บทที่4สำรวจบ้าน
จางซูฉีที่ถูกหนานกงเยี่ยยกย่องให้เป็นเทพธิดากำลังนอนกางแขนกางขาน้ำลายไหลเปียกหมอน ละเมอด่าเขาถึงบรรพบุรุษของเขาอยู่สิบแปดชั่วโคตร
เช้าแล้วสามคนนายบ่าวตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้าสดชื่น แม้จะอยู่ห่างไกลจวนหลักแต่กลับมีความสุขมากกว่าที่เคยอยู่ที่นั่น
เสี่ยวเถายังติดใจรสชาติปลาย่าง ปกติมีแค่ซาลาเปาแข็งๆกับน้ำข้าวต้ม ชายารองแต่งมาทีหลังเพียงครึ่งเดือนแต่กลับซื้อคนในจวนไปได้หลายคน
หนานกงเยี่ยไม่อยากสนใจเรื่องหลังบ้านเขาให้แม่นมของเขาจัดการ ชายารองแม้จะซื้อบ่าวในจวนได้แต่ไม่สามารถซื้อแม่นมของเขาได้
"พระชายา เหตุใดล้างแป้งออกเล่าเพคะ หากใครมาเห็นใบหน้านี้อาจมีคนไม่หวังดีได้ ตอนนี้เราอยู่ข้างนอกตำหนักด้วยนะเพคะ"
เสี่ยวเถาเห็นใบหน้างามก็กังวลใจทันทีจางซูฉีงดงามมาก หากไม่เพราะตกน้ำไปตอนสิบขวบจากนั้นนางก็กลายเป็นคนสติไม่ดี ทั่วแคว้นอู๋นี้คงไม่มีใครงดงามเท่านางอีกแล้ว
"เสี่ยวเถาคนงามเจ้าดูสิ จะมีใครมากันหญ้าท่วมหัวเพียงนี้ ถ้าไม่ใช่สืออินกับสือห่าวมีวิชาตัวเบา จะฝ่าดงหญ้าคาเอาเจ้ากับข้ามาโยนไว้ที่นี่ได้หรือ เมื่อข้าเห็นมีพืชอยู่หลายต้นลองหาดูเถอะเผื่อมีอะไรให้กิน จากนี้ไปประตูหลังตำหนักทางยาวเกือบห้าลี้มีแต่หญ้าคาสูงท่วมหัว ไม่มีใครดั้นด้นมาส่งข้าวส่งน้ำหรอก"
"กินกันเถอะ จะได้เข้านอนเอาแรง ดูท่าฝนคงตกอีก เราโชคดีเจอเทียนไขแล้วคืนนี้คงดีหน่อย หน้าต่างทีแตกข้าก็ซ่อมแล้วไม่มีลมพัดเข้ามาแล้วล่ะ"
"ฮือๆๆๆๆ พระชายาพอท่านหายดีทำให้เสี่ยวเถาดีใจมากเลยเพคะ ตอนนี้ท่านยังมีความสามารถอีก "
"กินข้าวๆ จะได้รีบเข้านอนเดี๋ยวฝนตกแล้ว พรุ่งนี้จะได้ถางหญ้าบริเวณบ้านเอาห่างจากบ้านสักด้านละห้าเมตรก็พอ"จางซูฉีดูเด็กสาว
"ข้าหมายถึงห่างบ้านด้านละสองจั้งก็พอ ที่เหลือก็ให้มันสูงบังบ้านพวกเราอย่างนั้นแหละดีแล้ว จะได้ไม่มีคนมาวุ่นวาย"
ทั้งสามคนกินปลาย่างเหมือนเดิม ใจจริงอยากสำรวจบริเวณบ้านอีกหน่อยแต่เพราะฝนตั้งเค้ามาแล้วจึงต้องล้มเลิก
จางซูฉีตื่นแต่เช้าเมื่อคืนพวกนางหลับสบายเพราะผ้าปูเตียงใหม่ ผ้าห่มผืนใหม่ ประตูถูกซ่อมแล้ว บ้านหลังนี้แข็งแรงปลูกสร้างอย่างดี
เพียงแค่ทิ้งร้างนานเกินไป เสื้อผ้าเหล่านั้นแก้ไขสักหน่อยก็น่าจะเหมาะกับพวกนางสามคน จางซูฉีเดินสำรวจด้านข้างที่เห็นมีพืชล้มลุกอยู่ มีพริก มะเขือยาว เถาฟักทอง มีแตงกวา แตงโมที่เพิ่งจะทอดยอดเลื้อย
ฟักทองลูกอวบอ้วนหลายลูก ดูท่าคงเคยเป็นแปลงผักมาก่อน เมล็ดพันธุ์คงปลิวกระจัดกระจาย มื้อเช้านี่ฟักทองนึ่งก็แล้วกัน เสี่ยวเถากับเสี่ยวจูกำลังซักเสื้อผ้าอยู่ริมลำธาร พระชายาบอกว่าให้เอาของเก่าไปซักนางจะเอามาตัดเย็บเป็นม่านบังแสง ส่วนของใหม่ที่เจอเมื่อวานก็ต้องซักก่อน เพราะเก็บไว้นานแล้ว
"พี่ ข้ารู้สึกว่าอยู่ที่นี่ดีกว่าตอนอยู่ที่ตำหนักอีก พระชายาก็หายแล้วด้วย"เสี่ยวจูเอ่ยขึ้นมา เสี่ยวเถาเองก็เห็นด้วย
"อืม นางตกน้ำตอนสิบขวบฟื้นขึ้นมาก็กายเป็นคนสติไม่ดี วันแต่งยังถูกทำให้หวาดกลัวอีก ดูเหมือนที่ตกน้ำอีกครั้งคราวนี้โชคดีกว่าโชคร้ายนะ"
"มิใช่ว่าวันดีคืนดีท่านอ๋องให้คนมาหาที่นี่นะ ข้าไม่อยากกลับไปแล้ว"
จางซูฉีที่เพิ่งเดินมาถึงได้ยินบทสนทนาของสองพี่น้องก็ถอนหายใจ
"ไม่ต้องกลัวหรอกไม่มีใครมาแน่ เรือนแห่งนี้ถูกทิ้งมาสิบกว่าปี องครักษ์ของเขาโยนพวกเรามาที่นี่ คนในจวนสันนิษฐานได้อย่างเดียวว่า เจ้านายของพวกเขาต้องการให้พวกเราอดตายอยู่ที่นี่เพราะฉะนั้นไม่มีใครมาแน่ เก็บเงินเก็บทองสักพักแล้วพวกเราค่อยไปจากที่นี่กันเถอะ เขารังเกียจข้าถึงเพียงนั้น ไม่มีทางคิดถึงข้าขึ้นมาหรอก ข้าเจอพืชผักหลายอย่าง เมื่อก่อนอนุเหวินกับสาวใช้คนนั้นพวกเขาคงเคยปลูกไว้ พอแก่ไม่มีใครมาเด็ดเมล็ดคงหล่นร่วงพอได้น้ำฝนก็งอกเงยใหม่ บ้านนี้แยกจากตำหนักใหญ่โดยสิ้นเชิง ข้าเจอรั้วอิฐล้อมไว้อีกชั้น เดี๋ยวพวกเราไปดายหญ้ากัน"
