บทที่4 อาเล็กข้าขอโทษ
“อาเล็ก”
เถียนสวี่หลันสงบสติอารมณ์ของตนได้แล้ว ดวงตาแดงก่ำมองไปยังสตรีใบหน้าธรรมดาที่ยืนอยู่ไม่ไกล สตรีที่ดูแลนางมาหลายปีผู้นี้นางไม่เปลี่ยนไปเลย แม้แต่ชุดของนางที่ใส่ก็มีแต่รอยปะชุน เถียนซู่เจิงที่อาศัยอยู่ในตระกูลเถียนเป็นคนที่มีฐานะต่ำต้อยที่สุดในบ้าน แม้แต่แม่เฒ่าจางผู้เป็นมารดาก็ไม่เคยเหลือบแลนางเลยสักครั้ง
“อาเล็ก...ข้าขอโทษ ขอโทษที่หลายปีมานี้ข้าเอาแต่ใจตัวเอง ขอโทษที่ข้ารังแกท่านมาตลอด ข้าขอโทษจริงๆ”
เถียนสวี่หลันกอดเถียนซู่เจิงอย่างไม่นึกรังเกียจ ปากก็พร่ำบ่นว่าขอโทษไม่หยุด เถียนซู่เจิงที่ถูกกระทำเช่นนั้นอย่างกะทันหันนางก็ทำสิ่งใดไม่ถูก ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อปล่อยให้เถียนสวี่หลันกอด
ปกติแล้วหลานสาวผู้นี้ของนางมักจะเป็นคนที่เย่อหยิ่งและโมโหร้าย นางชอบดูถูกตนเองเรื่องหน้าตาและการแต่งตัว บางครั้งนางก็จะดุด่าเถียนซู่เจิงว่านางนั้นดูสกปรกจนทำให้นางไม่อยากเข้าใกล้
แต่วันนี้มันเกิดสิ่งใดขึ้นกับนางกันแน่ หญิงสาวผู้ที่ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตากลับกล่าวคำขอโทษตนออกมาทั้งน้ำตา เถียนซู่เจิงสัมผัสได้ว่าเถียนสวี่หลันมิได้เสแสร้งแกล้งทำ คำขอโทษของนางมันออกมาจากใจของนางจริงๆ
“หลันเอ๋อ ข้าไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับเจ้ากันแน่ แต่ที่ผ่านมาข้าไม่ถือโทษหรือโกรธเคืองเจ้าเลย อาจจะเคยมีน้อยใจบ้าง แต่ข้าก็ไม่ได้ถือสาในสิ่งที่เจ้าเคยทำกับข้าก่อนหน้านี้”
เถียนซู่เจิงตบแผ่นหลังบอบบางของนางเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบโยน แต่เถียนสวี่หลันปล่อยวางจากเรื่องนี้มิได้ ถึงแม้อาเล็กของนางจะยอมให้อภัยก็ตาม
เมื่อชาติก่อนนางเคยผลักอาเล็กคนนี้เข้าสู่กองไฟ ทำให้นางต้องตายไปอย่างเดียวดาย แม้แต่คนตระกูลเถียนก็ไม่มีใครสนใจนาง ทุกอย่างเป็นเพราะคำพูดของเถียนสวี่หลันคนเดียว
ตอนอายุสิบหก หลังจากที่นางแต่งให้เว่ยเจ๋อหมิงได้สำเร็จ นางจึงย้ายไปอยู่ที่เรือนตระกูลเว่ย แต่เว่ยเจ๋อหมิงกลับไม่ยอมนอนห้องเดียวกับนาง เขาย้ายไปนอนกับเว่ยหลี่หนานน้องชายของเขา เรื่องนั้นทำให้เถียนสวี่หลันโมโหเป็นอย่างมาก นางจึงกลับบ้านเดิมไปฟ้องครอบครัวของตน
ระหว่างทางนางเห็นสามีที่ไม่ยินยอมนอนห้องเดียวกับตน แต่เขากลับไปพูดคุยกับเถียนซู่เจิงสตรีที่นางเคยดูถูกและต่อว่าว่าเป็นหญิงอัปลักษณ์ เรื่องนั้นทำให้เถียนสวี่หลันรู้สึกเสียหน้านางจึงปรี่เข้าไปทำร้ายเถียนซู่เจิงทันที เว่ยเจ๋อหมิงที่เป็นคนกลางเข้ามาขวางนางและเผลอผลักนางจนล้ม นั่นยิ่งทำให้เถียนสวี่หลันโมโหมากกว่าเดิม
นางกลับไปฟ้องครอบครัวบ้านเดิมเรื่องที่เถียนซู่เจิงยั่วยวนเว่ยเจ๋อหมิง ทุกคนต่างก็เข้าข้างเถียนสวี่หลันและเชื่อในสิ่งที่นางพูด โดยที่ไม่ฟังคำอธิบายของเถียนซู่เจิงเลยสักคน
แม้แต่เว่ยเจ๋อหมิงที่ออกตัวยืนยันความบริสุทธิ์ให้นางก็ไม่มีใครสนใจ นั่นยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเว่ยเจ๋อหมิงและเถียนสวี่หลันเกิดรอยแยกที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
วันต่อมาเถียนซู่เจิงก็ถูกขายให้พ่อหม้ายขาเป๋ต่างหมู่บ้านที่อายุสี่สิบ ชายผู้นั้นมีชื่อเสียงเลื่องลือในเรื่องชอบทำร้ายตบตีภรรยา ที่ทุกอย่างเป็นเช่นนี้ก็เพราะคำยุยงของเถียนสวี่หลัน นางต้องการแก้แค้นอาเล็กของตนจนทำผิดพลาดอย่างมหันต์
ผ่านไปเพียงแค่ไม่นานนางก็ได้ข่าวว่าเถียนซู่เจิงถูกพ่อหม้ายขาเป๋ทำร้ายจนเสียชีวิต แต่เพราะความโกรธที่ยังคงเหลืออยู่ในใจ ทำให้นางบอกท่านย่าว่าบุตรสาวที่แต่งออกไปแล้วก็เหมือนน้ำที่สาดทิ้ง นางได้ตายไปแล้วอย่าได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวจนนำสิ่งอัปมงคลกลับมาที่เรือนตระกูลเถียน
ทุกคนต่างก็เห็นด้วยกับคำพูดของนาง มีเพียงเว่ยเจ๋อหมิงที่กล่าวโทษตนเองว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนเป็นความผิดของตนเอง จึงทำให้เถียนซู่เจิงต้องมาพบเจอกับจุดจบเช่นนี้
เว่ยเจ๋อหมิงได้นำเงินส่วนตัวของเขาไปซื้อโลงใส่ศพและสร้างสุสานให้นาง แม้เถียนสวี่หลันจะคัดค้านอย่างไร แต่นางก็ไม่สามารถหยุดเขาเอาไว้ได้ ทั้งสองคนทะเลาะกันใหญ่โตและมันได้กลายเป็นจุดเริ่มตนที่ทำให้ชะตาชีวิตของนางเปลี่ยนไป
“หลันเอ๋อ เจ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่หรือ”
เถียนซู่เจิงยังคงเข้ามาดูแลเถียนสวี่หลันเช่นเดิม ถึงแม้ว่าเถียนสวี่หลันจะบอกให้นางไม่ต้องทำเหมือนที่ผ่านมาแล้ว นางวางแผนว่าต่อจากนี้นางจะดูแลตนเองและนางจะอยู่ให้ห่างจากบุคคลที่อาจจะทำให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยดั่งเช่นชีวิตก่อนของตน
“อาเล็กข้าบอกท่านแล้วว่าข้าสามารถดูแลตนเองได้ ตอนนี้ท่านควรคิดเรื่องออกเรือนได้แล้ว เพราะข้าทำให้ท่านล่าช้าไปตั้งหลายปี”
สตรีในหมู่บ้านชนบท ปกติแล้วอายุสิบสี่ก็เริ่มหมั้นหมายอายุสิบหกก็สามารถแต่งออกไปได้แล้ว แต่อาเล็กของนางอายุสิบเจ็ดย่างสิบแปด นางไม่มีแม้แต่คู่ดูตัว
“ท่านมานี่หน่อย”
เถียนสวี่หลันดึงนางให้มานั่งลงที่เตียง เถียนซู่เจิงรู้สึกทำตัวไม่ถูกเล็กน้อยเพราะนางยังไม่ค่อยคุ้นชินกับนิสัยที่เปลี่ยนไปของหลานสาว
“ท่านลองใส่ชุดพวกนี้ดู ข้ายังไม่เคยใส่สักครั้งท่านไม่ต้องห่วง”
เถียนสวี่หลันนำชุดใหม่ออกมาจากตู้เสื้อผ้าของนางสองสามชุด นางวางเรียงเอาไว้บนเตียงเพื่อให้เถียนซู่เจิงเลือก ส่วนสูงของทั้งสองใกล้เคียงกันแม้ว่าอาเล็กของนางจะอายุมากกว่าสองปี แต่เพราะในวัยเด็กค่อนข้างลำบาก ทำให้การเจริญเติบโตของนางไม่ค่อยดีนัก
“นี่มันอะไรกันหลันเอ๋อ ข้ารับเสื้อผ้าพวกนี้เอาไว้ไม่ได้ มันแพงมากเกินไป”
เถียนซู่เจิงรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน เถียนสวี่หลันเองก็ไม่ยอมจึงต้องใช้มาตรการบังคับ ผ่านไปไม่นานเถียนซู่เจิงก็เปลี่ยนเป็นชุดที่หลานสาวเลือกให้นาง
