บท
ตั้งค่า

2 สัญญาทาส /4

เมื่อกายลุกขึ้น มารียันก็ดึงตัวตรงแทบจะไขว่คว้าเขาไว้

“ไม่” ถ้าปล่อยน้ากายกลับไปตอนนี้ คง.....

“ไม่ปฏิเสธ ถ้างั้นเงื่อนไขข้อต่อไป ก็คือ”

“อะไรคะ” ใครก็ได้ช่วยใส่สายออกซิเจนเข้าจมูกเธอหน่อย เธอกำลังหายใจไม่ออก แม้แต่น้ำเสียงก็แหบแห้งเหลือเกิน

“ห้ามนอกใจฉันเด็ดขาด”

ข้อนี้ทำเอามารียันแทบลมจับ ในขณะที่กายหันหลังให้แล้วยิ้มกว้างแบบที่เธอไม่เคยเห็น

หลังจากตกลงทำสัญญากันเรียบร้อยแล้ว มารียันก็ขอให้กายไปส่งหน้าหมู่บ้าน

“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” เธอประนมมือไหว้

กายเพียงแต่พยักหน้าไม่พูดอะไร ความเงียบของเขาทำให้เธอต้องถาม

“แล้วมารีจะต้องไปหาน้ากายเมื่อไหร่คะ”

กายตวัดตานิดหน่อยแล้วหยิบกุญแจห้องส่งให้เธอ

“เก็บกุญแจห้องนั้นไว้ เมื่อไหร่ที่ฉันโทร.หาเธอ หมายถึงฉันต้องการนอนกับเธอ ไปรอที่ห้องได้เลย”

“แล้วน้าปรีจะไม่รู้หรือคะ คือหมายถึงน้าปรีจะเข้าห้องนั้นตอนที่มารีอยู่หรือเปล่า”

“คงไม่ ทำตามที่บอกก็พอ ไปได้แล้ว”

เขาไล่ มารียันก็ไม่หน้าทนขนาดจะยังนั่งบื้ออยู่ได้ เธอลงจากรถแล้วเดินเข้าหมู่บ้าน บ้านของเธออยู่เข้าไปเกือบท้ายซอย กว่าจะเดินไปถึงขอบตาของเธอก็แห้งผาก

“อ้าว หนูมารีกลับมาแล้วหรือลูก” กังสดาลแม่ของเธอทัก ในมือแม่ยังถือไม้กวาดอยู่เลย

“สวัสดีค่ะแม่”

“แล้วนั่นใส่ชุดอะไร”

เด็กสาวหน้าเสียลืมไปเลยว่าไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษาเพราะมันเปียกฝนและกระดุมก็หลุดทั้งแถว จึงยืมเสื้อจากน้ากายแต่น้ากายก็ยังไม่ใจร้ายขนาดเอาเสื้อตัวเองให้ เขาหาเสื้อผ้าของน้าปรีที่มีอยู่ในห้องนั้นมาให้เธอใส่

“มารีตากฝนค่ะ ชุดนักศึกษาก็เปียกหมด กิ๊กเลยให้ยืมชุดใส่กลับบ้าน” แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ หน้าตาเนื้อตัวร้อนวูบวาบไปหมดแล้ว

“แม่ก็ว่าอยู่ ฝนกระหน่ำลงมาหนักขนาดนั้น ดีที่อยู่ไม่งั้นคงแย่ ขึ้นห้องไปอาบน้ำสระผมก่อนเถอะลูก เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”

“ค่ะ” ดีที่แม่ไม่ติดใจสงสัยอะไร เธอรอดตัวได้อย่างหวุดหวิด

นักศึกษาสาวผมยาวเหยียดตรงดำขลับที่ยืนนิ่งอยู่ใต้ต้นจามจุรี ชวนให้มารียันต้องมองอย่างจับจ้อง เธอคนนั้นสวยสง่า เป็นดาวคณะนิติศาสตร์ อยู่ปี 4 เธอชื่อฤทัยนาค บริพัตน์กายชล มีศักดิ์เป็นหลานของน้ากายเหมือนกัน ดูจากความสวยดีกรีดาวคณะก็คงเป็นเครื่องยืนยันว่าคนตระกูลนี้สวยหล่อกันหมดทุกคน

ฤทัยนาคเดินตรงมาหามารียัน ทั้งสองรู้จักกันแต่ไม่สนิทขนาดที่จะชวนไปเที่ยวไหน แค่เจอกันยิ้มให้กันทักทายกันเล็กน้อยแล้วต่างคนต่างไป มารียันก็ไม่เคยไปยุ่งวุ่นวายด้วยฤทัยนาคเป็นรุ่นพี่ต่างคณะ หากแต่ตอนนี้ฤทัยนาคคงมีเรื่องที่จะคุยกับเธอ

“มารี ดีเลยที่เจอ” รอยยิ้มที่เพื่อนของมารียันเคยค่อนขอดในใจว่าปั้นยิ้มมากกว่าจะยิ้มจริงๆ เผยออกมา เพื่อนของเธอคงคิดมากไป หรือไม่ก็มีอคติกับคนยิ้มไม่เก่งมากกว่า

“คุณนาคมีธุระอะไรกับมารีหรือเปล่าคะ”

ตั้งแต่รู้จักกัน มารียันไม่เคยเรียกฤทัยนาคว่าพี่ และฤทัยนาคก็ไม่เคยบอกให้เธอเรียกพี่ เหมือนจะพอใจกับ ‘คุณนาค’ มากกว่า ‘พี่นาค’

“มะรืนนี้วันเกิดฉัน เธอจะไปกับครอบครัวหรือเปล่า ได้ยินว่าคุณแม่จะเชิญครอบครัวเธอไปด้วย”

ถามหรือเปล่า หรือพูดเพื่ออะไร มารียันไม่เข้าใจ เจ้าของวันเกิดไม่ได้ชวน แม่เจ้าของวันเกิดเป็นคนชวน เอ๊ะ ยังไง

“ยังไม่ทราบค่ะ คุณแม่ยังไม่บอกมารีเลย”

“ไหนๆ ก็ไหนๆ ยังไงก็ชวนเลยล่ะกัน เดี๋ยวจะหาว่าไม่ชวน”

“ค่ะ” ชวนแบบเสียมิได้ จะให้มารียันยินดีได้ยังไง เธอแค่นยิ้มแล้วคิดว่าจะไม่ไป ถ้าแม่อยากไปคงต้องไปกับน้าปรี

“มาเถอะนะ รู้มาว่าเธอไม่เคยออกงานหรูๆ นี่นา ฉันจัดงานเลี้ยงที่บ้าน จะได้บรรยากาศธรรมชาติกว่าที่โรงแรม มาเถอะนะ เปิดหูเปิดตาบ้างจะได้รู้ว่าคนรวยเขาอยู่กันยังไง” พูดจบก็สะบัดบ๊อบจากไปโดยไม่ฟังคำตอบ

มารียันไม่เข้าใจคนร่ำรวยอย่างฤทัยนาคจริงๆ ทำไมไม่เหมือนน้ากายเลยทั้งที่อยู่ในตระกูลเดียวกัน แต่จะว่าไปเธอเองก็ยังไม่รู้จักน้ากายดีพอ ยิ่งนานวันก็ยิ่งไม่รู้จัก กุญแจห้องอยู่ในกระเป๋ามาหลายวันแล้ว เขายังไม่โทร.หา หรืออาจจะเบื่อประเภทครั้งเดียวก็เกินพอหรือเปล่า แต่คงไม่ เพราะถ้าอย่างงั้นเขาคงไม่ให้กุญแจไว้

คงยังไม่ถึงเวลาของเธอกระมัง

บ้านหรือคฤหาสน์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้ามีอาณาบริเวณกว้างขวาง สนามหญ้าที่จุผู้คนนับร้อยมีแขกเหรื่อไม่บางตา ดูแล้วน่าจะไม่ใช่งานเลี้ยงวันเกิด น่าจะเป็นงานใหญ่และสำคัญกว่านี้ถึงเชิญแขกมาร่วมแสดงความยินดีมากมายเกินควรสำหรับมารียัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel