บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

ในขณะที่เจ้าชายคามิลเตรียมการต้อนรับว่าที่เจ้าสาวของพระบิดาเป็นอย่างดี แต่คนที่กำลังถูกจับยัดเยียดให้แต่งงานกับเจ้าบ่าวรุ่นราวคราวพ่อ กลับไม่รู้ตัวแม้แต่นิดเดียว

ฐิติรดา จิตรทิวา หรือน้ำอิง เจ้าของร่างบางอรชรอ้อนแอ้น เรียวปากอิ่มแดงระเรื่อรูปกระชับ ดวงตากลมโตดำขลับ ภายใต้แผขนตายาวงามงอนรับกันได้ดีกับใบหน้าสวยคมรูปไข่ กำลังก้าวเข้ามาภายในบ้านด้วยท่าทีเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า กับการทำงานเป็นสาวออฟฟิศ ซึ่งถูกเจ้านายใช้งานจนเกือบคุ้มเงินเดือนที่ได้รับในแต่ละเดือน

นอกจากจะเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานในแต่ละวันแล้ว ฐิติรดายังต้องเหนื่อยกับการเดินทางที่ต้องเผชิญกับปัญหารถติดแบบที่เรียกว่ามหากาฬ ยิ่งวันนี้ฝนตกหนักในช่วงหัวค่ำด้วย ยิ่งทำให้รถติดกว่าทุกๆ วัน กว่าจะเดินทางกลับมาถึงบ้านได้ก็ปาไปเกือบสี่ทุ่มแล้ว

และเมื่อเข้ามาในห้องนั่งเล่นภายในบริเวณบ้าน แบบบ้านเดี่ยวหลังเล็กๆ อันมีพื้นที่ใช้สอยแบบจำกัด ก็เห็นมารดานั่งตีหน้าตูมอยู่บนโซฟาสีซีด เพราะถูกใช้งานมานานหลายปีแล้ว

“คุณแม่ ยังไม่นอนอีกหรือคะ”

ฐิติรดาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา พลางทิ้งกายลงนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับมารดา พอเหลือบสายตาเห็นสีหน้าบอกบุญไม่รับ ก็พยายามคลี่ยิ้มหวานให้มารดา เผื่อว่าจะช่วยให้ท่านอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง

ทว่ารอยยิ้มหวานๆ ของผู้เป็นลูกสาว ไม่ได้ทำให้ผู้เป็นมารดาอย่างคุณธาวินีอารมณ์ดีขึ้นไม่ นางจ้องมองลูกสาวคนเดียวเขม็ง และแทนที่จะไถ่ถามลูกสาวด้วยความห่วงใย นางกลับตะคอกถามเสียงห้วนจัด

“ฉันนั่งรอแกเป็นชั่วโมงๆ ทำไมถึงกลับเอาป่านนี้”

“เมื่อตอนหัวค่ำฝนตกหนัก ทำให้รถติดมากเลยค่ะคุณแม่ กว่าน้ำอิงจะขับรถออกมาจากที่ทำงานได้ ก็ปาไปร่วมชั่วโมงแล้วค่ะ”

ขณะเอ่ยตอบ ฐิติรดาก็หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับคราบมันออกจากใบหน้าด้วยท่าทางอ่อนล้า อยากขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าล้มตัวลงนอน แต่ก็ติดตรงสายตาที่กำลังจ้องมองเขม็งของมารดา เลยทำให้ลุกหนีไปไหนไม่ได้สักที

และพอได้ยินเสียงตวาดดังลั่นของมารดา ฐิติรดาก็ต้องหน้าถอดสีเผือดในทันที

“แกไม่ต้องมาอ้างเรื่องฝนตก! ที่นี่ไม่มีห่าฝนตกลงมาแม้แต่เม็ดเดียว แกมัวแต่ไปเที่ยวเสวยสุขกับผัวของแก แล้วเอาเรื่องรถติด เอาเรื่องฝนตกมาอ้างกับฉันใช่ไหม”

“คุณแม่!”

ฐิติรดาหน้าถอดสี หลุดเสียงครางออกมาด้วยความตกใจ ไม่นึกว่ามารดาจะต่อว่าเธอด้วยถ้อยคำที่รุนแรงเช่นนี้

“น้ำอิงกับคุณติณภพเป็นแค่เพื่อนสนิทกันเท่านั้นนะคะ และน้ำอิงก็ไม่เคยทำอะไรเกินเลยด้วย ที่น้ำอิงกลับบ้านช้าก็เพราะว่ารถติดจริงๆ ค่ะ”

“ฮึ! แกไม่ต้องมาแก้ตัวหรอกนังน้ำอิง ต่อให้อมพระมาพูดฉันก็ไม่เชื่อแกเป็นอันขาด ชายกับหญิง พออยู่ด้วยกันก็ไม่ต่างจากน้ำมันกับไฟ จะลุกพรึบกระสั่นเข้าหากันเมื่อไรก็ได้ทั้งนั้น”

คุณธาวินียังคงเค้นเสียงต่อว่าลูกสาวต่อ ตอนนี้นางกำลังอารมณ์เสีย เพราะเสียเงินในบ่อนเป็นจำนวนมากโข พอมองไปทางไหนก็รู้สึกขัดหูขัดตาไปเสียหมด

ฐิติรดากลืนความเสียใจเข้าสู่ลำคออันแห้งผากเป็นผง พยายามกะพริบตาถี่ๆ ติดกันหลายๆ ครั้ง เพื่อไล่หยาดตาให้ไหลย้อนกลับ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีต่อกี่ปี มารดาก็ไม่เคยมองเธอในแง่ดีเลย

“ถ้าคุณแม่ไม่เชื่อที่น้ำอิงพูดไปก็ไม่เป็นไรค่ะ ถ้างั้นน้ำอิงขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ น้ำอิงเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว อยากไปพักผ่อนเร็วๆ นะคะ”

“เดี๋ยว! แกจะไปไหนยังไม่ได้ทั้งนั้น ฉันยังไม่ได้คุยธุระสำคัญกับแก” คุณธาวินีตวาดดังลั่น พร้อมกับชี้นิ้วสั่งให้ลูกสาวนั่งลงตามเดิม

“นั่งลงนังน้ำอิง แกจะไปพักผ่อนได้ก็ต่อเมื่อฉันคุยธุระกับแกจบแล้วเท่านั้น”

ฐิติรดาถอนหายใจยาว จากที่ทำท่าจะลุกเดินไปยังห้องนอนของตนเอง แต่พอเจอน้ำเสียงดุๆ กอปรกับดวงตาที่จ้องมองเขม็ง บ่งบอกให้รู้ว่าเธอคงไม่ได้พบกับความสงบแน่ หากไม่อยู่คุยกับท่านให้รู้เรื่องก่อน จึงจำต้องหย่อนกายนั่งลงบนโซฟาอีกครั้ง

“คุณแม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับน้ำอิงหรือคะ ถ้าเป็นเกี่ยวกับเรื่องเงิน น้ำอิงขอบอกไว้ก่อนนะคะว่าเดือนนี้น้ำอิงไม่มีให้คุณแม่แล้ว ที่เหลืออยู่ตอนนี้น้ำอิงมีแค่พอใช้ไปจนถึงสิ้นเดือนเท่านั้น”

ฐิติรดารีบดักคอมารดาไว้ก่อน รู้ว่าเรื่องสำคัญของมารดาคงไม่พ้นเรื่องเงินอย่างแน่นอน และยิ่งสังเกตจากสีหน้าของมารดา ก็ยิ่งมั่นใจว่ามารดาต้องการพูดกับเธอเรื่องเงินอย่างแน่นอน

คุณธาวินีถลึงตามองด้วยความโกรธ เมื่อคนที่นางไม่เคยคิดว่าเป็นลูกสาวของนางเลย รีบเอ่ยดักคอในเรื่องที่นางกำลังต้องการพูดในตอนนี้

“ฉันต้องการพูดกับแกเรื่องเงิน! ฉันอยากขอเงินเพิ่มอีกสองหมื่น!”

“สองหมื่น!”

ผู้เป็นลูกสาวเบิกตากว้าง ตะโกนทวนคำเสียงสูง แทบจะร้องไห้ออกมาให้ได้ กับจำนวนเงินที่มารดามาเค้นเอาไปจากเธอ

“น้ำอิงมีเงินติดตัวไม่ถึงห้าพัน และนี่ก็เพิ่งจะต้นเดือนเท่านั้นเอง ทำไมคุณแม่ใช้เงินหมดเร็วจังเลยล่ะคะ”

ฐิติรดาท้วงติงมารดาเบาๆ และคำพูดของเธอ ก็ทำให้มารดาไม่พอใจเอาอย่างมาก จนต้องแผดเสียงตะโกนด่าดังลั่นบ้าน

“นังน้ำอิง! แกคิดว่าเศษเงินที่แกหยิบยื่นให้ฉันในแต่ละเดือน มันพอใช้หรือยังไง ฉันเข้าร้านทำผม ทำเล็บแค่ไม่กี่ครั้งก็หมดแล้ว และตอนนี้ฉันก็ใช้หมดแล้วด้วย ฉันต้องการเพิ่มอีกสองหมื่น ได้ยินไหมนังน้ำอิง”

ฐิติรดากัดเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตากลมโตแดงก่ำ พยายามกล้ำกลืนก้อนสะอื้นไว้ข้างใน ก่อนจะเอ่ยพูดต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“เศษเงินที่คุณแม่ว่า มันเป็นเงินหนึ่งหมื่นห้าพันบาทต่อเดือนนะคะ น้ำอิงให้เงินเดือนคุณแม่ไว้ใช้ มากกว่าที่น้ำอิงเก็บไว้ใช้เองด้วยซ้ำไปค่ะ”

“เอ๊ะ! นังนี่ แกคิดว่าเงินที่แกให้มันมีจำนวนมากหรือยังไง แม่คนอื่นๆ เขาได้เงินเดือนจากลูก เดือนละสี่ห้าหมื่น แต่ฉันได้แค่หมื่นห้า มันขี้ปะติ๋วมากเลยนังน้ำอิง ฉันอยากได้เสื้อผ้าใหม่ๆ ใส่ไปอวดเพื่อนในบะ...”

คุณธาวินีชะงักคำพูดได้ทันควัน ใบหน้าถอดสีเล็กน้อย เมื่อตนเองเกือบพูดไปแล้วว่าจะนำไปอวดร่ำอวดรวยในบ่อน ที่นางแอบไปเล่นในทุกๆ วัน หลังจากลูกสาวไปทำงานแล้ว

นางใส่เสื้อผ้าราคาแพง ใช้กระเป๋าแบรนด์เนม เพื่อเป็นการเพิ่มเครดิตให้กับตัวเอง เวลาทุนหมดละลายไปกับสารพันเกมการพนัน ที่มีให้เล่นทั้งวันทั้งคืนเท่าที่คุณจะมีเงินไปถลุง และเมื่อเงินหมด ทุนหายไปในพริบตา นางก็จะอาศัยการแต่งตัวที่ดูโก้หรู เพื่อไปขอทุนเพิ่มจากเจ้าของบ่อน ซึ่งคนพวกนั้นก็ใจดีเพิ่มทุนให้กับนางทีละแสนสองแสน ทว่ายิ่งเล่นก็ยิ่งหมด ยิ่งขอทุนเพิ่มก็ยิ่งเป็นหนี้ จนตอนนี้นางมีหนี้สะสมไม่ต่างจากดินพอกหางหมู ถึงห้าล้านบาท!

ฐิติรดาลอบถอนหายใจยาวกับการใช้เงินแบบมือเติบของมารดา ท่านมักจะเอาลูกบ้านโน่น บ้านนี้มาอ้างเสมอ ทำให้เธอหนักใจ และเป็นทุกข์อยู่ทุกวี่ทุกวัน

“คุณแม่คะ ลูกสาวบ้านอื่นที่คุณแม่พูดถึง เขาล้วนแต่มีหน้าที่การงานดีๆ ทั้งนั้น ไม่เป็นหมอ ก็เป็นนักธุรกิจ มีกิจการเป็นของตัวเอง เขาจะให้เงินพ่อแม่เขาใช้เท่าไรก็ได้ แต่น้ำอิงเป็นแค่ผู้จัดการบริษัทเล็กๆ ได้เงินเดือนไม่กี่หมื่น น้ำอิงก็ให้เงินคุณแม่ใช้ตามที่น้ำอิงให้ได้ เพราะน้ำอิงต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายภายในบ้านทั้งหมดนะคะ ทั้งค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าน้ำ ค่าไฟ จิปาถะมากมาย จนน้ำอิงไม่มีเงินเก็บเลยนะคะ”

“หยุดนะนังน้ำอิง แกจะพูดว่าฉันไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้านใช่ไหม” คุณธาวินีผุดลุกขึ้นชี้นิ้วด่าลูกสาวด้วยความโกรธจัด

“น้ำอิงไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะคะ น้ำอิงแค่บอกให้คุณแม่รู้ว่าน้ำอิงมีค่าใช้จ่ายอีกมากมายที่ต้องรับผิดชอบ น้ำอิงอยากให้คุณแม่ช่วยน้ำอิงประหยัดนิดหนึ่งได้ไหมคะ ตัดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยออกไป ทั้งเรื่องการไปทำหน้าทำผม หรือเสื้อผ้าแบรนด์เนมต่างๆ ถ้าคุณแม่ลดค่าใช้จ่ายพวกนี้ลงบ้าง น้ำอิงคิดว่าเงินหมื่นห้า คุณแม่ก็น่าจะใช้พอในแต่ละเดือนนะคะ”

ฐิติรดาพยายามเกลี่ยกล่อม และเอ่ยบอกมารดาอย่างมีเหตุผล เธออยากให้มารดาประหยัดค่าใช้จ่าย หรือตัดรายจ่ายที่ฟุ่มเฟือยออกไปบ้าง ซึ่งหากมารดาทำได้ เธอคิดว่าเงินที่เธอให้มารดาไว้ใช้เดือนละหมื่นห้าก็น่าจะพอใช้ แต่นี่มารดาเธอเล่นใช้เงินดะ ราวกับมีเงินถุงเงินถังเหลือเฝือ อีกอย่างเธอรู้มาว่ามารดาเธอใช้เงินมือเติบมาก เข้าร้านเสริมสวยทำผม ทำเล็บที ก็ให้ทิปเด็กในร้านทีละสองสามร้อย โดยไม่นึกเสียดายเงินเลย ซึ่งแน่นอนว่ามารดาของเธอไม่เสียดายเงินเพราะไม่ใช่คนหาเอง แต่เธอซึ่งทำงานตั้งแต่เช้าหามค่ำ ในแต่ละวันเหนื่อยสายตัวแทบขาด กลับรู้สึกเสียดายเงินจำนวนเหล่านั้นจับใจ

ทางด้านของคุณธาวินี พอถูกลูกสาวตำนิต่อว่ากลายๆ ก็ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ ใบหน้าแดงจัด ถลึงตามองลูกสาวเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“นังน้ำอิง ฉันเป็นแม่แกนะ แกไม่มีสิทธ์มาสั่งสอนฉัน จำไว้ว่าหากไม่ได้ฉันคอยเลี้ยงดู แกก็ไม่ทางเติบโตเป็นผู้เป็นคนเหมือนทุกวันนี้”

ใช่! นางเป็นคนเลี้ยงฐิติรดามา แต่เป็นการเลี้ยงเพราะสถานการณ์บังคับ ไม่ได้เลี้ยงเพราะความรักใคร่ นั่นก็เป็นเพราะว่าไอ้ผัวเฮงซวยซึ่งเป็นพ่อของฐิติรดาได้ด่วนตายไปตั้งแต่ฐิติรดายังแบเบาะอยู่ นางซึ่งมีฐานะเป็นแค่แม่เลี้ยงก็เลยจำใจต้องเลี้ยงดูฐิติรดาเรื่อยมา และใช่ว่าจะเลี้ยงดูดิบดีหนักหนา นางก็เลี้ยงดูฐิติรดาแบบทิ้งๆ ขว้างๆ ไม่นึกว่าฐิติรดาจะเติบโตมาเป็นคนดีได้ แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับความสวยเซ็กซี่ของเธอ ที่จะนำเงินก้อนโตมาให้กับนางในเร็วๆ วันนี้

ฐิติรดากัดเม้มริมฝีปากแน่น เสียใจทุกครั้งที่มารดามักจะพูดแบบนี้ เพราะมันทำให้เธอรู้สึกว่าราวกับไม่มีทางเลือก มารดาจงต้องจำใจเลี้ยงดูเธอ

“น้ำอิงขอโทษค่ะคุณแม่ น้ำอิงไม่ได้คิดสั่งสอนคุณแม่ แต่น้ำอิงแค่อยากให้คุณแม่ช่วยประหยัดค่าใช่จ่ายนิดหนึ่ง ไม่งั้นน้ำอิงก็หาเงินให้คุณแม่ใช้ไม่ทันนะคะ”

“ทันหรือไม่ทัน ฉันไม่สนใจ แกต้องหาเงินมาให้ฉันใช้ก่อนสองหมื่น” ผู้เป็นมารดาสั่งเสียงเข้ม ทำเอาฐิติรดาแทบจะร่ำไห้ออกมาให้ได้

“โธ่...คุณแม่คะ เงินตั้งสองหมื่น น้ำอิงจะหาเงินจากไหนมาให้คุณแม่ได้ล่ะคะ”

ฐิติรดาร้องโอดครวญ ลำพังแค่หาเงินมาจุนเจือในแต่ละเดือนเธอก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว นี่มารดาเล่นสั่งให้เธอหาเงินมาให้ ราวกับว่ามันหาได้ง่ายหนักหนา

“นั่นมันปัญหาของแก ไม่ใช่ของฉัน ฉันไม่สนใจทั้งนั้นว่าแกจะไปขุดหาเงินมาจากที่ไหน ที่ฉันรู้คือแกต้องหาเงินมาให้ฉันให้ได้”

คุณธาวินีสั่งเสียงเข้ม และก่อนจะยุติการสนทนาก็ไม่ลืมสั่งลูกสาวอีกครั้ง

“ในวันพรุ่งนี้ จะต้องมีเงินสองหมื่นวางอยู่บนโต๊ะอาหาร ไม่เช่นนั้นแกก็ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก เข้าใจไหมนังน้ำอิง”

ผู้เป็นมารดาสั่งย้ำ พร้อมกับขีดเส้นตายให้กับฐิติรดา จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องนอนของตน ปล่อยให้ฐิติรดานั่งจมอยู่กับความคิดแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งนางเชื่อว่าไม่เกินวันพรุ่งนี้ ฐิติรดาก็จะหาเงินมาให้นางเอาไปทำทุน ระหว่างรอให้ท่านชีคอัลซาร์โอนเงินก้อนโตมาให้

และในความโชคร้าย ก็ยังมีเรื่องดีๆ หลงเข้ามาบ้าง เพราะในขณะที่นางเล่นการพนันติดหนี้ติดสินเป็นเงินถึงห้าล้านบาท แต่นางก็มีโอกาสได้พบกับประมุขแห่งประเทศอาคาเรียโดยบังเอิญ นางไม่รู้หรอกว่าท่านชีคผู้นี้เดินทางมาประเทศไทยทำไมกัน ซึ่งในขณะที่นางกำลังถูกลูกน้องของเจ้าของบ่อนขู่กรรโชกจะทำร้าย ชีคอัลซาร์และองครักษ์ก็เห็นเข้าพอดี และเข้ามาให้การช่วยเหลือจนนางรอดพ้นจากเงื้อมมือของมาเฟียพวกนั้นได้

และเมื่อชีคอัลซาร์เมตตา อาสามาส่งนางถึงที่บ้าน พระองค์ก็เห็นภาพถ่ายของฐิติรดา ทรงเผยความสนพระทัยให้เห็นอย่างเต็มที่ ซึ่งช่วยให้นางมองเห็นลู่ทางว่าจะหาเงินก้อนโตได้จากไหนกัน

ชีคอัลซาร์ตกลงใช้หนี้จำนวนห้าล้านให้กับนาง และจะให้เงินก้อนโตอีกก้อนหนึ่งไว้เป็นทุนรอนในการทำมาหากิน แต่มีข้อแม้ว่านางต้องกล่อมให้ฐิติรดาเดินทางไปยังประเทศอาคาเรีย เพื่อเข้าพิธีอภิเษกกับพระองค์ให้ได้ ซึ่งนางรีบตะครุบข้อเสนอนี้ในทันที

และก่อนชีคอัลซาร์จะเดินทางกลับประเทศ พระองค์บอกว่าจะโอนเงินค่าสินสอดจำนวนมหาศาลมาให้เธอในวันนี้ ทันทีที่มียอดเงินเข้าบัญชีธนาคาร นางจะออกคำสั่งให้ฐิติรดาเดินทางไปประเทศอาคาเรียทันที

“ฮึ! ไม่นึกเลยว่าแกจะเป็นตัวเงินตัวทองให้กับฉัน ขอบใจแกมากนะนังน้ำอิง ที่ช่วยทำให้ฉันมีเงินไปเข้าบ่อนอีกตั้งยี่สิบล้าน”

คุณธาวินีลอบมองลูกเลี้ยงผ่านบานประตูห้องนอนที่เปิดแง้มไว้นิดๆ จากนั้นก็กลับไปนั่งฝันหวานอยู่ภายในห้องนอนเล็กไม่ต่างกับรูหนู

ชีคอัลซาร์บอกว่าจะโอนเงินมาให้นางภายในเที่ยงคืนของวันนี้ และตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมงดี นางก็จะได้รับเงินก้อนโตแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel