไหนเป็นแบบนั้นเธอก็ไม่ต้องเตรียมหาอาหารให้เขากิน แต่เปลี่ยนเป็นเตรียมเหล้าและกับแกล้ม ไปตั้งไว้ในห้องที่ใช้สำหรับหาความสุขให้เขากับหล่อนแทน
หน้าที่ของเธอที่ต้องทำหลังจากนั้นคือตอนสายของวันใหม่ หลังจากที่ผู้หญิงของเขากลับไปแล้ว เธอต้องเข้าไปจัดการทำความสะอาดห้องนอนห้องนั้น ให้กลับมาสะอาดและดูดีเหมือนเดิม เตรียมผ้าขนหนูและของใช้ส่วนตัวชุดใหม่แทนที่ของเก่า
“แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าฉันกลับมา” ทำไมเธอต้องโกหกกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ ถ้าบอกมาตรง ๆ ว่ารออยู่เขาคงจะดีใจมาก
“อรรออยู่ข้างในจริง ๆ ค่ะ แต่สังเกตจากพี่ชื่นเอา อรเห็นเขามองผ่านหน้าต่างอยู่ตลอดเวลา พอเค้าหยิบร่มแล้ววิ่งออกไปอรก็ทราบแล้วค่ะว่าคุณกลับมา” บ้านหลังนี้นอกจากเธอแล้วยังมีผู้ดูแลประจำเป็นผู้ชายชื่อชื่นกับเชยอยู่อีกสองคน พวกเขาทั้งสองทำงานบ้านทุกอย่างยกเว้นเรื่องอาหารของเจ้านาย ดังนั้นเธอจึงเข้ามาช่วยงานพวกเขาอีกแรง และรับหน้าที่ดูแลเรื่องอาหารให้พวกเขาทั้งสามคนด้วย เพราะถ้าไม่ทำลูกของเธอก็จะไม่ได้กินอาหารดี ๆ มีประโยชน์
แรกๆ ส่วนของเขาต้องเททิ้งเป็นส่วนใหญ่ เพราะเขามักจะกินมาจากข้างนอกแล้ว แต่เดี๋ยวนี้แม้จะกลับดึกแค่ไหนก็ต้องกินอาหารที่เธอทำไว้ให้เสมอ
“คุณธรจะทานข้าวก่อนหรือจะอาบน้ำก่อนดีคะ”
“ขออาบน้ำก่อนละกัน” เขาตอบแค่นั้นแล้วเดินตรงไปที่บันไดขึ้นสู่ชั้นสอง
เอมอรรีบเดินตรงไปที่ครัว จัดการนำอาหารมาอุ่นใหม่ให้ร้อน เตรียมทุกอย่างเสร็จเขาก็เดินเข้ามาในครัวพอดี
“กินด้วยกันไหม?” เขาถามหญิงสาวที่กำลังเดินออกไปจากครัวพร้อมกับนมกล่องในมือ
“อรทานแล้วค่ะ เชิญคุณธรตามสบาย”
“งั้นก็มานั่งเป็นเพื่อนฉันหน่อย”
“คืออร...”
“รังเกียจฉันเหรอ?” เขารู้สึกหงุดหงิดกับท่าทางหวาดกลัวของเธอนัก
“ไม่ใช่ค่ะ” เธอแค่อยากทำตัวให้สบายๆ คุยกับลูกในท้อง ไม่ต้องมานั่งเกร็งอยู่ตรงหน้าเขาเท่านั้น กะเวลาให้เขากินอิ่มแล้วค่อยเข้ามาเก็บจานชามไปล้าง
“ถ้าไม่ก็นั่งสิ”
“ค่ะ” เอมอรนั่งลงตามคำสั่ง ไม่รู้จะคุยอะไรเพราะเขาเอาแต่กินๆ ๆ จึงดูดนมในกล่องจนหมดแบบไม่รู้ตัวจนเกิดเสียงดัง “ขอโทษค่ะ”
“ถ้าไม่อิ่มก็ไปหยิบกล่องใหม่สิ” เขาพยายามกลั้นยิ้มเต็มที่ เมื่อเห็นอาการหน้าแดงของเธอ ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นบ่อยเหมือนรอยยิ้มของเธอนั่นแหละ
“อรอิ่มแล้วค่ะ”
“เธอชอบดื่มนมนะ ผิดกับฉัน” เมื่อก่อนในตู้เย็นบ้านเขามีแต่น้ำเปล่า โซดาและของมึนเมา แต่ระยะหลังมานี้เขาเห็นมีนม ผักและอาหารสดเพิ่มมาด้วย
“ค่ะ มันมีประโยชน์สำหรับอร”
“ถ้าชอบดื่มนมก็ให้ไอ้เชยมันซื้อมาให้ยกลังเลยก็ได้ ซื้อมาวันละกล่องสองกล่องแบบนี้ถ้าวันไหนพวกมันไม่อยู่จะอดเอา” ตั้งแต่เธอมาอยู่ที่นี่เขารู้ว่าเธอไม่เคยออกไปซื้อของเอง มีแต่จดให้ไอ้สองคนนั้นออกไปจัดหามาให้ทั้งสิ้น.. แล้วคิ้วของสาธรก็ขมวดเป็นปมเมื่อนึกถึงบางเรื่องขึ้นมาได้ “ฉันมีงานต้องทำ เรียกไอ้ชื่นกับไอ้เชยไปหาฉันที่ห้องทำงานด่วน เสร็จแล้วไปพักผ่อนได้เลย”
“ค่ะ” เอมอรแปลกใจแต่ก็ทำตามคำสั่งของสาธรทันที..
