บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2

ไต้ซือเฒ่าช่วยชีวิตเด็กหญิงไว้และนำไปฝากไว้กับ เพ่ยหลิน ประมุขพรรคบุปผาสวรรค์พรรคมาร สตรีที่ครั้งหนึ่งเคยผูกใจรักต่อเขาหากแต่หยางเซิงกลับเลือกที่จะตัดขาดตัวเองจากโลกียะเข้าสู่โลกแห่งธรรมตลอดชีวิต ต่อมาเมื่อฟางซินเติบโตขึ้นนางจึงเก็บเรื่องราวความแค้นไว้ในใจและฝึกวิทยายุทธอันเป็นความสามารถในสายเลือดก่อนขึ้นเป็นประมุขใหญ่แห่งพรรคมารในวัยเพียงสิบเจ็ดปีจากการแต่งตั้งของเพ่ยหลินเพราะนางไม่มีลูก เส้นทางชีวิตของเด็กหญิงคนหนึ่งที่เห็นพ่อแม่ถูกฆ่าต่อหน้าต่อตากลับกลายเป็นหนึ่งในผู้เยี่ยมยุทธและอันตรายที่สุดในยุทธจักร ใครต่างต้องการตัวนางด้วยเชื่อว่านางมารหมื่นบุปผาคือผู้ได้ครอบครองคัมภีร์สะท้านภิภพอย่างเฟิงเหลย

“ข้ามากับเหมยเหม่ยเพียงเท่านั้น”

ฟางซินตอบน้ำเสียงจริงจังขณะสายตาของนางไม่ยอมละไปจากไต้ซือเฒ่าซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้ให้ชีวิตสำคัญยิ่ง

“ฟางซิน...ตอนนี้ใครต่างต้องการตัวเจ้า จอมยุทธมากมายต่างควานหาตัวนางมารหมื่นบุปผา”

“หึ...ก็ด้วยเหตุผลเดียวคือคัมภีร์เล่มนั้น”

“ข้าได้เตือนเพ่ยหลินแล้วครั้งหนึ่งตอนฝากเจ้าไว้กับนาง ว่าอย่าให้เจ้าแตะต้องวรยุทธไม่ว่าจะเป็นกระบวนท่าใดก็ตาม”

“ท่านห้ามมิได้ดอก ในเมื่อข้านี้เองเป็นคนขอให้ท่านแม่สั่งสอนมันให้แก่ข้า”

“ยุทธภพนี้หนอวุ่นวาย ใยเจ้าจึงยอมให้กิเลศฝ่ายต่ำครอบงำตัวเอง”

“มิมีอำนาจใดจักครอบครองข้าได้!”

น้ำเสียงหนักของนางบังเกิดลมพัดไหววูบจนเปลวเทียนที่จุดรอบอารามดับไปเกือบททั้งหมด ยังเหลือเปลวสีทองของเทียนต่อหน้าองค์พระและทำให้หยางเซินไต้ซือชะงักงันเมื่อเขานึกอะไรได้บางอย่าง

“นี่คืออำนาจแห่งลมปราณภายในกายเจ้า มันหนักหน่วงและทรงพลังยิ่งจนอาจทำลายอารามเล็ก ๆ นี้ได้ในพริบตา ไม่สิ...มันอาจทำลายอารามในวัดนี้ได้ทีเดียวทั้งหมด ฟางซิน...นี่เจ้าฝึกวรยุทธจากคัมภีร์ฟางเหลยถึงขั้นสูงแล้วใช่หรือไม่”

เมื่อถูกเตือนสติอารมณ์ของฟางซินจึงสงบลง นางตวัดสายตาเพียงน้อยเปลวไฟก็จุดขึ้นบนเทียนไขจนอารามเล็กสว่างไสวขึ้นอีกครั้งแต่ยังความตระหนกแก่ไต้ซือเฒ่ายิ่งนัก นางไม่ยอมตอบขณะหยางเซินไต้ซือส่ายหน้าและทอดถอนใจ

“ฟางซิน...เจ้าไม่บอกข้าก็ไม่เป็นไร เมื่อเจ้ามาที่นี่ก็ดีแล้ว ข้ามีเรื่องที่อยากถาม...เมื่อไม่กี่วันมานี้มีคนจากราชสำนักเดินทางมายังเขาหวงซานแต่ถูกฆ่าตายทั้งหมด เจ้า...คือผู้ปลิดชีพคนเหล่านั้นใช่หรือไม่?”

“ข้าไม่รู้ไม่เห็นกับเรื่องที่ท่านว่ามา”

ผู้ฟังเลิกคิ้วขาวโพลนด้วยความฉงน “เจ้าว่าอย่างไรนะ นี่เจ้าแกล้งไม่รู้หรือว่าไม่รู้เรื่องจริง ๆ กันแน่”

“ผิดก็ว่าผิด ถูกก็ว่าถูก ถึงข้าจะอยู่พรรคมารแต่ก็รู้ถึงคุณของสัจจะว่ามีค่ามากแค่ไหน สิ่งใดที่ข้าไม่ได้ทำจะให้ข้ารับว่าทำได้อย่างไร”

“แต่มีหลักฐานบ่งบอกว่าคนของราชสำนักเหล่านั้นตายด้วยกลีบดอกไม้ปลิดวิญญาณซึ่งใคร ๆ ก็รู้ดีว่ามันเป็นอาวุธของนางมารหมื่นบุปผา”

ฟางซินเลิกรอยคิ้วโก่งคมของนางขึ้นบ้าง แม้จะล่วงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในยุทธภพหากนางมารแห่งวังหมื่นบุปผาให้รู้สึกฉงนต่อคำบอกเล่าของไต้ซือเฒ่า กลีบดอกไม้ปลิดวิญญาณคืออาวุธอันน่ากลัวเกรงของนางที่แปรเปลี่ยนกลีบดอกไม้บอบบางเป็นอาวุธคมกริบเด็ดชีพคนทีเดียวได้นับร้อยนับพัน สักครู่นางจึงยืดไหล่ขึ้นนัยน์ตาของฟางซินสะท้อนแสงจากตะเกียงดูกล้าแข็งขณะจ้องหน้าคู่สนทนาซึ่งอยู่ห่างไปเพียงไม่กี่ก้าว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel