2 ถูกขายเป็นสาวใช้
ถูกขายเป็นสาวใช้
เมืองกุ้ยโจว แคว้นชิง
ยี่สิบสองปีต่อมาปลายวสันต์
บุรุษเรือนกายสูงใหญ่ที่มีผิวขาวดุจหิมะบุกรุกเข้ามาหาสตรีที่นอนอยู่บนเตียงหลังน้อยในยามวิกาล นางส่งเสียงหวานแผ่วเบา เสียงซึ่งเกิดจากการถูกริมฝีปากบางสีสดบรรจงลวกตามผิวกายสาว
ยอดถันงดงามของนางเย้ายวนใจเขายิ่ง มันเป็นสีชมพูเข้ม และนางมีหน้าอกอวบสวยขนาดใหญ่ มันเด้งไหวรับการนวดเฟ้นจากแรงมือของเขา ราวกับก้อนเต้าหู้เนื้อดี
เขาดูดเลียขบเม้มยอดถันพอให้นางส่งเสียงหวานอย่างเผลอไผล และหลังจากเล่นกับถันคู่งามสมใจ เขาก็เลื่อนริมฝีปากลงมาเรื่อยๆ กระทั่งถึงเนินสวาทที่ชวนให้ไล้ลิ้นชิม
ม่านซือซือเป็นหญิงที่ดูแลร่างกายได้ดีเหลือเกิน ขนซึ่งอยู่ใน ส่วนลับถูกเก็บให้เรียบร้อย มันจึงเผยให้ชายหนุ่มคลั่งหนักกว่าเดิม ด้วยเนินเนื้อนางนูนสวยอีกทั้งสั่นระริก ชวนให้เขากระแทกทั้งลิ้นและแก่นกายเข้าไปสำรวจความชุ่มชื้นข้างใน
“เจ้ารอข้าอยู่ใช่หรือไม่ คงปรารถนาร่วมรักกับข้ามิต่างกัน” เขาเอ่ยจบก็หัวเราะลงลูกคอ เสียงหัวเราะที่แสนประหลาดอีกทั้งชวนให้ ครั่นคร้ามใจ
ในคืนที่แสงจันทร์มีเมฆบดบังเช่นนี้ ห้องนอนของคุณหนูห้าสกุลม่านจึงมีเพียงแสงจากตะเกียงดวงน้อยที่ให้ความสว่างเพียงริบหรี่ แต่ก็มากพอที่จะให้เขาได้สำรวจและกินนางอย่างถึงใจ
ปลายลิ้นเรียวของเขาแทงลึกเข้าสู่กลีบบุปผา และมันคับแน่นมาก กระนั้นก็มีความต้องการอันบ้าคลั่งอยู่ข้างใน เมื่อถูกเขากระตุ้นอย่าง ไม่ลดละ น้ำหวานของนางจึงซึมออกมาไม่หยุด ร่างกายนางสั่นสะท้านน้อยๆ สั่นด้วยความรัญจวนใจ
สำหรับเขา คุณหนูห้าแห่งสกุลม่านเป็นสตรีที่พิเศษกว่าใคร นางอดกลั้นเก่ง อีกทั้งมีเสียงครางไพเราะทำให้เขาเคลิ้มไหว
ชายหนุ่มแทรกปลายลิ้นเข้าสู่แอ่งเนื้อนิ่มด้านในอีกหน ซึ่งคราแรกนางปิดกั้นไม่ให้เขาผ่านเข้าไป แต่พอมือใหญ่เอื้อมไปบดบี้ยอดถันสลับการคลึงให้นางเสียวซ่าน นางจึงคลายความแน่นออก และเปิดทางเย้ายวนให้เขาบุกทะลวง
ลิ้นร้อนแทรกแทงลึก นางจึงครางเสียงซาบซ่าน เมื่อเขาเร่งจังหวะรัวแรงหนักหน่วง นางก็เหมือนจะปล่อยความสุขล้ำให้เขาดื่มกิน
“อ๊ะ อ๊า...อี้...” นางร้องอย่างเผลอไผล ดวงตากลมโตปิดสนิท ยามนี้มีแต่แพขนตางอนยาวที่ไหวไปมา
หญิงสาวหลับลึก ส่วนหนึ่งมาจากกลิ่นธูปหอมซึ่งอบอวลอยู่ใน ห้องนอน
และเมื่อเขาส่งความสุขให้นางเพิ่มขึ้นด้วยปลายลิ้น สลับการดูดติ่งเนื้อนิ่มของนาง สตรีที่หลับใหลจึงครางเสียงหวานจัดกว่าเดิม
“อี้ๆๆ” น้ำเสียงนางไพเราะจับใจ จึงทำให้เขาพึงใจทุกครั้งที่ได้ยิน
คราแรก ชายหนุ่มอยากปรนเปรอความใหญ่โตในกางเกงของตนแก่นางเพื่อให้คลายกำหนัด ผิดแต่มันยังไม่ถึงเวลา และนับแต่นี้เขาต้องใช้เล่ห์กลเล็กๆ น้อยๆ เพื่อจะได้ตัวคุณหนูห้าสกุลม่านไปใช้งานในคฤหาสน์สัตตบงกช ซึ่งนางอาจโชคดีได้เป็นฮูหยินของเขา ไม่ใช่สิ...ตำแหน่งพระชายา หรืออาจถึงขั้นเป็นมเหสีของแคว้นชิง มันคงไม่เกินความสามารถที่นางจะเอื้อมถึง ขอเพียงนางเป็นสตรีที่อดทนได้เป็นเลิศ และหลั่งน้ำแห่งความสุขหวานล้ำให้เขาได้ลิ้มรสไม่ขาดปาก เพียงเท่านี้เขาก็จะเป็นคนสอนนางให้เก่ง เพื่อเป็นนางหงส์ที่จะอยู่เคียงข้างมังกร ผู้มีนามว่า จ้าวเล่อซี รัชทายาทใบ้แห่งแคว้นชิง...
******************
ม่านซือซือ นางเป็นลูกของอนุเซี่ย ซึ่งจากไปตั้งแต่นางอายุได้ ห้าปี ชีวิตนางไม่ถึงกับตกต่ำหรือถูกม่านฮูหยินกดขี่ข่มเหง แต่นางก็ไม่ได้รับความรักอย่างเต็มที่ กระนั้นบิดาของนาง ม่านเจิ้น ซึ่งเป็นหัวหน้ากองอักษรที่ศาลต้าเหลียงของเมืองกุ้ยโจว ก็เปิดโอกาสให้นางได้ร่ำเรียนอย่างเต็มที่
เมื่อได้อ่านหนังสือมากเข้า นางจึงมีไหวพริบและความสามารถหลากหลายกว่าสตรีทั่วไป อีกทั้งนิยมชมชอบวิชาการแพทย์ นางหัดฝังเข็มควบคู่การปรุงสมุนไพรเพื่อช่วยเหลือคน รวมถึงการทำเครื่องหอมและแป้งทาหน้า ยาบำรุงร่างกายให้แก่สตรี ม่านซือซือจึงเป็นที่รู้จักของคนมิน้อย ผู้คนรักนางอีกทั้งหยิบยื่นน้ำใจให้นางมิขาด ดังนั้นคุณหนูห้าสกุลม่านจึงไม่ได้มีชีวิตที่น่าสงสารในเรือนสักเท่าใด
ทว่าเป็นยามสายของวันนี้ ม่านซือซือไม่คิดว่าตนจะต้องพบสถานการณ์ชวนครั่นคร้ามใจ ทุกอย่างผิดพลาดไปหมด จู่ๆ นางถูกคนของบิดาออกคำสั่งให้เปลี่ยนรถม้า ซึ่งเป็นขากลับจากการรับจดหมายที่หอดอกเหมยให้เขา และแทนที่รถม้าคันดังกล่าวจะพานางคืนสู่เรือนสกุลม่าน กลับมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่นางไม่รู้จัก
ม่านซือซือหวาดกลัวจับใจ แต่พอจะโผล่หน้าออกไปถามคนข้างนอกนางก็ต้องปิดปากเงียบ คนที่ควบคุมรถม้าหาใช่บ่าวในเรือน!
เขากลับกลายเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ใส่ชุดสีเข้ม และนอกจากสวมหมวกสาน ใบหน้ายังอำพรางไว้ด้วยหน้ากากสีขาว มองเห็นแค่เพียงดวงตาเท่านั้น ยามมองจ้องนางมันทำให้ม่านซือซือสั่นไปทั้งร่าง!
“จะ เจ้าเป็นผู้ใด โจรเยี่ยงนั้นรึ”
ไร้เสียงตอบ คงมีแต่ดวงตาคมที่มองนางเขม็งและให้ความรู้สึกจู่โจมหญิงสาว นางจึงต้องถอยกลับเข้าไปอยู่ในรถม้าอย่างลนลานด้วยความกลัวจับจิต และยามนั้นนางอดสงสัยไม่ได้ว่า เหตุใดชายผู้นี้ถึงได้มีผิวขาวดุจหิมะ!
เวลาผ่านไปนานราวๆ เกือบหนึ่งชั่วยาม ม่านซือซือก็เริ่มเข้าใจถึงสถานการณ์ของตน รถม้าที่นางนั่งมาจอดนิ่งระหว่างทาง เป็นจุดพักม้าที่เงียบสงบซึ่งเกือบร้าง
รออยู่ไม่นานก็มีสตรีอีกสามนางถูกจับโยนเข้ามาข้างในรถพวกนางต่างมีสีหน้ามึนงง บางคนถูกจับตัวมาจากสกุลใหญ่ เสื้อผ้ากับเครื่องประดับของพวกนางบ่งบอกว่าเป็นลูกของคนมีอันจะกิน
“คนเลว พวกเจ้าทำกับข้าเช่นนี้ไม่ได้” หลิวฟ่านเอ่ยแล้วก็ร้องห่มร้องไห้ ดูเหมือนเสื้อผ้านางทั้งเปื้อนโคลนและมีบางส่วนฉีกขาด
ม่านซือซือจำนางได้ นางเคยไปซื้อของที่ร้านของอีกฝ่าย ทั้งสมุนไพรหายากรวมถึงผงหอมต่างๆ จึงเอ่ยถามเพื่อให้คลายความสงสัย
“เกิดสิ่งใดขึ้นกับคุณหนูหลิว!”
เมื่อหลิวฟ่านได้ยินคนเรียกตนจึงหันมาทางม่านซือซือ และเอ่ยด้วยเสียงสั่นๆ ว่า “เป็นข้าที่ถูกจับตัวมา แล้วเจ้าเล่า...มาอยู่ที่นี่ได้เยี่ยงไร”
“ถูกจับตัว! ใครกันบังอาจถึงขั้นจับตัวลูกสาวเจ้าบ้านหลิว” ม่านซือซือเอ่ยจบจึงสังหรณ์ใจในทางร้ายมากกว่าดี
“ฮึ! เกรงว่าคนที่กระทำเช่นนี้กับข้าคงมีแต่ท่านย่า... นางคงอยากลบชื่อข้าออกจากสกุลหลิว เพื่อข้าจะได้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับสมบัติที่จงใจให้ลูกชายคนรองนางเอาไปผลาญเล่น”
ม่านซือซือไม่กระจ่างใจสิ่งใดนัก แต่ข่าวของหลิวฟ่านดังไปทั่วเมืองมิน้อย สกุลนางมีทรัพย์สมบัติมหาศาล และนั่นทำให้หลิวฟ่านมีชื่อเสียงเสียหายอยู่เสมอ นางเป็นหญิงที่รักสนุก นิยมการร้องรำ ชอบจัดงานเลี้ยงที่เรือนของตน มีทั้งชายงามและหญิงงามเข้าออกเรือนตลอด หลายครั้งเรื่องของนางมีคนใส่ไข่เติมสีว่า หลิวฟ่านเป็นหญิงที่ชอบอุ่นเตียงกับทั้งชายและหญิง ซึ่งไม่ใช่คราวละคน แต่นางนิยมเล่นพิเรนทร์ทั้งข้างหน้าข้างหลังและริมฝีปาก แน่นอนว่าเมื่อชอบความสนุกเช่นนี้ นางย่อมไม่อาจใช้บุรุษหรือสตรีเพียงคนเดียวในการระเริงรัก
หลิวฟ่านหรี่ตามองม่านซือซือ ท่าทางนางเหมือนกำลังประเมินว่า อีกฝ่ายถูกจับขึ้นรถม้าคันนี้ได้อย่างไร
“ตัวเจ้าเล่า เหตุใดถึงถูกจับตัวมา” หลิวฟ่านถาม
“ขะ ข้า...มาเอาจดหมายให้ท่านพ่อที่หอดอกเหมย” ม่านซือซือเอ่ยจบ ก็เหมือนพึ่งพบความผิดปกติบางอย่าง ก่อนมองจดหมายในมือตน
“ซือซือ เจ้าคงถูกบิดาหลอกอย่างมิต้องสงสัย ในมือเจ้าคงไม่ใช่จดหมายอันใด แต่เป็นสัญญาขายตัวเสียมากกว่า โถ... เด็กโง่เอ๋ย”
“เอ จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ท่านพ่อจะขายข้าให้ใคร!?”
หลิวฟ่านไม่ได้ตอบ และนางปิดปากเงียบคล้ายถูกดึงเข้าสู่เรื่องดำมืด เป็นตอนนั้นที่ม่านซือซือคิดไม่ตก นางทบทวนหลายสิ่งตามลำพัง ก่อนค่อยๆ เปิดซองจดหมายและอ่านข้อความที่อยู่ข้างใน
สิ่งที่นางรับรู้ด้วยสองตาของตนมันคือความจริงเยี่ยงนั้นรึ สวรรค์ไยเล่นตลกกับนางถึงเพียงนี้
ม่านเจิ้นขายนางให้กับคนอื่น เรื่องบัดซบเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
“ทะ ท่านพ่อ ขายข้าให้กับคฤหาสน์สัตตบงกช!”
ม่านซือซือเอ่ยจบ นางก็เป็นลมหมดสติ
ม่านซือซือสลบไปนานเท่าไหร่นางไม่แน่ใจนัก แต่ที่สะดุ้งตื่นเพราะถูกทาสหญิงตัวอ้วนกำลังป้อนยาเม็ดกลมๆ สีดำเหมือนถ่านเข้าปากนาง ทั้งที่พยายามขัดขืน แต่นางกลับสู้แรงอีกฝ่ายไม่ไหว
“กลืนลงไป ไม่อย่างนั้น เจ้าได้ตายคามือข้าแน่”
เสียงนางทาสตวาดใส่และทำตาเหลือกถลน ม่านซือซือจึงพยักหน้ายอมให้นางทาสส่งยาเหม็นๆ เข้าปาก แต่นางเรียนรู้เรื่องสมุนไพรและยามามิน้อย ไฉนจะยอมกลืนมันลงท้องเล่า ม่านซือซือเลยดันยาไปที่กระพุ้งแก้ม พร้อมทำท่ากลืนยาอย่างสมจริง
“อยู่กันให้เงียบๆ อีกไม่ถึงหนึ่งร้อยลี้ก็ถึงจุดหมาย”
หลิวฟ่านที่ยามนี้มีสีหน้าไม่สู้ดี มองนางทาสและเอ่ยถาม
“นายของเจ้าต้องการอะไรกันแน่ ถึงได้ให้พวกข้ากินยาบ้าบออะไรเช่นนี้”
“ข้าไม่รู้ แม่นางทั้งหลายเพียงแค่ทำตัวให้ดี และอย่าตายก่อนถึงคฤหาสน์สัตตบงกชก็พอ อีกอย่าง อย่าถามสิ่งใดให้มากความ นอนพักเก็บแรงเอาไว้เสียเถิด เพราะหลังจากลงรถม้า คุณหนูทั้งหลายคงต้องเสียเหงื่อและส่งเสียงร้องเสียงครางระงมทั้งวันทั้งคืนอย่างแน่นอน”
คำข่มขู่ของนางทาสมาพร้อมสีหน้านางที่ดูโหดเหี้ยม และชวนให้ใจฝ่อเหลือเกิน
