7 นางร้ายตกสวรรค์
นางร้ายตกสวรรค์
ส่วนเถาจื่อนั้นแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี หล่อนอับอายแทนหลานสาวคนนี้ เลี้ยงอีกฝ่ายช่วยหลี่ฉู่มาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย แม้จะรู้ว่าเธอแสบ ก๋ากั๋น แต่ใครเล่าจะกล้าคิดว่า วันนี้ ถึงขั้นอยากเป็นเมียของเซียวหวังเหล่ยจนตัวสั่น
เถาจื่อเลยต้องสะกิดแขนหญิงสาวหวังให้เธอลดคำพูดคำจาลง ผู้ชายดีๆ ที่ไหนจะทนฟังเสียงนางงิ้ว ที่รับบทสตรีร่านราคะได้
ฝ่ายโจวหยางซีกลับทำเหมือนไม่รู้ตัว เธอยิ้มหวานหว่านเสน่ห์ให้อีกฝ่าย ขนตาที่งอนดำเงางามไหวไปมา จริตเช่นนั้น ผู้ชายได้แต่ถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย ทว่าแทนที่เขาจะสั่งให้หยุดทำ กลับพูดว่า
“ฮึ เอาไว้ เธอได้นอนกับฉันบนเตียงเมื่อไหร่ แล้วฉันจะให้เธอใช้คำว่าเมีย พร้อมทำหน้าที่นั้นอย่างเหนื่อยยากที่เดียวเลยล่ะ ”
โจวหยางซีมองชายหนุ่ม มองและทำตาหวานเยิ้มกว่าเดิม ผู้ชายคนนี้ ปากร้าย พูดจาไม่เข้าหู แต่ลึกๆ ก็เซี้ยวจัด และทำให้เธอมันเขี้ยว แน่นอนหากคาดการณ์ไม่ผิด เขามีใจให้หญิงสาวอย่างไม่ต้องสงสัย
ฮิๆ ๆ จับผู้ชายที่ขี้เก๊ก ชอบวางมาด ง่ายแค่นี้เอง
“ตกลงค่ะ ถ้าเหล่ยต้าเกอยังเตะปี๊บดังปังๆ ๆ ซีซีก็จะนอนทั้งบนเตียง ห้องครัว ห้องน้ำ และแปลงผักกับคุณ เพื่อให้เราได้มีทายาทเพิ่มอีกสักสองสามคน”
หญิงสาวอยากพูดอะไรมากกว่านั้น แต่ชายหนุ่มรู้สึกหน้าชา และอับอายสายตาคนอื่น เขาจึงออกคำสั่งว่า
“สิบนาที อั๊วแต่จะรอเธออยู่ที่รถ ถ้าช้าแม้แต่วินาทีเดียวก็อย่าหวังว่าชาตินี้จะได้เหยียบบ้านเซียวเป็นอันขาด”
เขตอำเภอเหอสี
โจวหยางซีมาถึงบ้านเซียว ซึ่งอยู่ห่างจากถนนสายหลักเกือบสามสิบกิโลเมตร ที่นี่ตัดขาดจากโลกภายนอกเลยก็ว่าได้ พอคิดไปคิดมาอีกที เธอกำลังย้อนเข้ามาในอีกโลกหนึ่งเต็มตัว หลายวันก่อนอยู่ที่ตึกเขียว และถนนสายสี่ก็พอได้เห็นแสงสี ผู้คนแต่งตัวเฉิดฉาย มีหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่เป็นอาหารตา ทว่าที่นี่... กลับแตกต่างจากภาพในหัวอย่างชัดเจน
ที่สำคัญเธอไม่ได้เข้าไปในเรือนหลัก กลับอยู่ห่างออกมาหลายสิบเมตร และมีคนคอยจับตาดูอยู่ทุกฝีก้าว
ใช่...โจวหยางซีเข้ามาที่ตระกูลเซียว ได้พักที่เรือนของคนงานทำสวน มีตำแหน่งเป็นคนงานทั่วไป ไม่ใช่เมียของเซียวหวังเหล่ยเหมือนภาพที่วาดหวังไว้
ในตอนที่บอกให้ลงจากรถเก๋ง เธอส่งสายตาอาลัยอาวรณ์ต่อชายหนุ่ม แทนที่เขาจะพูดด้วย กลับปิดปากเงียบ จะมีก็แต่เซียวตี้หลุนเท่านั้นที่ให้กำลังใจ
“มามี้ ไม่ต้องห่วง คนหล่ออยู่ที่ไหน ใครๆ ก็รัก น้องก็หล่อ คนรักเต็มไปหมดเลย”
พอได้ยินลูกชายเรียกหญิงสาวเช่นนั้น เขาจึงแก้เสียใหม่
“เรียกพี่ซีซีนะครับ... เรียกมามี้แบบนั้นไม่ได้ ป๊ายังไม่ได้เป็นอะไรกับเขาสักหน่อย”
เด็กชายอยากซักไซ้หลายอย่าง แต่รู้ว่า คำสั่งของบิดานั้นเขาห้ามขัด
“ได้ครับ ตอนนี้ยังไม่เป็นมามี้ ไม่นานก็ได้เป็นแน่นอน”
ยามนั้น โจวหยางซีน้อยใจขึ้นมา ดวงตากลมโตมีสีแดงระเรื่อ พร้อมกันนั้นก็ส่งสายตาอ้อนวอนถึงเซียวหวังเหล่ย
“ทำไมเหล่ยต้าเกอ ไม่บอกซีซีก่อน แบบนี้ไม่ถูกต้องนะคะ”
“เหลวไหล เธอกำลังกล่าวหาอั๊วรู้ไหม อยากมาที่นี่บ้านเซียว อั๊วก็พามาแล้วอย่างไรล่ะ”
“แต่มันไม่ใช่แบบนี้ ซีซีจะมาเป็นเอ่อ...”
เธอกำลังจะบอกความต้องการของตนออกไป แต่ชายหนุ่มถลึงตาดุ และถึงอยากอาละวาดกลับ ทว่าเป็นตอนนั้นที่หญิงสาวเกิดความกลัวเขาอย่างบอกไม่ถูก
“ทำตัวดีๆ ๆ อยู่ในบ้านเซียว ทำงานหนักสักหน่อย แต่จะไม่อดตาย และไม่ต้องถูกพวกแก๊งขวานลำพองรังแก”
หญิงสาวขยับปากจะพูดอีกหน แต่ลูกชายของเขาเอ่ยขึ้นเสียก่อน
“พี่ซีซีต้องไม่ร้องไห้ นอนใกล้สวนผักกับเล้าไก่ มีกลิ่นตุๆ นิดหน่อย น้องก็ไม่ชอบ แต่...ดีกว่านอนข้างล่างนู้น ใกล้ๆ ไร่มันฝรั่ง แถวนั้น ผีดุ ป่าป๊าบอกว่า มีศพทหาร และลึกลงไป เป็นสุสานเก่า ผีตัวดำๆ ลิ้นยาวๆ เต็มไปหมดเลย”
เด็กชายว่าจบ ก็เริ่มเล่นสนุกด้วยการแลบลิ้น ทำเสียงกุ๊กๆ กู๋ หลอกเธอ
